xs
xsm
sm
md
lg

เปิดธาตุแท้ ตร.มือเล็งปืนใส่ฝูงชน ย้ำภูมิใจ! - “สล้าง” ลั่นยึดทำเนียบคืน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“สล้าง” แถลงตั้งกองกำลังยึดทำเนียบคืน พร้อมเปิดตัวมือเล็งปืนในคลิป เจ้าตัวระบุเล็งปืนหวังยิงสกัดล้อรถพุ่งชนเพื่อนตำรวจเท่านั้น และรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเพื่อนตำรวจด้วยกัน  

วันนี้ (10 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ได้นำตัว ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ จันทร อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งชันเข่าเล็งอาวุธปืนพกสั้นในแนวระนาบในคลิป ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ต่างๆ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมกันนี้ ก็มี ส.ต.อ.ประคอง พันระกา อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 2 บก.ตปพ.ซึ่งเป็นคู่ทำงานมีหน้าที่คอยคุ้มกันรถให้ ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์มาร่วมแถลงข่าวด้วย

พล.ต.อ.สล้าง กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจตกเป็นจำเลยของสังคม ตนเองเลือกแถลงข่าวที่นี่ เพราะเห็นว่าเป็นสื่อมวลชนที่เป็นกลาง ไม่เหมือนผู้บริหารสื่อบางที่ที่มีผลประโยชน์กับกลุ่มพันธมิตรฯที่ผ่านมา ตำรวจถูกเยาะเย้ยถากถาง กลุ่มพันธมิตรฯอ้างเบื้องสูงไปเอาน้ำจิตรลดามาแจ้งกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วอ้างว่าเป็นน้ำจากฟ้าประทานมา ซึ่งจริงๆ น้ำจิตรลดาใครก็ซื้อได้ จนท่านผู้หญิงคนหนึ่งทนไม่ได้ ไปซื้อน้ำจิตรลดามาแจกเจ้าหน้าที่ตำรวจ พูดจาอ้างเบื้องสูงอยู่ทุกวัน เพื่อถากถางตำรวจ หลังเกิดเหตุแพทย์โรงพยาบาลหนึ่งก็ไม่รักษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ให้กำลังใจตำรวจว่า หมอดีๆ มีอีกเยอะมากกว่าหมอชั่วๆ

พล.ต.อ.สล้าง กล่าวต่อว่า ตนเองได้ส่งหนังสือและอีเมลไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจ เพราะตอนนี้มีตำรวจกว่า 40 คน ลาป่วย เพื่อรักษาสุขภาพจิต และอีก 2 รายลาออกไป เพราะไม่รู้ว่าจะทำงานไปทำไม ทุกคนมีแต่ทำร้ายตำรวจ ใส่ความตำรวจ จนทำให้เหตุการณ์ลุกลามใหญ่โต อย่าง พล.อ.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯเดินออกไปให้ตำรวจจับกุม ก็เพื่อสร้างเรื่อง สร้างเหตุการณ์ให้รุนแรงให้เหมือนพฤษภาทมิฬ ให้เกิดการนองเลือด จากนั้นก็ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พาไปเข้าเฝ้าฯเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่ผ่านมา

“มีตำรวจมาพูดกับผมว่าตอนนี้ตำรวจไม่กล้าทำงาน เพราะผู้ใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจ ผมจึงคิดกับเพื่อนตำรวจนอกราชการที่อดีตเคยเป็นครู ตชด.ปจ.คอมมานโด กองปราบปราม ตั้งกองกำลังกู้ทำเนียบรัฐบาล โดยจะเสนอรัฐบาลว่าจะเข้าไปยึดทำเนียบคืนเอง เบื้องต้นรวบรวมตำรวจนอกราชการได้กว่า 1 พันนาย ซึ่งถ้าหากตำรวจในราชการอยากร่วมด้วยก็ขอให้ไปลาราชการมาร่วมกันทำงาน ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็มาร่วมได้ แต่ให้มาทำงานในส่วนอื่น เพราะไม่ได้รับการฝึกมา ซึ่งกองกำลังสามารถรวบรวมได้ภายใน 5 วัน ส่วนเรื่องเงินทุนถ้าไม่มีใครบริจาคสนับสนุน จะขายทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งเป็นเหรียญที่มีค่าที่ตนเองเก็บไว้มานาน จะมีการประมูลขายใครสนใจสนับสนุนก็ให้ติดต่อมาได้

