เจ้าของร้านเพชรเข้าให้ปากคำ ตร.สเกตช์ภาพคนร้าย “แก๊งเนกไท” ฉกเพชรที่ยังลอยนวล พร้อมชี้ภาพจากแฟ้มประวัติอาชญากรเจอเป็นชาวเหนือ ตร.อยู่ระหว่างออกหมายจับ คาดเร็วนี้ได้ตัวคนร้าย
จากกรณีที่เกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์เพชรแอฟริกา น้ำหนัก 420 กรัม 2,100 กะรัต มูลค่าประมาณ 315 ล้านบาท ของนายจักพันธ์ ประมวลสุข อายุ 71 ปี โดยเหตุเกิดที่บริษัทจัดหางาน ซาป้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 161/414-411 ภายในซอยวิภาวดี 76 ถนนวิภาวดี แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ในท้องที่ สน.ดอนเมือง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น. พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ดอนเมือง ได้นำตัวนางรินทร์ลภัส ปุณยจิรพัฒน์ และนางมณฑาทิพย์ สุขพัฒนา ไปสเกตช์ภาพคนร้าย 2 คน ที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
โดย พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารและหลักฐานทั้งหมด โดยได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนนำผู้เสียหายไปออกภาพสเกตช์คนร้ายแล้ว จากการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานคาดว่าคนร้ายน่าจะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีการแบ่งหน้าที่กันก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังท้องที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทั้ง สน.ภาษีเจริญ สน.ตลิ่งชัน สน.คลองตัน เพื่อขอข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดีมาตรวจสอบ
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านที่อยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุสามารถจับภาพเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายหลบหนีขึ้นรถจักรยานยนต์เอาไว้ได้แต่อยู่ในระยะไกล จะต้องใช้เทคนิคทำภาพให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ส่วนตัวละครที่เป็นเศรษฐีชาวดูไบที่นางรินทร์ลภัส ผู้เป็นนายหน้ากล่าวอ้างถึงนั้นไม่มีตัวตน มีเพียงแค่เศรษฐีชาวอินโดนีเซียเท่านั้นที่มาติดต่อขอซื้อเพชรจริง หลังจากเกิดเหตุแล้วได้พาผู้เสียหายมาชี้ภาพจากแฟ้มประวัติอาชญากร ซึ่งผู้เสียหายได้ชี้ไปที่ นายพรหมมา จันทร์มะลิ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.4 ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยให้การยืนยันว่านายพรหมมาเป็นคนร้ายที่ฉกเพชรไป
“เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการออกหมายจับ นายพรหมมา จันทร์มะลิ ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย โดยใช้ยานพาหนะ และจะเรียกผู้เสียหายและพยานมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเร็วๆ นี้น่าจะจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ รวมไปถึงผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน” พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ กล่าว
ในเวลาต่อมานายจักรพันธ์ ประมวลสุข เจ้าของเพชรได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เพชรดังกล่าวตนได้ซื้อต่อมาจากเพื่อนที่ไปทำงานในประเทศแอฟริกา จำนวน 2 ก้อนในราคา 1,000,000 บาท จากนั้นตนจึงได้นำมาเก็บไว้ที่บ้าน ซึ่งจากนั้นตนก็ได้นำเพชรดังกล่าว ไปฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางกระบือ กทม.ไว้ แต่ต้องนำออกมาเนื่องจากไม่สะดวกเพราะเวลามีลูกค้ามาติดต่อขอดูเพชร จึงต้องนำออกมาไว้ที่บ้านและห่อเก็บใส่ตู้เซฟไว้เป็นอย่างดี และไม่เคยบอกใครให้ทราบว่าแม้แต่คนในครอบครัว
