ตำรวจจับกุมแก๊งลักตัดสายเคเบิลของทีโอทีได้ยกแก๊ง โดยผู้ต้องหาถึงกับเช่ารถ 6 ล้อ ตระเวนขนของกลางจำนวนมาก มูลค่าเฉียดล้านบาท
วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สิญมนูญ์ พุทธิกุล ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวีระชัย เกสรจันทร์ อายุ 33 ปี นายวัลลภ อิ่มรัตน์ อายุ 38 ปี นายนที ดำริห์ อายุ 25 ปี นายศราวุฒิ ผลาหาญ อายุ 19 ปี และ นายธวัชชัย ปู่ทอง อายุ 28 ปี พร้อมของกลางสายเคเบิลทองแดง จำนวน 91 เส้น ยาวเส้นละ 3.50 เมตร และสายหัวต่อสายท่อเคเบิลทองแดง จำนวน 2 เส้น ยาวเส้นละ 2 เมตร รวมมูลค่า 900,000 บาท รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 73-0158 กทม. รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ตณ-3956 กทม.กรรไกรตัดสายเคเบิล 2 อัน เครื่องปั่นไฟและอุปกรณ์ส่องสว่าง 1 ชุด เครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง ชะแลง 3 อัน โซ่เหล็กยาว 4.50 เมตร 1 เส้น และกรวยยาง 10 อัน
พล.ต.ต.วรัญวัส เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.ต.เสกสรรค์ ปะเทสังข์ หัวหน้าสายตรวจ สน.สมเด็จเจ้าพระยา นำกำลังออกตรวจพื้นที่อยู่ก็ได้รับแจ้งจาก นายวิชัย นันทกสิกร นายช่าง 6 บริษัท ทีโอที จำกัด มหาชน ว่า มีคนร้ายกำลังลักลอบตัดสายเคเบิลอยู่บริเวณหน้าร้านเพิ่มพูนอะลูมิเนียม เลขที่ 709 ถนนลาดหญ้า ใกล้กับปากซอยลาดหญ้า 15 แขวงและเขตคลองสาน จึงรุดไปตรวจสอบก็พบกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คน กำลังช่วยกันรื้อถอนและตัดสายเคเบิลโทรศัพท์อยู่ โดยมีการใช้อุปกรณ์ส่องสว่างเครื่องหมายจราจรป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ จึงเข้าไปขอตรวจสอบหลักฐานการขออนุญาตรื้อถอนและตัดสายเคเบิล
พล.ต.ต.วรัญวัส กล่าวต่อว่า จากนั้น นายวีระชัย ได้ยื่นหนังสืออนุญาตเปิดบ่อพักสายโทรศัพท์บนผิวจราจร ลงวันที่ 31 พ.ค.2551 ประทับตราขององค์การโทรศัพท์ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นหนังสืออนุญาตของปลอม เนื่องจากปัจจุบันองค์การโทรศัพท์ได้เปลี่ยนเป็นชื่อเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ไปแล้วเจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบปากคำที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดย นายวีระชัย อ้างว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองเคยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายตัดต่อสายเคเบิล ของบริษัท ทีทีแอนด์ที มาก่อน แต่ได้เงินเดือนน้อยเพียงแค่เดือนละ 5,000 บาท ไม่พอค่าใช้จ่าย อีกทั้งตนเองยังเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบอีกนับแสนบาท เนื่องจากต้องผ่อนบ้านและรถ จึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ตัดสินใจหาเงินใช้หนี้ด้วยการชวนเพื่อนที่รู้จักกันอีก 4 คน ออกขโมยตัดสายเคเบิลไปขาย
นายวีระชัย ให้การต่อว่า ตนจะไปเช่ารถ 6 ล้อ ออกมา 1 คัน และใช้รถกระบะของตนเองอีกคัน ขับตระเวนไปตามถนนต่างๆ ที่มีท่อสายเคเบิลอยู่ จากนั้นก็จะเอากรวยยาง และอุปกรณ์ส่องสว่างลงมาตั้งวางไว้ เพื่อให้ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ออกมาตัดซ่อมสายเคเบิ้ล และหากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็จะใช้สำเนาหนังสืออนุญาตที่เคยแอบถ่ายเอกสารไว้ตั้งแต่สมัยยังทำงานอยู่เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยหลังจากตัดสายเคเบิลมาได้แล้วก็จะไปเผาหลอมเอาแต่เฉพาะทองแดงออกมา แล้วนำไปขายให้ร้านขายของเก่าย่านลำผักชี ในราคากิโลกรัมละ 230 บาท
ด้าน พ.ต.อ.สินมนูญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกครั้งกลุ่มผู้ต้องจะนำสำเนาหนังสืออนุญาตดังกล่าวไปถ่ายเอกสาร แล้วใช้ปากกาแก้ไขสถานที่หรือถนนที่ได้รับอนุญาตให้ขุด และตัดสายเคเบิลเป็นถนนที่กลุ่มผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุ ซึ่งหากเป็นหนังสืออนุญาตของจริงจะไม่มีการแก้ไขด้วยปากกา ทั้งนี้ จากการสอบสวนขยายผลกลุ่มผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมว่า ลงมือทำมาแล้วทั้งหมด 16 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณใต้สะพานสาทร ฝั่งถนนเจริญกรุง ท้องที่ สน.ยานนาวา ถึง 8 ครั้ง นำไปขายได้เงิน 92,000 บาท ท้องที่สน.