ตีตราจองเก้าอี้ ผบ.ตร. “ปทีป-เพรียวพันธ์” ปะทุศึกคมเฉือนคม!

คำสั่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่โยกย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้ไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี หลังไม่สนองนโยบายรัฐบาล ในการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ปล่อยให้มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง และการแต่งโยกย้ายนายตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว. เด็กเส้นสายนักการเมืองพรรคพลังประชาชน ไม่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเฉพาะสาย“เจ๊แดง” ไม่ได้รับการพิจารณาแม้แต่คนเดียว แต่หวยกลับไปออกที่สายยี้ห้อยเกือบทั้งหมด จุดนี้เองที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับหลังบ้านเบเวอรี่ฮิลล์ยิ่งนัก

หลังเซ็นคำสั่งดังกล่าว อดีตนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ถึงแม้ว่าจะมีอาวุโสเป็นอันดับ 1 แต่บัญชีอาวุโสนี้เป็นบัญชีของปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการจัดลำดับใหม่ หลังจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กลับมารับตำแหน่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศาลปกครองกลาง พิพากษาเพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี-คำสั่ง สตช.ที่ คปค.ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผช.ผบ.ตร.พ้นตำแหน่ง ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านความมั่นคง ว่าเป็นกระบวนการไม่ชอบตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 47 ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กลับมามีลำดับอาวุโสและได้รับสิทธิผลประโยชน์ ในสังกัด สตช.ตามเดิม โดยเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับคำสั่งจากศาลปกครองกลาง และก.ตร.จัดทำบัญชีอาวุโสใหม่แล้ว พล.ต.อ.เพรียวพันธํ์ ก็จะมีอาวุโสเป็นรอง ผบ.ตร.อันดับ 1 แทน พล.ต.อ.ปทีป

สำหรับลำดับอาวุโสอื่นๆ เช่นอันดับ 3 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ทร์ ก็ดูจะไม่เข้าตารัฐบาลชุดนี้เพราะผลงานไม่เข้าตา หรือนายพลหน้าจอ อย่าง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ก็ยังอยู่ท้ายแถวอาวุโส เก้าอี้ ผบ.ตร. จึงเป็นการช่วงชิงระหว่าง พล.ต.อ.ปทีป ที่เกษียณ ปี 53 กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่เกษียณในปี 55 ซึ่งหากเป็น ผบ.ตร.ก็คงจะอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากไม่ถูกปลดเสียก่อน

จะอย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า คำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปช่วยราชการยังสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ระบุว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มีความผิดอะไร ต่างจากสมัยเมื่อครั้งนายสมัคร สุนทรเวช ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาทไปช่วยราชการฯนั้น ทางอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถที่จะปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้ เพียงแต่ให้ไปช่วยราชการเท่านั้น ดังนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท จะยังคงอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อไปจนถึงปลายเดือน ก.ย.2552 เป็นเวลาอีกปีกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว บรรดาแคนดิเดตในตำแหน่ง ผบ.ตร. อย่าได้มองข้าม เพราะพล.ต.อ.พัชรวาท นี่แหละ อาจจะรีเทิร์นกลับมาเป็น ผบ.ตร.เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์อีกครั้งก็เป็นได้ รวมทั้งบรรดาแคนดิเดต ผบ.ตร.ดังกล่าวใช่จะมีแต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ และพล.ต.อ.ปทีป เท่านั้น ต้องอย่าลืมว่า ยังมีรอง ผบ.ตร.อีกหลายคนที่มีกำลังภายในไม่น้อย อย่าง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย อดีตซี้บึ๊ก นช.แม้ว และนายพลที่แม้จะอยู่รั้งท้าย แต่มีมือถือเลื่อยเป็นอาวุธนั้น น่ากลัวยิ่งนัก

ยังมีข้อสังเกตอีกอย่างที่หลายคนอาจไม่ได้ล่วงรู้ ก็ในวันที่อดีตนายกรัฐมนตรีสมชาย สั่งปลด พล.ต.อ.พัชรวาทนั้น แว่วว่า พล.ต.อ.ปทีป เดินทางไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ แต่ไม่มีการยืนยันว่า ไปทำธุระ หรือราชการงานใด เพียงรู้มาว่าในวันนั้น อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ปักหลักค้างคืนที่จ.เชียงใหม่เช่นเดียวกัน!!

หลายคนปรามาสว่า "บิ๊กอ๊อด" หรือ "ป๋าทีป"ที่เด็กๆชอบเรียกขาน พล.ต.อ.ปทีปนั้น คงมีบุญวาสนาเพียงแค่เข้ามานั่งรักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร.เท่านั้น แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงวาระแรกที่ พล.ต.อ.ปทีป เข้ามารักษาการท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่กำลังทวีความรุนแรง และภาพลักษณ์ของตำรวจที่ถูกลดทอนลงอย่าน่าใจหายนั้น พล.ต.อ.ปทีป สั่งกู้ภาพลักษณ์ตำรวจ ด้วยการแต่งตั้ง “ผู้ช่วยจูดี้” พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้ตัวตน “บิ๊กอ๊อด” อาจจะไม่ชอบอดีตโฆษกจูดี้มาก่อนก็ตาม แต่อย่างน้อยๆ คำพูดคำจาของ พล.ต.ท.พงศพัศ ก็อาจจะช่วยทำให้ภาพลักษ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้นบ้าง

อีกประเด็นสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ หลายคนคงไม่ทราบว่า “บิ๊กอ๊อด” นั้นในอดีต มีความสัมพันธ์อันดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งนัก ทั้งเป็นรุ่นพี่ในเตรียมทหาร 9 (ตท.9) และรุ่นพี่ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.25) แต่จะลึกซึ้งถึงขนาดไหนนั้น ยังไม่เป็นที่เปิดเผย นอกเหนือจากนั้น “บิ๊กอ๊อด” ยังมีดี ด้วยมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับระดับบิ๊กในกองทัพต่างๆด้วย ในขณะเดียวกัน แม้แต่ภาคเอกชน ก็ยังให้การสนับสนุน"บิ๊กอ๊อด"ด้วยดีมาตลอด

ดังนั้น ผบ.ตร.คนต่อไป โปรดอย่ามองข้าม “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ที่ก้าวขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่มั่นคง อย่าเพิ่งปรามาสว่า เข้ามาเพื่อขัดตาทัพ เพราะถึงจุดนี้แล้ว ทุกคนต้องจับตามองชนิดนาทีต่อนาที เพราะสิ้นเสียงดนตรีรอบสุดท้าย จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองเก้าอี้ ผบ.ตร.ตัวนั้น!