xs
xsm
sm
md
lg

บทละครก่อการร้าย “จงรัก” ทำเพื่อใคร?

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

193 วัน...กับภารกิจกู้ชาติ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่สูญเปล่า แต่ได้รับชัยชนะจากกลุ่มอธรรม โดยชนะซึ่งความอยุติธรรม ความไม่ถูกต้อง ชอบธรรมในการบริหารประเทศ จากศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรค จนเป็นเหตุให้นักการเมืองทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า ที่ไม่ถูกสั่งพักยกเว้นวรรคทางการเมืองคนละ 5 ปี วิ่งวุ่นจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งประชาชนอย่างเราๆ ก็ตั้งตารอดูผลงาน และอยากจะคาดหวังกับโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะเป็นใครนั้นต้องรอลุ้นผลยกมือโหวตในสภาอีกครั้ง

แม้ทางการเมืองจะเดินหน้าไปในทิศทางที่น่าจะสามารถลดอุณหภูมิความร้อนแรงไปได้บ้างแล้ว แต่ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถือได้ว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ยังพยายามที่จะเอาผิด โยนความผิดให้กับพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่หันกลับไปมองดูและพิสูจน์ความเป็นจริง ต่อความรับผิดชอบในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม 2551 แต่ยังดันทุรังสร้างหลักฐาน ตกแต่งสำนวนคดี โดยอ้างว่าทำเพราะมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษ

3 ธ.ค. 51 “แก๊งไข่แม้วดำ” โดยการนำของนายแพทย์เหวง โตจิราการ นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย พร้อมพวก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อภิชน เจริญผล พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.1 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 12 คน ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายสำราญ รอดเพชร นายศิริชัย ไม้งาม นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า ในความผิดฐาน “ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญา กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ การกระทำนั้นมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลทให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ยแรง หรือสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 (2) โดยอ้างกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำกลุ่มคนบุกเข้าปิดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับนำชายฉกรรจ์ซึ่งมีอาวุธเข้ายึดหอบังคับการบิน การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายการก่อการร้ายสากล

4 ธ.ค. 51 “พล.ต.ต.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติคงต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ พร้อมยกตัวอย่างคำว่า “การก่อการร้าย ตามหลักสากล” คือ “การกระทำของคนกลุ่มใดๆ ที่จะทำให้เกิดความหวาดกลัว เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ ก็ตาม เช่น หากเป็นคดีฆาตกรรมธรรมดา ก็อาจเป็นเรื่องการฆ่าคนตายแล้วนำศพไปทิ้งหรือฝัง เพื่ออำพรางคดี ส่วนการก่อการร้ายก็จะใช้วิธีการฆ่าแล้วตัดคอนำไปทิ้งไว้ในกลางตลาด ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนทั่วไป แต่พฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯที่พาผู้ชุมนุมบุกยึดสนามบินนั้น ตนคงไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ ซึ่งความเห็นดังกล่าวก็เป็นนัยยะที่พันธมิตรฯน่าจะเข้าข่ายไม่เกี่ยวกับการก่อการร้าย

นายพลหน้าจอ “จงรัก จุฑานนท์” ได้พยายามรุกคืบ เพื่อขานรับนโยบายรัฐบาล ได้ประชุมเร่งรัดดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังหมอเหวง และพวกเข้าแจ้งความฐานก่อการร้าย แต่หยอดคำหวานที่น่าจะเชื่อถือได้หรือไม่นั้นว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะแจ้งข้อหาตามพยานหลักฐาน

ถัดจากวันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศชัยชนะพร้อมถอนทัพออกจากทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพียง 4 วัน คือ 8 ธ.ค. 51 “จงรัก จุฑานนท์” ได้นำนักประดาน้ำลงงมหาอาวุธสงครามในคลองผดุงกรุงเกษม และรอบทำเนียบฯ แต่ต้องหน้าแหกไม่พบอาวุธร้ายแรง หรืออาวุธสงครามตามที่คาดหวังไว้ แต่ยังไม่ยอมลดละที่จะสรรค์หาซึ่งพยานหลักฐาน ที่หลายฝ่ายมองเป็นการจัดฉากยัดเยียดหลักฐานเท็จให้กับพันธมิตรฯ และยังปากดีสั่งพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดแกนนำพันธมิตรฯ ฐานก่อการร้าย และขู่ว่าจะหาหลักฐาน 66 บริษัทห้างร้านที่สนับสนุนพันธมิตรฯ ยึดสนามบินส่งฟ้อง ปปง.ยึดทรัพย์

ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการ ปปง.บอกว่า สำหรับเรื่องนี้ถือเป็นการมุ่งหวังเพื่อทำลายกันทางการเมืองมากกว่า โดยมีนายตำรวจที่ต้องการขึ้นมาเป็นใหญ่ อยากจะสร้างผลงานให้แก่ตัวเอง โดยเอา ปปง.เป็นทางผ่านในการดำเนินคดีฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม ปปง.เป็นองค์กรที่ทำงานโดยยึดหลักข้อกฎหมายเป็นสำคัญ หากเรื่องใดเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดก็จะดำเนินการให้ แต่หากไม่เข้าองค์ประกอบก็จะไม่รับดำเนินการ โดยจะทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ส่วนจะให้ไปตรวจสอบ ทรัพย์สินของใคร เพื่อหวังผลทางการเมือง ปปง.ก็จะไม่ดำเนินการ แหล่งข่าว ปปง.ย้ำด้วยว่า

