ศาลนัดสอบคำให้การ และตรวจสอบพยานหลักฐานคดี “พี่ชาย-มารดาหมอเผ่า” ฟ้อง “เปมิกา” หมิ่นประมาท และแจ้งความเท็จ พร้อมกับเลื่อนตรวจพยานหลักฐานคดี “เปมิกา” ฟ้อง “พี่ชาย-เมียหมอเผ่า” หมิ่น ใช้จิตวิทยาหมู่หลอกเงิน 40 ล้าน จาก “หมอเผ่า” ไปเป็นวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เก้าโมง
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดา ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจสอบพยานหลักฐานคดีหมายเลยดำที่ 1973/2550 ที่ นางเพลินจิต และ นพ.ประกิตพันธุ์ ทมชิตชงค์ มารดา และพี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท, แจ้งความเท็จเพื่อให้บุคคลอื่นต้องรับโทษทางอาญาและเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 174, 177 และ 326 กรณีวันที่ 20 ก.พ.-9 มี.ค.2550 จำเลยใส่ความโจทก์ทั้งสองด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ว่า นพ.ประกิตเผ่า มีปัญหากับครอบครัว ทั้งมารดา พี่ชาย และภรรยา เกี่ยวกับการบริหารสถาบันกวดวิชาจนทำให้มารดา และพี่ชาย วางแผนหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่ โรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อรักษาอาการโรคจิต และต่อมาวันที่ 9 มี.ค.จำเลยได้เบิกความเท็จดังกล่าวต่อศาลอาญาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2551 น.ส.เปมิกา ให้แถลงต่อศาลขอให้การปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาในนัดนี้ทนายความโจทก์ได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ และคดีหมายเลขดำที่ อ.2026/2550 ที่ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.ประกิตพันธ์ และ นางอลิสา ทมทิตชงค์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.2550 จำเลยทั้งสอง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า โจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารอีเฟรดรีน ที่พบในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า ใช้จิตวิทยาหมู่หลอกเอาเงินจำนวน 40 ล้านบาท ไปจาก นพ.ประกิตเผ่า โดยมิชอบ ที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันเดียวกันออกไปก่อน เนื่องจากต้องรอการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาในคดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2551 ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ น.ส.เปมิกา ชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับ นางอลิสา ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า กรณีที่ นางอลิสา ฟ้องว่า น.ส.เปมิกา มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามี มาใช้เป็นพยานเอกสารประกอบการพิจารณาคดีทั้งสองคดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีความจำเป็นจึงให้เลื่อนการตรวจพยานหลักฐานของทั้งสองคดีออกไปเป็นวันที่ 23 ก.พ.2552 เวลา 09.00 น.และกำชับให้ทนายความของ นพ.ประกิตพันธ์ คัดถ่ายคำพิพากษาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมาให้ครบ เพื่อส่งเป็นพยานเอกสารต่อศาล ซึ่งหากไม่ส่งในนัดดังกล่าวถือว่าไม่ติดใจนำส่งเอกสารอีก
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดา ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจสอบพยานหลักฐานคดีหมายเลยดำที่ 1973/2550 ที่ นางเพลินจิต และ นพ.ประกิตพันธุ์ ทมชิตชงค์ มารดา และพี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท, แจ้งความเท็จเพื่อให้บุคคลอื่นต้องรับโทษทางอาญาและเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 174, 177 และ 326 กรณีวันที่ 20 ก.พ.-9 มี.ค.2550 จำเลยใส่ความโจทก์ทั้งสองด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ว่า นพ.ประกิตเผ่า มีปัญหากับครอบครัว ทั้งมารดา พี่ชาย และภรรยา เกี่ยวกับการบริหารสถาบันกวดวิชาจนทำให้มารดา และพี่ชาย วางแผนหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่ โรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อรักษาอาการโรคจิต และต่อมาวันที่ 9 มี.ค.จำเลยได้เบิกความเท็จดังกล่าวต่อศาลอาญาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2551 น.ส.เปมิกา ให้แถลงต่อศาลขอให้การปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาในนัดนี้ทนายความโจทก์ได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ และคดีหมายเลขดำที่ อ.2026/2550 ที่ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.ประกิตพันธ์ และ นางอลิสา ทมทิตชงค์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.2550 จำเลยทั้งสอง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า โจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารอีเฟรดรีน ที่พบในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า ใช้จิตวิทยาหมู่หลอกเอาเงินจำนวน 40 ล้านบาท ไปจาก นพ.ประกิตเผ่า โดยมิชอบ ที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันเดียวกันออกไปก่อน เนื่องจากต้องรอการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาในคดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2551 ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ น.ส.เปมิกา ชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับ นางอลิสา ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า กรณีที่ นางอลิสา ฟ้องว่า น.ส.เปมิกา มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามี มาใช้เป็นพยานเอกสารประกอบการพิจารณาคดีทั้งสองคดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีความจำเป็นจึงให้เลื่อนการตรวจพยานหลักฐานของทั้งสองคดีออกไปเป็นวันที่ 23 ก.พ.2552 เวลา 09.00 น.และกำชับให้ทนายความของ นพ.ประกิตพันธ์ คัดถ่ายคำพิพากษาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมาให้ครบ เพื่อส่งเป็นพยานเอกสารต่อศาล ซึ่งหากไม่ส่งในนัดดังกล่าวถือว่าไม่ติดใจนำส่งเอกสารอีก
