ตำรวจใส่ร้ายกองทัพธรรม ขนท่อนเหล็กที่เชื่อว่าจะนำไปประกอบเป็นอาวุธปืนมุ่งหน้าไปสู่สุวรรณภูมิ แต่ไม่มีตัวผู้ต้องหา อ้างปล่อยไปแล้ว แถมยังจับได้ตั้งแต่ 2-3 วันที่ผ่านมา แต่เพิ่งนำมาแถลงโชว์ หวังจะเข้าสลายการชุมนุมอย่างชอบธรรม โดยฝีมือ “มือปราบหูดำ” เด็กท้ายรถยี้ห้อย
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.3 เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยพล.ต.ต.วิชัย นำของกลางที่ตรวจยึดได้จากรถสองแถว 6 ล้อ ข้างรถติดป้ายกองทัพธรรมมูลนิธิ ประกอบด้วยท่อนเหล็กขนาดยาวประมาณ 1 เมตร จำนวน 15 ท่อน ขวานขนาดเล็ก 1 ด้าม ท่อเหล็กกลวงขนาดใหญ่ซึงคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้จำนวน 2 ท่อน, ท่อเหล็กกลวงขนาดเล็กซึ่งคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้ จำนวน 2 ท่อน เหล็กกลึงเปิดท้ายมีเกลียวด้านในซึ่งคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้ จำนวน 2 ท่อน เหล็กกลึงเกลียวด้านนอกมีเดือยแหลมซึ่งคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้ จำนวน 1 อัน หนังสติ๊ก 1 อัน ลูกหิน ลูกตะกั่วและหัวนอตจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ.ศรันย์ วงศ์สนิท รอง สว.จร.สน.ลาดกระบัง ได้ตั้งจุดตรวจพิเศษบริเวณถนนต่างระดับสุวรรณภูมิ 1 เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและป้องกันเหตุจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพบรถคันดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสารมาประมาณ 20 คน จึงขอตรวจค้นพบท่อนเหล็กและอาวุธดังกล่าวจึงขอยึดไว้ก่อนในเบื้องต้น ส่วนผู้ที่มากับรถโดยสารได้ปล่อยตัวไป แต่ทำการบันทึกภาพและรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว
ผบก.น.3 กล่าวต่อว่า ต่อมาจากการตรวจสอบพบว่าท่อนเหล็กที่ตรวจยึดได้นั้นส่วนหนึ่งมีการดัดแปลงเพื่อใช้เป็นเครื่องยิงกระสุนปืนได้ โดยทำแยกออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ส่วนลำกล้องและส่วนท้ายที่กลึงเอาไว้ในลักษณะที่มีเข็มแทงชนวน และจากการนำกระสุนมาตรวจสอบพบว่าท่อนเหล็กดังกล่าวสามารถใช้เป็นเครื่องยิงกระสุน ขนาดลูกซองเบอร์ 12 กระสุนขนาด .38 และ ขนาด .357 ได้ ซึ่งส่วนนี้จะมีการออกหมายจับผู้ที่อยู่ในรถที่ตรวจค้นได้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ตำรวจได้นำอาวุธดังกล่าวมาแถลงที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อหน้า พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่สนามบินดอนเมือง อีกทั้งการจับกุมได้ของกลางดังกล่าวตำรวจก็ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาแสดง ทั้งยังเป็นการคาดการณ์ของตำรวจทั้งสิ้นว่าท่อนเหล็กดังกล่าว สามารถที่จะนำไปประกอบเป็นอาวุธปืนได้ นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ตำรวจสามารถจับกุมตรวจค้นกรณีดังกล่าวได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่กลับเพิ่งนำมาแถลงข่าวในวันนี้ ซึ่งโดยปกติเมื่อตำรวจจับกุมสิ่งใดได้ไม่ว่าผู้ต้องหาหรือของกลาง หากเป็นเรื่องสำคัญจะแถลงต่อสื่อมวลชนให้ทราบในวันเกิดเหตุทันที แต่หากเป็นเรื่องไม่สำคัญนัก จะนำมาให้ “นาย” แถลงในวันถัดไป แต่กับกรณีดังกล่าว ตำรวจปล่อยให้ผ่านไปถึง 2-3 วันจึงนำมาแถลงดังกล่าว ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่าตำรวจนำเรื่องดังกล่าวมาแถลงต่อสื่อมวลชนเพื่อสร้างคงวามชอบธรรมให้กับตนเองในการเตรียมเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
สำหรับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม เจ้าของฉายามือปราบหูดำ เขาคือนายตำรวจที่ถูกกาหัวว่าเป็นเด็กนายเนวิน ชิดชอบ โดยครั้งที่เขาไปนั่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เขามีหน้าที่คอยตรวจสอบตามประกบความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้ง ฝ่ายตรงข้ามนายเนวินตามคำบัญชาการของผู้เป็นนาย ก่อนที่จะกลับเข้ากรุง มาดูแลพื้นที่เมืองหลวงในยามที่สถานการณ์การชุมนุมทวีความรุนแรงขึ้น
สำหรับประวัติ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อายุ 53 ปี เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2498 จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาโทพัฒนาสังคม จากสถาบันนิด้า ผ่านหลักสูตร ปรม.จากสถาบันพระปกเกล้า ปี 2550 และผู้บริหารชั้นสูงของ ตร.(บตส.) รุ่น 25
ในเส้นทางสีกากีตั้งต้นเมื่อปี 2524 เป็น รอง สว.ประจำ บช.น.จากนั้นก้าวผ่านตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รอง สว.สส.สน.พญาไท สวส.สน.พลับพลาไชย 2 สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 สว.จร.สน.บางเขน รอง ผกก.สส.น.ใต้ รอง ผกก.สส.บก.น.5 และ นว.(สบ 4) รอง ผบ.ตร. (พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ) ปี 2543 เป็น ผกก.สส.บก.น.8 แล้วขยับเป็น รอง ผบก.น.2 ปี 2546 ที่สร้างความฮือฮาตั้งชุด “ปะ ฉะ ดะ” ไล่ล่าอาชญากรรมในพื้นที่จนเป็นที่ขยาดของคนร้ายเมื่อได้ยินชื่อ “รองแต้ม-มือปราบหูดำ”
ในปี 2550 เจอมรสุมจาก คมช.ไปเป็น รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ อยู่ภูธรครั้งแรกในชีวิต และกลับมาผงาดขึ้นเป็นผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.) เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามาขึ้นเป็นผู้การในนครบาลตามตั๋วของ “นายเนวิน ชิดชอบ”
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.3 เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยพล.ต.ต.วิชัย นำของกลางที่ตรวจยึดได้จากรถสองแถว 6 ล้อ ข้างรถติดป้ายกองทัพธรรมมูลนิธิ ประกอบด้วยท่อนเหล็กขนาดยาวประมาณ 1 เมตร จำนวน 15 ท่อน ขวานขนาดเล็ก 1 ด้าม ท่อเหล็กกลวงขนาดใหญ่ซึงคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้จำนวน 2 ท่อน, ท่อเหล็กกลวงขนาดเล็กซึ่งคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้ จำนวน 2 ท่อน เหล็กกลึงเปิดท้ายมีเกลียวด้านในซึ่งคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้ จำนวน 2 ท่อน เหล็กกลึงเกลียวด้านนอกมีเดือยแหลมซึ่งคาดว่าจะใช้ดัดแปลงประกอบอาวุธได้ จำนวน 1 อัน หนังสติ๊ก 1 อัน ลูกหิน ลูกตะกั่วและหัวนอตจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ.ศรันย์ วงศ์สนิท รอง สว.จร.สน.ลาดกระบัง ได้ตั้งจุดตรวจพิเศษบริเวณถนนต่างระดับสุวรรณภูมิ 1 เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและป้องกันเหตุจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพบรถคันดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสารมาประมาณ 20 คน จึงขอตรวจค้นพบท่อนเหล็กและอาวุธดังกล่าวจึงขอยึดไว้ก่อนในเบื้องต้น ส่วนผู้ที่มากับรถโดยสารได้ปล่อยตัวไป แต่ทำการบันทึกภาพและรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว
ผบก.น.3 กล่าวต่อว่า ต่อมาจากการตรวจสอบพบว่าท่อนเหล็กที่ตรวจยึดได้นั้นส่วนหนึ่งมีการดัดแปลงเพื่อใช้เป็นเครื่องยิงกระสุนปืนได้ โดยทำแยกออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ส่วนลำกล้องและส่วนท้ายที่กลึงเอาไว้ในลักษณะที่มีเข็มแทงชนวน และจากการนำกระสุนมาตรวจสอบพบว่าท่อนเหล็กดังกล่าวสามารถใช้เป็นเครื่องยิงกระสุน ขนาดลูกซองเบอร์ 12 กระสุนขนาด .38 และ ขนาด .357 ได้ ซึ่งส่วนนี้จะมีการออกหมายจับผู้ที่อยู่ในรถที่ตรวจค้นได้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ตำรวจได้นำอาวุธดังกล่าวมาแถลงที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อหน้า พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่สนามบินดอนเมือง อีกทั้งการจับกุมได้ของกลางดังกล่าวตำรวจก็ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาแสดง ทั้งยังเป็นการคาดการณ์ของตำรวจทั้งสิ้นว่าท่อนเหล็กดังกล่าว สามารถที่จะนำไปประกอบเป็นอาวุธปืนได้ นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ตำรวจสามารถจับกุมตรวจค้นกรณีดังกล่าวได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่กลับเพิ่งนำมาแถลงข่าวในวันนี้ ซึ่งโดยปกติเมื่อตำรวจจับกุมสิ่งใดได้ไม่ว่าผู้ต้องหาหรือของกลาง หากเป็นเรื่องสำคัญจะแถลงต่อสื่อมวลชนให้ทราบในวันเกิดเหตุทันที แต่หากเป็นเรื่องไม่สำคัญนัก จะนำมาให้ “นาย” แถลงในวันถัดไป แต่กับกรณีดังกล่าว ตำรวจปล่อยให้ผ่านไปถึง 2-3 วันจึงนำมาแถลงดังกล่าว ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่าตำรวจนำเรื่องดังกล่าวมาแถลงต่อสื่อมวลชนเพื่อสร้างคงวามชอบธรรมให้กับตนเองในการเตรียมเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
สำหรับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม เจ้าของฉายามือปราบหูดำ เขาคือนายตำรวจที่ถูกกาหัวว่าเป็นเด็กนายเนวิน ชิดชอบ โดยครั้งที่เขาไปนั่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เขามีหน้าที่คอยตรวจสอบตามประกบความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้ง ฝ่ายตรงข้ามนายเนวินตามคำบัญชาการของผู้เป็นนาย ก่อนที่จะกลับเข้ากรุง มาดูแลพื้นที่เมืองหลวงในยามที่สถานการณ์การชุมนุมทวีความรุนแรงขึ้น
สำหรับประวัติ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อายุ 53 ปี เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2498 จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาโทพัฒนาสังคม จากสถาบันนิด้า ผ่านหลักสูตร ปรม.จากสถาบันพระปกเกล้า ปี 2550 และผู้บริหารชั้นสูงของ ตร.(บตส.) รุ่น 25
ในเส้นทางสีกากีตั้งต้นเมื่อปี 2524 เป็น รอง สว.ประจำ บช.น.จากนั้นก้าวผ่านตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รอง สว.สส.สน.พญาไท สวส.สน.พลับพลาไชย 2 สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 สว.จร.สน.บางเขน รอง ผกก.สส.น.ใต้ รอง ผกก.สส.บก.น.5 และ นว.(สบ 4) รอง ผบ.ตร. (พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ) ปี 2543 เป็น ผกก.สส.บก.น.8 แล้วขยับเป็น รอง ผบก.น.2 ปี 2546 ที่สร้างความฮือฮาตั้งชุด “ปะ ฉะ ดะ” ไล่ล่าอาชญากรรมในพื้นที่จนเป็นที่ขยาดของคนร้ายเมื่อได้ยินชื่อ “รองแต้ม-มือปราบหูดำ”
ในปี 2550 เจอมรสุมจาก คมช.ไปเป็น รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ อยู่ภูธรครั้งแรกในชีวิต และกลับมาผงาดขึ้นเป็นผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.) เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามาขึ้นเป็นผู้การในนครบาลตามตั๋วของ “นายเนวิน ชิดชอบ”