ตีนแมวมืออาชีพหัวหมอถูกตำรวจจับกุมได้ แต่ได้รับการประกันตัวออกไปในชั้นศาล พาทนายกลับมาแจ้งความกล่าวหาว่าถูกตำรวจซ้อมให้รับสารภาพทั้งที่ทำร้ายตัวเอง แต่ตำรวจรู้แกว บันทึกหลักฐานต่างๆ พร้อมภาพถ่ายไว้หมดเรียบร้อย และนำหมายศาลมาจับกุมขณะที่กำลังพาทนายเข้าแจ้งความ เล่นเอาตีนแมวเจ้าเล่ห์อึ้งพูดไม่ออก
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.บุปผาราม นายสุพจน์ หรือเล็ก คชวงษ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1189/5 ถนนคลองบางกอกใหญ่ แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น พกพาอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและเครื่องกระสุนติดตัวไปในหมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา และไม่มีเหตุอันสมควร พร้อมด้วย นายไพบูลย์ บุญสด ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุธี โตอดิเทพย์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บุปผาราม เพื่อแจ้งความว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บุปฝาราม นายหนึ่งทำร้ายร่างกายตนขณะกำลังสอบปากคำจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นายสุพจน์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนให้การกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สน.บุปผาราม จับมาดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบปากคำอยู่นั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนายหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบชื่อ แต่จดจำใบหน้าได้ ใช้ค้อนยางทุบตามตัว และเตะเข้าตามร่างกายหลายแห่งจนเกิดรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วตัว จนเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) จึงได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวในชั้นศาลเพื่อออกมาสู้คดี ก่อนจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช จากนั้น ก็ได้ประสานทนายความ ให้พาเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนคนดังกล่าว พร้อมด้วยนายไพบูลย์ บุญสด ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสุพจน์กำลังเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังอยู่นั้น ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ แก้วสะอาด รอง สว.สส.สน.บุปผาราม ก็ได้นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 476/2547 ลงวันที่ 13 พ.ค.2547 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น และใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2547 ภายในบ้านของผู้เสียหายรายหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เข้ามาทำการอายัดตัวนายสุพจน์ไปดำเนินคดีทันที ซึ่งเมื่อเจ้าตัวถูกเจ้าหน้าที่นำหมายจับมาจับกุมกลางโรงพัก เจ้าตัวก็ถึงหน้าถอดสี ออกอาการอ้ำอึ้งและไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าวอีก
ด้าน ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.30 น.ของวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสุพจน์ได้ถูกเจ้าหน้าที่สายตรวจจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลางอาวุธปืน 6.35 มม. และเครื่องกระสุนรวม 7 นัด คีมตัดเหล็ก ไขควง ประแจปากตาย และถุงมือ เอาไว้ได้ หลังจากได้รับแจ้งจากมีพลเมืองดีว่านายสุพจน์กับพวกเป็นชายและหญิงที่หลบหนีไปได้อีก 2 คน พยายามใช้คีมตัดเหล็กตัดแม่กุญแจบ้านเลขที่ 49 ซอยอิสรภาพ 3 แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เมื่อกำลังสายตรวจเดินทางไปถึงก็พบว่า นายสุพจน์ถูกชาวบ้านนับ 10 คนรุมประชาทัณฑ์จนสะบักสะบอมแล้ว จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาดำเนินคดีที่ สน.บุปผาราม
ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนในชั้นจับกุมนั้น นายสุพจน์ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันกับพวกชื่อนางกาญจน์ (ไม่ทราบนามสกุล) และนายนุกูล ศรีสุข วางแผนลักทรัพย์ที่บ้านหลังดังกล่าวจริง โดยให้ นายนุกูล เป็นคนดูต้นทางที่ปากซอยให้ ส่วนนางกาญจน์จะเป็นผู้ถือร่มบัง ขณะที่นายสุพจน์จะใช้คีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ทำลายแม่กุญแจ แต่ปรากฏว่า มีชาวบ้านเห็นจึงถูกถ่ายภาพขณะลงมือก่อเหตุ และถูกแจ้งตำรวจมาตามจับกุมเอาไว้ได้
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่นำชื่อและนามสกุล ของผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 คนไปตรวจสอบข้อมูลในทะเบียนราษฎร ปรากฏว่าไม่พบตัวตนแต่อย่างใด จึงคาดว่านายสุพจน์น่าจะให้การเท็จ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงคุมตัวนายสุพจน์ ไปตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 37/5 หมู่ 2 ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นบ้านที่พักอาศัยอยู่ทุกวัน ก็ไม่พบของผิดกฎหมายแต่อย่างใด พบเพียงมารดาของผู้ต้องหาอาศัยอยู่เพียงลำพังเท่านั้น จึงได้ควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก
ร.ต.อ.เกรียติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่นำตัวนายสุพจน์กลับมาสอบปากคำที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน นายสุพจน์ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เอาศีรษะโขกกับพื้น และกระถางต้นไม้ภายในห้องสืบสวน จนหน้าผากบวมปูด และมีบาดแผลกว้างประมาณ 1 ซม.มีเลือดไหลออกมาด้วย โดยนายสุพจน์อ้างว่ารู้สึกเครียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง จึงต้องหาทางระบายความเครียดด้วยวิธีนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำบันทึกให้เจ้าตัวเซ็นรับทราบและถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อป้องกันนายสุพจน์ กลับมาแจ้งความเท็จดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในภายหลัง ซึ่งนายสุพจน์ได้พาทนายความมาแจ้งความจริงตามคาด
