xs
xsm
sm
md
lg

อัยการสั่งไม่ฟ้อง “แม้วและพวก” ซุกหุ้นเอสซี แอสเสท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ภริยา วันที่เดินทางไปฟ้งคำพิพากษาคดีพจมาน - บรรณพจน์ ซุกหุ้นฯ
อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทักษิณ - หญิงอ้อ – นางบุษบา – บ.เอสซี แอสเสท ฯ คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ยันเป็นหน้าที่กองทุนแจงการซื้อขายหุ้น จึงต้องยกประโยชน์ให้ผู้ต้องหา ชี้หากอธิบดีดีเอสไอเห็นแย้งยังต้องให้ อสส.ชี้ขาดอีกรอบ ส่วนคดี “ แม้ว – อ้อ” ซุกหุ้นผ่านกองทุน ยังอยู่ในชั้นสอบสวนของ ปปช.

วันนี้ ( 15 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ แถลงข่าวกร๊คณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการบริษัทบริษัทเอสซี แอสเสท นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัทฯ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 1-4 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัทเอสซี แอสเสท

นายธนพิชญ์ กล่าวว่า คดีนี้ดีเอสไอ กล่าวหา กก.บห.บ.เอสซีแอสเสท (โดยนางเพ็ญโสม) และ นางบุษบา ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ว่าแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดสาระสำคัญ และกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 กระทำผิดกรณีไม่รายงานการขายหุ้น นั้นอัยการได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอและพยานหลักฐานต่างๆที่ได้สั่งให้สอบเพิ่มเติมทั้งในส่วนของเอกสารสำคัญจากประเทศมาเลเซียแล้ว พยานหลักฐานที่ปรากฏเพียงพอสำหรับการสั่งคดี และอัยการมีความเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 นั้นเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างโดยมีบริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการแทน และผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)ตรวจสอบถูกต้องแล้ว ส่วนการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน นั้น อัยการเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทั้งสองไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการซื้อ -ขายหุ้นด้วยตัวเอง แต่ซื้อขายหุ้นผ่านกองทุนแล้วดังนั้นหน้าที่การรายงานการซื้อขายหุ้นจึงเป็นของกองทุน ไม่ใช่หน้าที่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานที่จะต้องรายงาน ตามที่ถูกกล่าวหา

ด้าน นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอสซี แอสเสท เป็นคนละคดีกับซุกหุ้นผ่านกองทุนที่ ODF และ OGF ที่ดีเอสไอดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 และกฎหมายการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี ซึ่งดีเอสไอได้แยกสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ไต่สวน เพราะเป็นกรณีรัฐมนตรีซุกหุ้นจึงไม่ได้นำมาให้อัยการพิจารณาฟ้องร่วมกับคดีนี้ ดังนั้นคดีซุกหุ้นดังกล่าวจึงยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช.และหาก ป.ป.ช. เห็นสมควรส่งฟ้องก็จะส่งมาให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษรับผิดชอบคดีต่อไปอีกสำนวนหนึ่ง

“ อัยการได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวก ไปให้กับ อธิบดีดีเอไอแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งหาหากอธิบดีดีเอสไอพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับอัยการก็ถือเป็นอันยุติ แต่ถ้าเห็นแย้งก็ต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาด ซึ่งตามนัดเดิมอัยการนัดผู้ต้องหาทั้งสี่ฟังคำสั่งคดีในวันที่ 29 ตุลาคม นี้ ” อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษกล่าว

สำหรับคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กับพวก คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บ.เอสซี แอสเสทฯ นี้ ทางอัยการทำหนังสือชี้แจงอย่างละเอียด ดังนี้

ข้อกล่าวหาที่ 1 ที่กล่าวหา บริษัทเอสซีแอสเสทฯผู้ต้องหาที่ 1 และ นางบุษบา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนในสาระสำคัญ

ข้อกล่าวหาที่ 2 ที่ พพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาที่ 3 และ คุณหญิงพจมาน ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานเป็นบุคคลผู้จำหน่ายหลักทรัพย์ในลักษณะที่ทำให้ตนหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ถือหลักทรัพย์ในกิจการนั้นลดลงเมื่อรวมกันแล้วมีจำนวนทุกร้อยละห้าของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการนั้น ร่วมกันไม่รายงานถึงจำนวนหลักทรัพย์ในทุกร้อยละห้าของการจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ถายในวันทำการถัดจากวันที่ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการนั้น

ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนฟังได้ว่า

1.บริษัท เอสซี แอสเสท ฯ ผู้ต้องหาที่ 1 แสดงรายการข้อมูลตามความเป็นจริงและครบถ้วนตามประกาศที่ กจ.44/2543 โดยบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน)ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในยบัญชีรายชื่อ ที่สำนักงาน ก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเป็นผู้ร่วมจัดทำและรับรองความถูกต้องของข้อมูล และมีสำนักงานกฎหมายบริษัท ไว้ท์ แอนด์ เคส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

2. การยื่นคำขอ การอนุมัติ ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนปกติ เมื่อบริษัทผู้ต้องหาที่ 1 ยื่นคำขอ เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.ทำการตรวจแบบ 69-1 โดยให้เจ้าหน้าที่ของบริษัท และที่ปรึกษาทางการเงินชี้แจงเพิ่มเติมประกอบการตรวจข้อมูลหลายครั้งแล้ว เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.ทำบันทึกการตรวจโดยมีข้อสังเกตและข้อแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลหลายประการ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นที่เป็นประเด็นในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.เห็นว่าบริษัทผู้ต้องหาที่ 1 ได้เปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้จัดกลุ่มครอบครัวชินวัตร ซึ่งประกอบด้วย น.ส.พินทองทา น.ส.แพทองธาร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นกลุ่มเดียวกัน สำนักงาน ก.ล.ต.จึงมีหนังสือแจ้งให้บริษัทผู้ต้องหาที่ 1 และที่ปรึกษาทางการเงินร่วมกันแก้ไข

3.บริษัทผู้ต้องหาที่ 1 และที่ปรึกษาทางการเงินยื่นแบบ 69-1 ฉบัยบแก้ไขตามที่ ก.ล.ต.แจ้ง สำนักงาน ก.ล.ต.เห็นว่า มีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์แล้วจึงอนุมัติและมีผบใช้บังคับเมื่อวันที่ 31 ต.ค.46 โดยระบุ ว่า ณ.วันที่ 1 ก.ย.46 น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร มีหุ้นคำละ จำนวน 92,990,854 หุ้น คุณหญิงพจมาน มีหุ้น 9,253,127 หุ้น รวมหุ้นครอบครัวชินวัตร 195,234,835 หุ้น ,กองทุน OGF (Overseas Growth Fund Inc.) มี 31,780,000 หุ้น , กองทุน ODF (Offshore Dynamic Fund Inc.) มี 29,385,144 หุ้น และอื่นๆ มี 21 หุ้น

4.กองทุน OGF และ ODF เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศ ผู้มีอำนาจกระทำการคือผู้จัดการกองทุน ไม่ใช่ผู้ถือหน่วยลงทุน

5. น.ส.สุนันท์ เลิศสีทอง ผอ.อาวุโสฝ่ายวานิจธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ฯ ที่ปรึกษาทางการเงิน นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ทนายความอาวุโส ที่ปรึกษากฎหมาย ยืนยันว่าการยื่นแบบ 69-1 ของบริษัท ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ดำเนินการเป็นไปตามประกาศของสำนักงาน ก.ล.ต.ที่ กจ.44/2543 แต่หากยื่นภายหลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต.แก้ไขประกาศฯ ที่ กจ./2546 ใช้บังคับแล้วต้องปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.46 หลังจากที่บริษัทผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยื่นแบบ 69-1 และเสนอขายหุ้นเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ต.ค.46

6.เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้ใช้บังคับตามประกาศ สำนักงาน ก.ล.ต.ที่ กจ.44 /2543 ต่อมาได้มีการแก้ไขโดยประกาศฯที่ กจ.28/2546 ฝ่ายจดทะเบียนหลักทรัพย์ ได้ออกหนังสือเวียน ที่ จ(ว) 2/2547 ซักซ้อมความเข้าใจและอธิบายที่มาของการแก้ไขสรุปได้ว่า การแก้ไขสืบเนื่องจากในบางกรณีชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เปิดเผยไว้เป็นชื่อนิติบุคคลที่ถือหุ้นในทอดแรก ซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด จึงได้เพิ่มเติมให้เปิดเผยบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริง และธุรกิจหลักของบุคคลดังกล่าวด้วย

7.จากแบบ 69-1 ของบริษัทมหาชนรายอื่นซึ่งมีที่ปรึกษาทางการเงินทุกรายที่ยื่นตามประกาศที่ กจ.44/2543 ในช่วงเวลาเดียวกับผู้ต้องหาที่ 1 การเปิดเผยข้อมูลผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ส่วนแบบ 69-1 ของ บริษัทมหาชนรายอื่นที่ยื่นภายหลังเกิดเหตุจะปฏิบัติตามประกาศที่ กจ.28 /2546 ที่แก้ไขแล้ว

ข้อกล่าวหาที่ 2 ซึ่งกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ว่าเป็นบุคคลผู้จำหน่ายหลักทรัพย์ร่วมกันไม่รายงานการจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อ สำนักงาน ก.ล.ต.ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 246 และ 298 โดยความผิดฐานที่คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดที่รับมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มาตรา 317

1.ตามมาตรา 246 เป็นเรื่องบุคคลใด จำหน่ายหลักทรัพย์บุคคลนั้นมีหน้าที่ต้องรายงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดไว้ ในประกาศที่ กจ.58/2545 ซึ่งประกาศดังกล่าวระบุให้บุคคลที่ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์มีหน้าที่ต้องรายงานตาม มาตรา 246 ยื่นรายงานตามแบบ 246-2 ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ยื่นรายงานนั้นคือผู้ที่จำหน่ายหลักทรัพย์

2.ประกาศที่ กจ.58/2545 ข้อ 4 ระบุว่า เมื่อบุคคลใดแจ้งข้อมูลต่อสำนักงานเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติในส่วนที่ว่าด้วยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ หรือได้แสดงในรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการที่ยื่นต่อสำนักงานว่าตนเป็นกลุ่มเดียวกับบุคคลใดในการเข้าถือหลักทรัพย์ของกิจการนับแต่เวลาดังกล่าวเป็นต้นไปหน้าที่ในการรายงานตามมาตรา 246 ให้พิจารณาจากผลรวมของหลักทรัพย์ที่ถือโดยบุคคลทุกรายในกลุ่มและบุคคลตามาตรา 258 ของบุคคลในกลุ่มรายงานตามวรรคหนึ่งจะจัดทำและยื่นโดยบุคคลใดที่ข้อมูลต้องถูกรวมอยู่ในรายงานตามวรรคหนึ่งก็ได้ และเมื่อได้ยื่นต่อสำนักงานแล้วให้ถือว่าผู้ได้มาหรือจำหน่ายนั้นได้รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อสำนักงานตามมาตรา 246 แล้ว แต่การแจ้งข้อมูลตามประกาศที่ กจ.44/2543 ตามตารางการเปิดเผยข้อมูลแบบ 69-1 การถือหุ้นของกองทุน OGF และODF อยู่ในลำดับที่ 4-5 โดยไม่ได้มีการจัดรวมให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับบุคคลใดจึงไม่อยู่ในข้อบังคับของประกาศที่ กจ.58 /2545 ข้อ 4

3.กองทุน OGF และODF เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนที่ประเทศมาเลเซียภายใต้การควบคุมกำกับของสำนักงาน ก.ล.ต.มาเลเซีย มีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนได้เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในนามกองทุน OGF และODF ที่บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) ได้มอบอำนาจให้นาย มูฮัมหมัด อะวี กู เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนในการสั่งซื้อขายหลักทรัพย์

4.เมื่อแต่ละกองทุนได้ขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัสฯ ระหว่างวันที่ 17 เม.ย. – 28 ส.ค. 49 หลายครั้ง นายมูฮัมหมัด ผู้รับมอบอำนาจของทั้งสองกองทุนได้รายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เกิดร้อยละห้าของสัดส่วนที่ตนถือครองอยู่ให้สำนักงาน ก.ล.ต.ทราบตามแบบ 246-2 ครอบถ้วนแล้ว

ดังนั้นคณะทำงานอัยการจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องโดนส่งสำนวนการสอบสวนให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 34 และ ป.วิ อาญา มาตรา 145 ต่อไป และเนื่องจากคดีนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินคดีเฉพาะข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เท่านั้น ส่วนความผิดฐานอื่นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 พนักงานสอบสวนได้แยกไปดำเนินการต่างหากดังนั้นคณะทำงานอัยการจึงไม่วินิจฉัยในข้อกล่าวหาที่แยกดำเนินการไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น