ด้าน ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า ตนเองทำหน้าที่เป็นพลขับรถบัสขนอุปกรณ์พิเศษในการควบคุมฝูงชน ก่อนเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลขับอยู่ตรงบริเวณลานใกล้ประตูทางเขาพระที่นั่งวิมานเมฆ ขณะนั้นกำลังจะขับรถกลับเข้าไปรับเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่ตกค้างอยู่ ก็เห็นรถกระบะสีน้ำเงินขับพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4-5 นาย ตนเองจึงจะขับรถเข้าไปขวาง ซึ่งตอนนั้นได้รับแจ้งจากวิทยุสื่อสาร ว่า มีการยิงกันเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายรายแล้วให้เข้าไปอย่างระมัดระวัง และตอนนั้นก็รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่รัฐสภาออกมาหมดแล้ว ระหว่างที่จะขับรถเข้าไปขวาง เห็นว่า รถกระบะคันดังกล่าวขับพุ่งเข้ามาหวังจะชนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่แนวด้านหน้าซ้ำ ตนเองจึงวิ่งลงจากรถเอาอาวุธปืนประจำกายเป็นอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .357 ออกมา เพื่อหวังยิงสกัดยางล้อรถ เพื่อไม่ให้รถพุ่งมาชนเพื่อนตำรวจซ้ำ แต่รถคันดังกล่าวได้ขับหนีออกไปก่อน จึงไม่ได้ยิงปืนออกไป จากนั้นเพื่อนในหน่วยที่อยู่ใกล้เคียงก็มาสะกิดบอกว่ารถไปแล้ว ตนจึงได้ขึ้นรถขับตามออกไป ซึ่งตนเองพร้อมให้ตรวจสอบเขม่าดินปืน อาวุธปืนว่าไม่ได้ลั่นไก

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนตำรวจให้รอดชีวิต เพราะตอนนี้แนวด้านหลังก็มีเพื่อนตำรวจอยู่เป็นจำนวนมาก และด้านหน้าแนวเพื่อนที่ถูกรถชนก็ยังไม่มีใครเข้าไปช่วยออกมายังอยู่ที่เดิม ต่อข้อถามที่ว่า คิดหรือไม่ตอนนั้นถ้ายิงออกไปจะพลาดไปถูกกลุ่มผู้ชุมนุม ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตอนที่ชักอาวุธปืนออกมาตรงนั้น ยืนยันว่า ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่เลย มีเพียงตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและรถคันดังกล่าวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมสามารถพกพาอาวุธเข้าไปได้ ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปราบจลาจลจะไม่มีอาวุธ แต่ตนเองเป็นพลขับที่ต้องดูแลอุปกรณ์พิเศษในการควบคุมฝูงชน จึงอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปเพื่อป้องกันอุปกรณ์พิเศษเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติที่พกพาอาวุธปืน ยังยืนยันว่า ที่ทำไปนั้นรู้สึกภูมิใจได้ช่วยเหลือเพื่อนในหน่วย