สำเหร่ 2 ครั้ง ได้เงินมา 115,000 บาท และท้องที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยาอีก 6 ครั้ง ขายได้เงิน รวม 99,400 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สิญมนูญ์ พุทธิกุล ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวีระชัย เกสรจันทร์ อายุ 33 ปี นายวัลลภ อิ่มรัตน์ อายุ 38 ปี นายนที ดำริห์ อายุ 25 ปี นายศราวุฒิ ผลาหาญ อายุ 19 ปี และ นายธวัชชัย ปู่ทอง อายุ 28 ปี พร้อมของกลางสายเคเบิลทองแดง จำนวน 91 เส้น ยาวเส้นละ 3.50 เมตร และสายหัวต่อสายท่อเคเบิลทองแดง จำนวน 2 เส้น ยาวเส้นละ 2 เมตร รวมมูลค่า 900,000 บาท รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 73-0158 กทม. รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ตณ-3956 กทม.กรรไกรตัดสายเคเบิล 2 อัน เครื่องปั่นไฟและอุปกรณ์ส่องสว่าง 1 ชุด เครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง ชะแลง 3 อัน โซ่เหล็กยาว 4.50 เมตร 1 เส้น และกรวยยาง 10 อัน
พล.ต.ต.วรัญวัส เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.ต.เสกสรรค์ ปะเทสังข์ หัวหน้าสายตรวจ สน.สมเด็จเจ้าพระยา นำกำลังออกตรวจพื้นที่อยู่ก็ได้รับแจ้งจาก นายวิชัย นันทกสิกร นายช่าง 6 บริษัท ทีโอที จำกัด มหาชน ว่า มีคนร้ายกำลังลักลอบตัดสายเคเบิลอยู่บริเวณหน้าร้านเพิ่มพูนอะลูมิเนียม เลขที่ 709 ถนนลาดหญ้า ใกล้กับปากซอยลาดหญ้า 15 แขวงและเขตคลองสาน จึงรุดไปตรวจสอบก็พบกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คน กำลังช่วยกันรื้อถอนและตัดสายเคเบิลโทรศัพท์อยู่ โดยมีการใช้อุปกรณ์ส่องสว่างเครื่องหมายจราจรป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ จึงเข้าไปขอตรวจสอบหลักฐานการขออนุญาตรื้อถอนและตัดสายเคเบิล
พล.ต.ต.วรัญวัส กล่าวต่อว่า จากนั้น นายวีระชัย ได้ยื่นหนังสืออนุญาตเปิดบ่อพักสายโทรศัพท์บนผิวจราจร ลงวันที่ 31 พ.ค.2551 ประทับตราขององค์การโทรศัพท์ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นหนังสืออนุญาตของปลอม เนื่องจากปัจจุบันองค์การโทรศัพท์ได้เปลี่ยนเป็นชื่อเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ไปแล้วเจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบปากคำที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดย นายวีระชัย อ้างว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองเคยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายตัดต่อสายเคเบิล ของบริษัท ทีทีแอนด์ที มาก่อน แต่ได้เงินเดือนน้อยเพียงแค่เดือนละ 5,000 บาท ไม่พอค่าใช้จ่าย อีกทั้งตนเองยังเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบอีกนับแสนบาท เนื่องจากต้องผ่อนบ้านและรถ จึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ตัดสินใจหาเงินใช้หนี้ด้วยการชวนเพื่อนที่รู้จักกันอีก 4 คน ออกขโมยตัดสายเคเบิลไปขาย
นายวีระชัย ให้การต่อว่า ตนจะไปเช่ารถ 6 ล้อ ออกมา 1 คัน และใช้รถกระบะของตนเองอีกคัน ขับตระเวนไปตามถนนต่างๆ ที่มีท่อสายเคเบิลอยู่ จากนั้นก็จะเอากรวยยาง และอุปกรณ์ส่องสว่างลงมาตั้งวางไว้ เพื่อให้ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ออกมาตัดซ่อมสายเคเบิ้ล และหากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็จะใช้สำเนาหนังสืออนุญาตที่เคยแอบถ่ายเอกสารไว้ตั้งแต่สมัยยังทำงานอยู่เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยหลังจากตัดสายเคเบิลมาได้แล้วก็จะไปเผาหลอมเอาแต่เฉพาะทองแดงออกมา แล้วนำไปขายให้ร้านขายของเก่าย่านลำผักชี ในราคากิโลกรัมละ 230 บาท
ด้าน พ.ต.อ.สินมนูญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกครั้งกลุ่มผู้ต้องจะนำสำเนาหนังสืออนุญาตดังกล่าวไปถ่ายเอกสาร แล้วใช้ปากกาแก้ไขสถานที่หรือถนนที่ได้รับอนุญาตให้ขุด และตัดสายเคเบิลเป็นถนนที่กลุ่มผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุ ซึ่งหากเป็นหนังสืออนุญาตของจริงจะไม่มีการแก้ไขด้วยปากกา ทั้งนี้ จากการสอบสวนขยายผลกลุ่มผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมว่า ลงมือทำมาแล้วทั้งหมด 16 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณใต้สะพานสาทร ฝั่งถนนเจริญกรุง ท้องที่ สน.ยานนาวา ถึง 8 ครั้ง นำไปขายได้เงิน 92,000 บาท ท้องที่สน.สำเหร่ 2 ครั้ง ได้เงินมา 115,000 บาท และท้องที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยาอีก 6 ครั้ง ขายได้เงิน รวม 99,400 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป