กองปราบฯ รวบกลุ่มลูกจ้างบริษัทรับเดินท่อร้อยสายไฟใต้ดิน อาวุธครบมือขณะจับกลุ่มในศาลาที่พักหน้าวัดนวลจันทร์ เพื่อเตรียมจะเดินทางเข้าทวงถามค่าแรงจากนายจ้าง หลังแจ้งความตำรวจให้ตามเรื่องก่อนหน้านี้แต่ไม่มีความคืบหน้า แต่ตำรวจมาเจอท่าทางมีพิรุธเรียกตรวจค้น แต่ทั้งกลุ่มกลับวิ่งหนีขึ้นรถเตรียมหลบหนี จึงควบคุมตัวไปสอบพร้อมส่งตัวให้สน.เจ้าของท้องที่ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชี่ยววิทย์ ศรีวิเชียร สว.กก.1 บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายชูชาติ สุขสำราญ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/9 หมู่ที่ 1 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. นายวิชัย ครุฑธะกะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 804 หมุ่ที่ 6 ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี นายวิชาญ ขวาของ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ที่ 7 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายอนุสรณ์ สุขสำราญ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/3 แขวงและเขตสายไหม กทม. และนายเพชร ชะฏา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 3 ต.เกษตรวิสัย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด พร้อมของกลางอาวุธปืน ขนาด .357 ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน 1 กระบอก กระสุนอีก 40 นัด มีดพก 1 เล่ม วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง และใบกระท่อมจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าวัดนวลจันทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราหาข่าวในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ พบผู้ต้องหานั่งจับกลุ่มบริเวณศาลาที่พักหน้าวัดนวลจันทร์ ลักษณะท่าทางมีพิรุธจึงเรียกตรวจค้น ปรากฏว่าทั้งหมดได้วิ่งขึ้นรถยนต์เตรียมหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมและตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดเป็นพนักงานบริษัทรับเดินท่อร้อยสายไฟใต้ดินของบริษัทแห่งหนึ่งย่านลาดปลาเค้า หลังทำงานไปได้สักระยะหนึ่งปรากฏว่านายจ้างไม่จ่ายค่าแรงตามที่ตกลงกันไว้ รวมคนงานทั้งหมด 8 ราย เป็นเงินจำนวน 1 แสนกว่าบาท หลังจากนั้นได้ติดต่อทวงถามมาหลายครั้งแล้วแต่ได้รับการปฏิเสธมาตลอด วันเกิดเหตุขณะเตรียมมาทวงหนี้จากนายจ้าง แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ส่วนอาวุธปืนเป็นของนายวิชัย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืน และมียาเสพติดประเภท 3 (ใบกระท่อม) ไว้ในครอบครอง
นายอนุสรณ์ ให้การว่า ไม่ได้ตั้งใจมาปล้นหรือทำร้ายนายจ้างแต่อย่างใด ที่มาเพื่อต้องการทวงหนี้ที่ตนและเพื่อนถูกโกง ส่วนเรื่องปืนไม่ทราบว่านายวิชัยพกมาด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ให้ดำเนินคดีกับนายจ้างคนดังกล่าวแต่พนักงานสอบสวนกลับไม่รับแจ้งความ จึงร่วมกันมาทวงหนี้กระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคาม เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เนื่องจากหากผู้ต้องหากำลังเตรียมเข้าไปทวงหนี้ ซึ่งถ้าหากนายจ้างไม่ให้ หรือตกลงกันไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะผู้ต้องหามีอาวุธครบมือ นายจ้างอาจถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวนำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถยนต์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฉางเฉิน คาร์เซอร์วิส ซอยนวมินทร์ 74 ถนนนวมินทร์ แขวงและเขตบึงกุ่ม กทม.หลังสืบทราบว่าอู่ดังกล่าวรับซื้อรถมาจากแก๊งโจรกรรมรถยนต์ชื่อดังในเมืองนนทบุรี รู้จักกันในชื่อ “แก๊งม้าขาว”