สำหรับข้อหาก่อการร้าย ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก อีกทั้งการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงที่ผ่านมาก็น่าจะไม่เข้าองค์ประกอบความผิด เพราะกฎหมายให้พิจารณาถึงเรื่องเจตนาเป็นสำคัญ กับความพยายามที่จะปั้นแต่งตามบท ตามสคริปต์ที่สร้างขึ้นเพื่อจะทำลายล้างเผ่าพันธมิตรฯ “กลุ่มสมุนแม้ว” ยังดับเครื่องชนต่อไป ล่าสุด 10 ธ.ค. 51 นายแพทย์เหวง กับพวก “คปพร.” ได้ร้องต่อสตช. กล่าวโทษ 24 แกนนำ พธม.อีก ว่าทำผิด กม.การเดินอากาศจากการปิด 2 สนามบิน รวมทั้งผิด พ.ร.บ.กระจายเสียงฯ ฐานปลุก ปั่นล้มล้างระบอบปกครอง พร้อมร้องแรกแหกกระเชอให้ปิด “เอเอสทีวี”

และในฝ่ายของตำรวจที่บอกนักบอกหนาว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ทำงานเพื่อประชาชน แต่กลับเร่งสนองฝ่ายการเมืองเต็มที่ ในวันเดียวกัน (10 ธ.ค.51) สน.ดุสิต ได้ตรวจพบระเบิดเอ็ม 79 ระเบิดปิงปอง 6 ลูก อาวุธปืน .38 ปืน .45 จำนวน 4 กระบอก และเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก ประทัดยักษ์ซุกซ่อนอยู่ภายในสโมสรสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) นอกจากนี้ยังพบระเบิดแสวงเครื่องอีก 2 ลูก บริเวณข้างประตู 5 ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยตำรวจบอกเพียงว่าต้องให้หน่วยตรวจพิสูจน์เก็บกู้ระเบิดของ สตช.ตรวจให้ละเอียด และสอบปากคำแม่ค้าในโรงอาหารทำเนียบให้ละเอียดอีกครั้ง พร้อมยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานที่ต้องเร่งสร้างและสะสมไว้เอาผิดพันธมิตรฯ

ยังและยังไม่พอ หมายถึงหลักฐานต่างๆ ที่สร้างขึ้นยังไม่พอเพียงจะเอาผิดพันธมิตรฯ ได้ ในวันเดียวกัน (10 ธ.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตำรวจนางเลิ้งพบระเบิดปิงปองซุกไว้ในท่อท่อบนฟุตปาธบริเวณแยกพานิช ด้านข้างโรงเรียนราชวินิตมัธยมเกือบ 100 ลูก ตำรวจบอกจะประสานชุดสืบสวน ตรวจสอบและสืบหาตัวผู้ที่นำมาซุกซ่อนไว้เพื่อดำเนินคดีต่อไป และคาดผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ นำมาซุกซ่อนไว้

11 ธ.ค. ทนายความพันธมิตรฯ ได้เดินทางไปฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อให้ตำรวจทำงานอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และซื่อสัตย์ต่อประชาชน โดยระบุการตั้งข้อหาก่อการร้าย ถือเป็นสิ่งที่รุนแรงตำรวจควรพิจารณาเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้โดยเร็ว

ในช่วงเวลาที่มีการสลายการชุมนุม 7 ตุลาคม ที่หน้ารัฐสภา “จงรัก จุฑานนท์” นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลบหน้าหลบตาปลีกวิเวกเงียบกริบไม่ออกมาจ้อให้ข่าวกับการที่พันธมิตรฯถูกตำรวจฆ่าประชาชน แต่เมื่อวันที่พันธมิตรฯถอนทัพสลายการชุมนุมในทุกจุด “จงรัก” ก็ได้เร่งบทบาทออกมาตีปี๊บโหมโรง กะจะเล่นงานพันธมิตรฯ ให้เต็มเหนี่ยว สร้างค่าให้ตัวเอง พูดดิสเครดิตพันธมิตรฯ เต็มที่ ซึ่งทำเพื่ออะไร ทำเพื่อตัวเอง หรือทำเพื่อใคร “จงรัก” เท่านั้นที่รู้ดีและให้คำตอบกับตัวเองได้

เพราะความผิดฐานก่อการร้ายเป็นความผิดที่กำหนดขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2546 ซึ่งได้รับการแก้ไขในรัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีสาระสำคัญว่าผู้ใดกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม ซึ่งการกระทำนั้นมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ หรือบังคับรัฐบาลไทยให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด อันก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วน หวาดกลัวในหมู่ประชาชนให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 20 ปี ซึ่งตั้งแต่มีกฎหมายนี้ยังไม่มีใครเคยถูกกล่าวโทษกระทำผิดฐานนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอเข้าองค์ประกอบความผิดฐานนี้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องมีหลักฐานให้ล้นหลาม

บทละครเรื่องนี้น่าติดตาม อย่างที่ “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” มท. 1 เคยพูดไว้ก่อนที่พันธมิตรฯ จะยุติการชุมนุมว่า ดูละครต้องดูกันหลายฉาก หลายตอนไม่จบกันง่ายๆ นั้น มันก็น่าจะจริง เนื่องจากตัวละคร หมายถึง พยานหลักฐาน ที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาจะต้องเล่นตามบทให้สมจริง ส่วนตอน “อวสาน” ใครชนะต้องติดตามกันต่อไป
นพ.เหวง โตจิราการ
จงรัก จุฑานนท์ ยืนสั่งการเต็มที่
เหล่ามนุษย์กบที่เกณฑ์มางมหาหลักฐาน

อาวุธที่งมขึ้นมาได้
อาวุธสงคราม เจอซุกในโรงอาหารในทำเนียบ
มีทั้งระเบิด เอ็ม 79 ปืน .38 / .45 กระสุนเพียบ
ถุงระเบิดปิงปอง พบที่ข้างโรงเรียนราชวินิต
กำลังโหลดความคิดเห็น