“หลังเกิดเหตุการณ์ผู้บังคับบัญชาก็เรียกไปสอบถามว่าในรูปใช่ผมหรือเปล่า ซึ่งผมก็ตอบว่าใช่ ผู้บังคับบัญชาก็ให้เล่าเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และให้ทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งผมก็ได้ทำรายงานชี้แจงไปแล้ว ส่วนอาวุธปืนตอนนี้เก็บไว้ที่หน่วยพร้อมที่จะให้ตรวจสอบว่ายังไม่มีการยิงออกไป” ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น.ที่ กองปราบปราม พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ที่จะเดินทางไปเปลี่ยนเวรดูแลรักษาความปลอดภัย กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดย พล.ต.อ.สล้าง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษา ช่วง 6 ตุลา 2519 โดยหาว่านักศึกษาที่ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นคอมมิวนิสต์ ดูหมิ่นราชวงศ์ กรณีแสดงการแขวนคอ ชายลักษณะหน้าคล้ายพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์หนึ่ง นอกจากนี้ ยังหยิบยกกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งถูกกลุ่มพันธมิตรฯไล่ทำร้าย โดยกล่าวว่า ศักดิ์ศรีผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ถูกคนนอกกฎหมายย่ำยี ต้องกู้คืนมาให้ได้ และเตรียมกำลังจะยึดทำเนียบรัฐบาลคืน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สล้าง ยังได้พูดจาด่าทอแกนนำพันธมิตรฯ โดยใช้คำหยาบคายตลอดเวลา เมื่อกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

สำหรับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง อ.ตร.นั้น ในอดีตเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อครั้งที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม.พล.ต.อ.สล้าง เป็นรอง อ.ตร.รับผิดชอบดูแลงานด้านการจราจรนั้น มีความขัดแย้งทางแนวคิดเกี่ยวกับระบบรถไฟฟ้า ซึ่งทาง กทม.ต้องการให้สร้างแบบลอยฟ้า ในขณะที่ พล.ต.อ.สล้าง หนุนการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ในที่สุด กทม.ก็สร้างรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นแห่งแรก

พล.ต.อ.สล้าง เคยกลายเป็นข่าวฉาวเมื่อก่อเหตุอัปยศ ตบหน้า ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีต อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ในขณะไปส่งขึ้นเครื่องบินผลักไสให้ออกนอกประเทศ

ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2540 มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีวิสามัญฆาตกรรม “โจ ด่านช้าง” พร้อมพวกในข้อหาค้ายาเสพติดรวม 6 คน ที่อำเภอด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งกลายเป็นข่าวดังออกแพร่ภาพโด่งดังไปทั่วประเทศ และทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หลังเกษียณราชการ พล.ต.อ.สล้าง ได้ตั้ง “มูลนิธิ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค” ในปี 2541 ได้ให้มอบเภสัชกร และนายแพทย์ในมูลนิธิ ผลิตยา V1 (V1 Immunitor) อ้างว่า เป็นยาต้านโรคเอดส์ได้ โดยเฉพาะในปี 2544 เขาแจกยาก V1 ฟรีออกไปอย่างกว้างขวาง มีคนป่วยไปรอรับยาตัวนี้ วันละนับหมื่นคน ท่ามกลางข้อกังขาของวงการแพทย์ และสังคมวงกว้าง ว่า เป็นการโฆษณาเกินจริง กระทั่งต้องสั่งให้หยุดโฆษณา และแก้เกี้ยวว่า เป็นเพียงยาบำรุงกำลัง อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังเขาพยายามสร้างผลงาน แสดงความคิดเห็นสาธารณะ แต่สังคมไม่ได้ให้ความสนใจเขามากนัก

นอกจากนี้ ยังเป็นที่รับรู้กันในสังคมว่า พล.ต.อ.สล้าง นั้น มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข มาตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังเป็นสารวัตรอยู่กองปราบปราม จากนั้นต่างก็เกื้อกูลกันมาโดยตลอดด้วย
พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอ.ตร. ไปแถลงข่าวที่สตช. ระบุ จะเข้ายึดทำเนียบคืนจากพันธมิตรฯ
ตัวส.ต.ต.ณัฐวุฒิ จันทร ยังไม่สำนึก นำภาพตนเองที่ถูกเผยแพร่ อ้างว่า ภูมิใจ

กำลังโหลดความคิดเห็น