จากการตรวจค้นพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ษต-1851 กทม.ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายกิตติศักดิ์ สุวะมาตย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 หมู่ที่ 10 ต.ห้วยไร่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ช่างซ่อมรถยนต์ และ น.ส.นิยม บุญดี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 3 ต.หนองตระคอง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พนักงานบัญชี มาสอบสวนทราบว่าอู่ดังกล่าวเป็นของนายชาญ ม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ส่วนตนทั้งสองเป็นลูกจ้างเท่านั้น ไม่ทราบว่ารถดังกล่าวเป็นรถยนต์ถูกโจรกรรมมาแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมตัวนายชาญมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชี่ยววิทย์ ศรีวิเชียร สว.กก.1 บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายชูชาติ สุขสำราญ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/9 หมู่ที่ 1 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. นายวิชัย ครุฑธะกะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 804 หมุ่ที่ 6 ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี นายวิชาญ ขวาของ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ที่ 7 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายอนุสรณ์ สุขสำราญ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/3 แขวงและเขตสายไหม กทม. และนายเพชร ชะฏา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 3 ต.เกษตรวิสัย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด พร้อมของกลางอาวุธปืน ขนาด .357 ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน 1 กระบอก กระสุนอีก 40 นัด มีดพก 1 เล่ม วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง และใบกระท่อมจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าวัดนวลจันทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราหาข่าวในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ พบผู้ต้องหานั่งจับกลุ่มบริเวณศาลาที่พักหน้าวัดนวลจันทร์ ลักษณะท่าทางมีพิรุธจึงเรียกตรวจค้น ปรากฏว่าทั้งหมดได้วิ่งขึ้นรถยนต์เตรียมหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมและตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดเป็นพนักงานบริษัทรับเดินท่อร้อยสายไฟใต้ดินของบริษัทแห่งหนึ่งย่านลาดปลาเค้า หลังทำงานไปได้สักระยะหนึ่งปรากฏว่านายจ้างไม่จ่ายค่าแรงตามที่ตกลงกันไว้ รวมคนงานทั้งหมด 8 ราย เป็นเงินจำนวน 1 แสนกว่าบาท หลังจากนั้นได้ติดต่อทวงถามมาหลายครั้งแล้วแต่ได้รับการปฏิเสธมาตลอด วันเกิดเหตุขณะเตรียมมาทวงหนี้จากนายจ้าง แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ส่วนอาวุธปืนเป็นของนายวิชัย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืน และมียาเสพติดประเภท 3 (ใบกระท่อม) ไว้ในครอบครอง
นายอนุสรณ์ ให้การว่า ไม่ได้ตั้งใจมาปล้นหรือทำร้ายนายจ้างแต่อย่างใด ที่มาเพื่อต้องการทวงหนี้ที่ตนและเพื่อนถูกโกง ส่วนเรื่องปืนไม่ทราบว่านายวิชัยพกมาด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ให้ดำเนินคดีกับนายจ้างคนดังกล่าวแต่พนักงานสอบสวนกลับไม่รับแจ้งความ จึงร่วมกันมาทวงหนี้กระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคาม เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เนื่องจากหากผู้ต้องหากำลังเตรียมเข้าไปทวงหนี้ ซึ่งถ้าหากนายจ้างไม่ให้ หรือตกลงกันไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะผู้ต้องหามีอาวุธครบมือ นายจ้างอาจถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวนำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถยนต์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฉางเฉิน คาร์เซอร์วิส ซอยนวมินทร์ 74 ถนนนวมินทร์ แขวงและเขตบึงกุ่ม กทม.หลังสืบทราบว่าอู่ดังกล่าวรับซื้อรถมาจากแก๊งโจรกรรมรถยนต์ชื่อดังในเมืองนนทบุรี รู้จักกันในชื่อ “แก๊งม้าขาว”
จากการตรวจค้นพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ษต-1851 กทม.ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายกิตติศักดิ์ สุวะมาตย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 หมู่ที่ 10 ต.ห้วยไร่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ช่างซ่อมรถยนต์ และ น.ส.นิยม บุญดี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 3 ต.หนองตระคอง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พนักงานบัญชี มาสอบสวนทราบว่าอู่ดังกล่าวเป็นของนายชาญ ม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ส่วนตนทั้งสองเป็นลูกจ้างเท่านั้น ไม่ทราบว่ารถดังกล่าวเป็นรถยนต์ถูกโจรกรรมมาแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมตัวนายชาญมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป