xs
xsm
sm
md
lg

ตร.มึนกับ “ออหมัก” หา กม.เล่นงานคนใส่เสื้อ “ลูกจีนรักชาติ” ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจยังไม่รู้จะหากฎหมายข้อไหนมาเล่นงานกลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะให้สันติบาลดำเนินการกับผู้ที่สวมเสื้อ “ลูกจีนรักชาติ”

วันนี้ (5 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบการชุมนุมในที่สาธารณะเข้าสู่การพิจารณาของสภา พร้อมกับที่รัฐบาลผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 63 ในประเด็นสิทธิการชุมนุม ว่า เรื่องการแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ส่วนการผลักดันการเสนอ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ ที่ ตร.จะปรับปรุงแก้ไขจากร่างอันเก่าที่เคยไม่ผ่านการพิจารณาของสมาชิกสภานิติบัญญัตินั้น เพราะ ตร.เห็นว่า มีความจำเป็น แต่เมื่อทางรัฐบาลมีการผลักดันกฎหมายในลักษณะนี้เป็นการแสดงว่าหลายฝ่ายก็เห็นความสำคัญว่าควรมีเครื่องมือในการควบคุมการชุมนุมตามสิทธิของประชาชน โดยเคารพสิทธิของประชาชนส่วนอื่นที่เห็นต่างด้วย

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้ชี้แจงให้คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาหลายๆ ชุดรับทราบไปแล้วว่าตำรวจไม่มีเครื่องมือทางกฎหมาย ทำให้หลายครั้งไม่สามารถระงับความรุนแรงจากการชุมนุมได้ แม้จะมีกฎหมายอาญาแต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีศักดิ์กฎหมายใหญ่กว่า ทำให้การดำเนินการของตำรวจไม่สามารถทำได้โดยสมบูรณ์ ซึ่งครั้งนี้เมื่อมีการผลักดันกฎหมายผ่านกลไกรัฐสภาเป็นเรื่องดีที่สังคมมีเครื่องมือสร้างความเสมอภาคในสังคมอย่างชัดเจน พี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม จะได้มองเจ้าหน้าที่เองไม่ได้เลือกปฏิบัติเอาใจแต่ฝ่ายชุมนุม แต่ไม่เอาใจประชาชนส่วนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ

“ตร.เห็นด้วยกับแนวความคิดที่สมควรมีกฎหมาย หรือเครื่องมือที่จะมาควบคุมการชุมนุมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และให้ประชาชนได้รับสิทธิต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน” รองโฆษก ตร.กล่าว

ส่วนกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ตำรวจสันติบาลตรวจสอบแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่พยายามปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงต่อกรณีแก้ไจรัฐธรรมนูญ นั้น พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า การชุมนุมเรื่องใดที่ละเมิดกฎหมาย ยุยงทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในบ้างเมือง เป็นความผิดตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ก็กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมหลายๆกลุ่ม ตามที่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งความผิดในบางข้อกฎหมาย ตำรวจจำเป็นต้องรวบรวมพฤติกรรมต่างๆ นับแต่วันที่ 25 พฤษภาคม เป็นต้นมา ซึ่งกำลังสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง สำนวนสอบสวนคืบหน้าไปมาก และส่วนหนึ่งกำลังรออัยการสูงสุดพิจารณาคดีการชุมนุมที่บ้านสี่เทเวศร์ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ว่าจะสั่งคดีอย่างไร เนื่องจากลักษณะคล้ายคลึงกันเทียบเคียงกันได้ เราจึงรอดูทิศทางการสั่งคดีอย่างไร เพื่อจะได้มีแนวทางในการสั่งคดีในในทิศทางเดียวกัน

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ประเด็นที่กล่าวหาว่า กลุ่มพันธมิตรฯปลุกปั่นยุยงสร้างให้เกิดความวุ่นวายก็เป็นประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาตั้งแต่ต้น ซึ่งยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ทำเพื่อกลั่นแกล้ง แต่ทำตามหลักนิติธรรม ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ย้ำให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายใช้กฎหมายชัดเจน ส่วนประเด็นการติดตามพฤติกรรมของแกนนำการชุมนุมนั้น สันติบาลทำมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และที่ผ่านมา บันทึกภาพการทำกิจกิจกรรมของทุกลุ่มมาต่อเนื่อง อันไหนเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีก็เอาไปใช้ บางคดีเร่งก็ทำก่อน

ส่วนเนื้อหาการปราศรัยในแต่ละครั้งของแต่ละกลุ่มจะเข้าข่ายความผิดรุนแรงแค่ถึงขั้นปลุกปั่นจนเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจรไหนหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ต้องใช้กฎหมาย จะใช้ความรู้สึกตัดสินไม่ได้ แต่ยอมรับว่า การพูดปราศรัยของผู้ชุมนุมในบางครั้งหมิ่นเหม่ ยั่วยุ จนอาจผิดรุนแรงโดยตำรวจได้ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามาให้ความเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีผู้มาแจ้งความกลุ่มผู้ชุมนุมรวมทั้งหมด 16 คดี บางอันซ้ำก็ไปรวมสอบสวนคดีเดียวกัน ต่อเนื่องกันไป ซึ่งรวมคดีหมิ่น คดีความมั่นคง คดีผิดกฎหมายอาญา มาตรา 215 216 224 ด้วย ซึ่งเป็นคดีที่แจ้งความตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม เป็นต้นมา

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้ตำรวจสันติบาลตรวจสอบกรณีที่มีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ใส่เสื้อที่มีขอความว่า “ลูกจีนรักชาติ” นั้น รองโฆษก ตร.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่มีหนังสือคำสั่งในเรื่องนี้มาที่ ตร.หรือกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หาสั่งการจริงตามข่าว ตำรวจก็ต้องตรวจสอบ แต่ว่าเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ คงยังไม่สามารถตอบได้เพราะยังไม่เข้าข่ายความผิดชัดเจน ไม่เหมือนการใส่เสื้อที่มีรูปลามก ซึ่งผิดชัดเจน ทั้งนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจมองรวมถึงการปราศรัย อย่างไรก็ตามหากมีการตรวจสอบจริงต้องมาหารือกันในเรื่องข้อกฎหมายเสียก่อน

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า พรุ่งนี้ตนจะไปชี้แจงกรณีม็อบประทะกันที่ จ.อุดรธานี ต่อคณะกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้จะไดรับทราบผลการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจ

เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 63 ซึ่งกระทำต่อกลุ่มผู้ชุมนุมโดยตรงจะทำให้การชุมนุมรุนแรงขึ้นหรือไม่ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ตำรวจมีหน้าที่ดูแลความสงบและความปลอดภัย และป้องกันการประทะ หากมีผู้มาชุมนุมเพิ่ม ตำรวจ มีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรง ตำรวจก็ต้องเพิ่มกำลังและป้องกันขจัดเงื่อนไขที่นำสู่ความรุนแรง ทั้งนี้หากเกินกำลังตำรวจ ผบ.ตร.ได้ประสาน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อขอกำลังสารวัตรทหารมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ช่วยดูแลอีกแรงด้วย
เสื้อลูกจีนรักชาติ ด้านหน้า
เสื้อลูกจีนรักชาติ ด้านหลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น