xs
xsm
sm
md
lg

“จงรัก” ส่ง ตร.-ทหาร 9 กองร้อยอารักขารัฐสภา เลือกนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.
รอง ผบ.ตร.สั่งกำลังตำรวจ 7 กองร้อย และประสานของกำลังทหาร 2 กองร้อย เข้ารักษาการณ์ร่วมตำรวจ-ทหาร บริเวณรอบรัฐสภา โดยจะคอยป้องกันไม่ให้ฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้านเผชิญหน้ากัน ซึ่งตำรวจจะใช้เพียงโล่เท่านั้นในการป้องกัน ส่วนหากจะมีใครรบุกเข้าไปในรัฐสภาเจอกองร้อยปราบจลาจลที่มีอาวุธครบมือแน่


วันนี้ (11 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.น. แถลงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณอาคารรัฐสภา กรณีที่จะมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนไปกดดันในการโหวตนายกรัฐมนตรีว่า มีการจัดเตรียมกำลังจำนวนเจ้าหน้าที่ไว้จำนวน 9 กองร้อย โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 กองร้อย และฝ่ายทหาร 2 กองร้อย ซึ่งจะมีการจัดกำลังดูแลด้านหน้าอาคารรัฐสภา 1 กองร้อย ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายไม่ให้เกิดการประทะกัน และให้ห่างกันไม่ต่ำกว่า 50 เมตร โดยจะใช้เพียงโล่กำบังเท่านั้นจะไม่มีกระบองหรืออาวุธอื่น ส่วนภายในอาคารรัฐสภาถือเป็นสถานที่สำคัญ จะมีการวางกำลังเตรียมพร้อม โดยใช้ชุดปราบจลาจลพร้อมอาวุธครบมือเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลใดบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ซึ่งเจ้าหน้าที่คงยอมไม่ได้ต้องป้องกันอย่างเต็มที่ แต่ยืนยันจะใช้ความละมุนละม่อม

“อยากวอนพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดก็ตาม อย่ามาบริเวณหน้าสภา ให้ดูการถ่ายทอดที่บ้านจะดีกว่า เพื่อเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และปล่อยให้เป็นกลไกของกระบวนการรัฐสภา ส่วนเรื่องจะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างความวุ่นวายนั้นทางด้านการข่าวยังไม่มีรายงาน” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จงรัก มีหนังสือ ที่ 0016.(ศปก.น.)/340 ถึง รองผบช.น. ,ผบก.น.1 ,2 และ 6 ,ผบก.ตปพ. ,ผบก.จร. ,รองผบก.ศส.น. และ ผกก.ศทส.น. เพื่อให้รักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากมีสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งมีความคิดเห็นขัดแย้งทางการเมือง รวมตัวจัดกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ อีกทั้งยังปรากฏข่าวสารอาจมีกลุ่มบุคคลที่ 3 ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ก่อให้เกิดความวุ่นวายต่าง ๆ

จึงกำหนดให้ศาลฎีกา พื้นที่ สน.ชนะสงคราม ,สำนักงาน ป.ป.ช. พื้นที่ สน.ดุสิต ,อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พื้นที่ สน.พญาไท และ สน.ดินแดง ที่เคยถูกลอบวางระเบิดหลายจุด ,ศาลปกครอง พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง ,สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พื้นที่ สน.บางซื่อ ,ศาลรัฐธรรมนูญ พื้นที่ สน. พระราชวัง และ ศาลอาญากรุงเทพใต้ พื้นที่ สน.ยานนาวา

โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด สั่งการให้ ผกก. ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเพิ่มความถี่ในการออกตรวจ จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนวางกำลังซุ่มโป่งตลอด 24 ชั่วโมง จัดรถยนต์สายตรวจและรถรับแจ้งเหตุเคลื่อนที่ในห้วงเวลาที่เหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนให้เปิดไฟสัญญาณไซเรนด้วย และให้มีการตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัดในเส้นทางโดยรอบ เน้นการตรวจค้นอาวุธ วัตถุต้องสงสัย พร้อมกันนี้ให้เตรียมพร้อมรับการประสานจากฝ่ายทหาร ซึ่งจะจัดเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมปฏิบัติด้วย และให้ บก.ตปพ. จัดรถยนต์สายตรวจดูแลโดยรอบบริเวณและสถานที่ดังกล่าว ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรัฐสภาในวันพรุ่งนี้นั้น นี้จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากอีก 7 กองร้อย 1,000 นาย เพื่อมาดูแลความสงบเรียบร้อย จากแต่เดิมที่วันนึงมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 34 กองร้อย ใช้กำลังตำรวจประมาณ 5,000 นาย โดยรัฐบาลก็ได้อนุมัติงบกลางมาให้ เพื่อเป็นเบี้ยเลี้ยงในการควบคุมฝูงชน

ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ก. ในฐานะรองโฆษกตร. กล่าวเสริมว่า การคาดการณ์ว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมมากน้อยเท่าใด ขณะนี้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน ว่าจะเป็นกลุ่มไหนบ้างที่มาร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตามคาดว่าการออกมาเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ คงไม่พัฒนาไปในแนวทางความรุนแรง ในสถานการณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่นนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถควบคุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ และจะไม่เกิดเหตุการณ์บุกยึดรัฐสภาอย่างที่หลายฝ่ายวิตกแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการติดตามผู้ที่ยิงปืนขณะเกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ที่ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวนั้น เนื่องจากเกรงว่าหากแถลงข่าวไปแล้ว อาจจะไปเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำมาโจมตีได้ โดยหากคดีมีความคืบหน้าไปมาก จนสามารถสเก็ตภาพคนร้ายได้ ก็จะมีการเผยแพร่สู่สาธารณชน ในการเป็นประโยชน์ในกระบวนการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. รับผิดชอบดูแลด้านการจราจรของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุน หรือฝ่ายต้านรัฐบาล ไปยึดพื้นที่หน้ารัฐสภาซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้นั้น ทางตำรวจจะขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่บนพื้นผิวทางเท้าก่อน แต่หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ก็อาจจำเป็นต้องให้อยู่บนถนนบ้าง ขณะเดียวกันจะต้องมีทางเข้า-ออก เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมาประชุมเข้าประชุมได้

พล.ต.ต.ภาณุ ยังได้ขอร้องผ่านไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การชุมนุมเป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรือไม่รบกวนการประชุม และหากมีการชุมนุมหน้ารัฐสภาวันพรุ่งนี้ ตำรวจจะให้มีการชุมนุมภายในบริเวณถนนอู่ทองในเท่านั้น จะไม่ให้มีการลุกล้ำไปยังถนนราชวิถี ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ฝั่งธนบุรีเด็ดขาด

ขณะที่ พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกภาพสเกตช์ภาพคนร้ายที่สื่อมวลชนสามารถบันทึกภาพขณะใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ชุมนุมได้แล้ว ลักษณะเป็นชายไทย รูปร่างสันทัด สูงประมาณ 165 ซม. สวมหมวกลักษณะคล้ายหมวกกันน็อกสีขี้ม้า อายุประมาณ 50 ปี

พ.ต.อ.วิบูลยุทธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำภาพสเกตช์คนร้ายและพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับแล้ว ซึ่งขณะนี้ศาลอยู่ระหว่างพิจารณา และต่อจากนี้จะมีการนำภาพสเกตช์ให้ฝ่ายสืบสวนแต่ละ สน. ตรวจสอบบุคคลในภาพดังกล่าวพร้อมทั้งจะเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น