นายจักรพันธ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งตนก็ได้รู้จักกับ นางรินทร์ลภัส เมื่อวันที่ 15 ก.ค.เนื่องจากมีเพื่อนของตนได้แนะนำให้รู้จักว่าเป็นนายหน้าคอยติดต่อหาลูกค้าให้ตน และมีลูกค้าชาวดูไบต้องการเพชรของตน โดยจะวางเงินมัดจำจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ ในวันนี้ (25 ก.ค.) แต่ปรากฏว่า นางรินทร์ลภัส ได้โทรมาเลื่อนนัดเป็นเมื่อวาน (23 ก.ค.) และอ้างว่า จะมีชาวฮ่องกงมาขอดูเพชร ในเวลา 09.00 น.จากนั้นตนเดินทางมาตามนัด ปรากฏว่า นางรินทร์ลภัส ก็ได้บอกว่าขอเลื่อนเป็นเวลา 14.00 น. หลังจากนั้น นางรินทร์ลภัส ก็อ้างว่า เวลาประมาณ 11.00 น.จะมีคนมาวางเงินมัดจำ และช่วงนั้น นางรินทร์ลภัส ก็ได้ไปรับโทรศัพท์ ก่อนที่จะมีคนร้ายทั้ง 2 คน เดินมาที่หน้าประตู นางรินทร์ลภัส จึงเดินไปเปิดประตูรับ จากนั้น นางรินทร์ลภัส จึงได้มาเอาเพชรที่ตน แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับคนร้าย โดยให้ตน กับ นางมณฑาทิพย์ นั่งอยู่ข้างล่าง ประมาณ 15 นาที นางริมทร์ลภัส ก็ได้เดินลงมาพร้อมกับคนร้าย ก่อนจะเดินไปที่ประตูซึ่งตนก็คิดว่าได้เจรจากันเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้น นางรินทร์ลภัส ก็เดินกลับมาพร้อมกับบอกว่า คนร้ายได้ฉกเพชรหลบหนีไปแล้ว
“ผมก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และยังติดใจสงสัยในพฤติกรรมของนางรินทร์ลภัส เนื่องจากขณะเกิดเหตุตอนที่คนร้ายฉกเพชรไปทำไมจึงไม่ร้องขอความช่วยเหลือ และหลังจากที่คนร้ายฉกเพชรไปแล้วก็ไม่มีท่าทีตกใจเดินมาหาผมด้วยท่าทางปกติ และส่งเพชรอีกก้อนให้พร้อมกับบอกว่ามีคนฉกเพชรไป และอีกเรื่องหนึ่งคือในเมื่อติดต่อว่าจะขายเพชรให้กับเศรษฐีชาวดูไบแล้ว ทำไมยังจะขายเพชรให้กับคนร้ายอีก เหตุการณ์ดังกล่าวผมคิดว่าน่าจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง อย่างแน่นอน ผมคาดว่าน่าจะได้เพชรคืน เพราะเพชรอาจจะยังไม่หายไปไหน คนไม่มีโชคไม่มีวาสนาก็จะไม่เจอ ” นายจักรพันธ์ กล่าว
“แก๊งเนกไท” ฉกเพชรแอฟริกา 315 ล้าน ซิ่ง จยย.เผ่นลอยนวล
จากกรณีที่เกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์เพชรแอฟริกา น้ำหนัก 420 กรัม 2,100 กะรัต มูลค่าประมาณ 315 ล้านบาท ของนายจักพันธ์ ประมวลสุข อายุ 71 ปี โดยเหตุเกิดที่บริษัทจัดหางาน ซาป้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 161/414-411 ภายในซอยวิภาวดี 76 ถนนวิภาวดี แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ในท้องที่ สน.ดอนเมือง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น. พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ดอนเมือง ได้นำตัวนางรินทร์ลภัส ปุณยจิรพัฒน์ และนางมณฑาทิพย์ สุขพัฒนา ไปสเกตช์ภาพคนร้าย 2 คน ที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
โดย พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารและหลักฐานทั้งหมด โดยได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนนำผู้เสียหายไปออกภาพสเกตช์คนร้ายแล้ว จากการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานคาดว่าคนร้ายน่าจะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีการแบ่งหน้าที่กันก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังท้องที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทั้ง สน.ภาษีเจริญ สน.ตลิ่งชัน สน.คลองตัน เพื่อขอข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดีมาตรวจสอบ
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านที่อยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุสามารถจับภาพเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายหลบหนีขึ้นรถจักรยานยนต์เอาไว้ได้แต่อยู่ในระยะไกล จะต้องใช้เทคนิคทำภาพให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ส่วนตัวละครที่เป็นเศรษฐีชาวดูไบที่นางรินทร์ลภัส ผู้เป็นนายหน้ากล่าวอ้างถึงนั้นไม่มีตัวตน มีเพียงแค่เศรษฐีชาวอินโดนีเซียเท่านั้นที่มาติดต่อขอซื้อเพชรจริง หลังจากเกิดเหตุแล้วได้พาผู้เสียหายมาชี้ภาพจากแฟ้มประวัติอาชญากร ซึ่งผู้เสียหายได้ชี้ไปที่ นายพรหมมา จันทร์มะลิ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.4 ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยให้การยืนยันว่านายพรหมมาเป็นคนร้ายที่ฉกเพชรไป
“เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการออกหมายจับ นายพรหมมา จันทร์มะลิ ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย โดยใช้ยานพาหนะ และจะเรียกผู้เสียหายและพยานมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเร็วๆ นี้น่าจะจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ รวมไปถึงผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน” พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ กล่าว
ในเวลาต่อมานายจักรพันธ์ ประมวลสุข เจ้าของเพชรได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เพชรดังกล่าวตนได้ซื้อต่อมาจากเพื่อนที่ไปทำงานในประเทศแอฟริกา จำนวน 2 ก้อนในราคา 1,000,000 บาท จากนั้นตนจึงได้นำมาเก็บไว้ที่บ้าน ซึ่งจากนั้นตนก็ได้นำเพชรดังกล่าว ไปฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางกระบือ กทม.ไว้ แต่ต้องนำออกมาเนื่องจากไม่สะดวกเพราะเวลามีลูกค้ามาติดต่อขอดูเพชร จึงต้องนำออกมาไว้ที่บ้านและห่อเก็บใส่ตู้เซฟไว้เป็นอย่างดี และไม่เคยบอกใครให้ทราบว่าแม้แต่คนในครอบครัว
นายจักรพันธ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งตนก็ได้รู้จักกับ นางรินทร์ลภัส เมื่อวันที่ 15 ก.ค.เนื่องจากมีเพื่อนของตนได้แนะนำให้รู้จักว่าเป็นนายหน้าคอยติดต่อหาลูกค้าให้ตน และมีลูกค้าชาวดูไบต้องการเพชรของตน โดยจะวางเงินมัดจำจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ ในวันนี้ (25 ก.ค.) แต่ปรากฏว่า นางรินทร์ลภัส ได้โทรมาเลื่อนนัดเป็นเมื่อวาน (23 ก.ค.) และอ้างว่า จะมีชาวฮ่องกงมาขอดูเพชร ในเวลา 09.00 น.จากนั้นตนเดินทางมาตามนัด ปรากฏว่า นางรินทร์ลภัส ก็ได้บอกว่าขอเลื่อนเป็นเวลา 14.00 น. หลังจากนั้น นางรินทร์ลภัส ก็อ้างว่า เวลาประมาณ 11.00 น.จะมีคนมาวางเงินมัดจำ และช่วงนั้น นางรินทร์ลภัส ก็ได้ไปรับโทรศัพท์ ก่อนที่จะมีคนร้ายทั้ง 2 คน เดินมาที่หน้าประตู นางรินทร์ลภัส จึงเดินไปเปิดประตูรับ จากนั้น นางรินทร์ลภัส จึงได้มาเอาเพชรที่ตน แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับคนร้าย โดยให้ตน กับ นางมณฑาทิพย์ นั่งอยู่ข้างล่าง ประมาณ 15 นาที นางริมทร์ลภัส ก็ได้เดินลงมาพร้อมกับคนร้าย ก่อนจะเดินไปที่ประตูซึ่งตนก็คิดว่าได้เจรจากันเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้น นางรินทร์ลภัส ก็เดินกลับมาพร้อมกับบอกว่า คนร้ายได้ฉกเพชรหลบหนีไปแล้ว
“ผมก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และยังติดใจสงสัยในพฤติกรรมของนางรินทร์ลภัส เนื่องจากขณะเกิดเหตุตอนที่คนร้ายฉกเพชรไปทำไมจึงไม่ร้องขอความช่วยเหลือ และหลังจากที่คนร้ายฉกเพชรไปแล้วก็ไม่มีท่าทีตกใจเดินมาหาผมด้วยท่าทางปกติ และส่งเพชรอีกก้อนให้พร้อมกับบอกว่ามีคนฉกเพชรไป และอีกเรื่องหนึ่งคือในเมื่อติดต่อว่าจะขายเพชรให้กับเศรษฐีชาวดูไบแล้ว ทำไมยังจะขายเพชรให้กับคนร้ายอีก เหตุการณ์ดังกล่าวผมคิดว่าน่าจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง อย่างแน่นอน ผมคาดว่าน่าจะได้เพชรคืน เพราะเพชรอาจจะยังไม่หายไปไหน คนไม่มีโชคไม่มีวาสนาก็จะไม่เจอ ” นายจักรพันธ์ กล่าว
“แก๊งเนกไท” ฉกเพชรแอฟริกา 315 ล้าน ซิ่ง จยย.เผ่นลอยนวล