ด้าน พ.ต.ท.สุธี กล่าวว่า เมื่อนายสุพจน์เดินทางมาถึงโรงพักก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนว่า นายสุพจน์ยังมีหมายจับข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในท้องที่ สภ.เมืองนนทบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 อีก 1 คดี ซึ่งต้องให้ฝ่ายสืบสวนทำการอายัดตัวไว้ก่อน เพื่อประสานตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี เจ้าของท้องที่เกิดเหตุมารับตัวไปดำเนินคดี สำหรับคดีทำร้ายร่างกายที่นายสุพจน์ มีความประสงค์จะแจ้งความนั้นยังไม่สามารถสอบปากคำได้ในตอนนี้ เพราะเจ้าตัวตกเป็นผู้ต้องหาไปเสียก่อน แต่ทราบว่านายสุพจน์ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.ศิริราช เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็สามารถนำใบความเห็นแพทย์มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทุกเมื่อ
สำหรับ นายสุพจน์ เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ จับกุมในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อ พ.ศ.2548 โดยศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลานาน 2 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่กลับใจพยายามหาช่องทางก่อเหตุอีกจึงถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในที่สุด
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.บุปผาราม นายสุพจน์ หรือเล็ก คชวงษ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1189/5 ถนนคลองบางกอกใหญ่ แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น พกพาอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและเครื่องกระสุนติดตัวไปในหมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา และไม่มีเหตุอันสมควร พร้อมด้วย นายไพบูลย์ บุญสด ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุธี โตอดิเทพย์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บุปผาราม เพื่อแจ้งความว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บุปฝาราม นายหนึ่งทำร้ายร่างกายตนขณะกำลังสอบปากคำจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นายสุพจน์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนให้การกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สน.บุปผาราม จับมาดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบปากคำอยู่นั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนายหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบชื่อ แต่จดจำใบหน้าได้ ใช้ค้อนยางทุบตามตัว และเตะเข้าตามร่างกายหลายแห่งจนเกิดรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วตัว จนเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) จึงได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวในชั้นศาลเพื่อออกมาสู้คดี ก่อนจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช จากนั้น ก็ได้ประสานทนายความ ให้พาเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนคนดังกล่าว พร้อมด้วยนายไพบูลย์ บุญสด ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสุพจน์กำลังเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังอยู่นั้น ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ แก้วสะอาด รอง สว.สส.สน.บุปผาราม ก็ได้นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 476/2547 ลงวันที่ 13 พ.ค.2547 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น และใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2547 ภายในบ้านของผู้เสียหายรายหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เข้ามาทำการอายัดตัวนายสุพจน์ไปดำเนินคดีทันที ซึ่งเมื่อเจ้าตัวถูกเจ้าหน้าที่นำหมายจับมาจับกุมกลางโรงพัก เจ้าตัวก็ถึงหน้าถอดสี ออกอาการอ้ำอึ้งและไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าวอีก
ด้าน ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.30 น.ของวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสุพจน์ได้ถูกเจ้าหน้าที่สายตรวจจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลางอาวุธปืน 6.35 มม. และเครื่องกระสุนรวม 7 นัด คีมตัดเหล็ก ไขควง ประแจปากตาย และถุงมือ เอาไว้ได้ หลังจากได้รับแจ้งจากมีพลเมืองดีว่านายสุพจน์กับพวกเป็นชายและหญิงที่หลบหนีไปได้อีก 2 คน พยายามใช้คีมตัดเหล็กตัดแม่กุญแจบ้านเลขที่ 49 ซอยอิสรภาพ 3 แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เมื่อกำลังสายตรวจเดินทางไปถึงก็พบว่า นายสุพจน์ถูกชาวบ้านนับ 10 คนรุมประชาทัณฑ์จนสะบักสะบอมแล้ว จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาดำเนินคดีที่ สน.บุปผาราม
ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนในชั้นจับกุมนั้น นายสุพจน์ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันกับพวกชื่อนางกาญจน์ (ไม่ทราบนามสกุล) และนายนุกูล ศรีสุข วางแผนลักทรัพย์ที่บ้านหลังดังกล่าวจริง โดยให้ นายนุกูล เป็นคนดูต้นทางที่ปากซอยให้ ส่วนนางกาญจน์จะเป็นผู้ถือร่มบัง ขณะที่นายสุพจน์จะใช้คีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ทำลายแม่กุญแจ แต่ปรากฏว่า มีชาวบ้านเห็นจึงถูกถ่ายภาพขณะลงมือก่อเหตุ และถูกแจ้งตำรวจมาตามจับกุมเอาไว้ได้
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่นำชื่อและนามสกุล ของผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 คนไปตรวจสอบข้อมูลในทะเบียนราษฎร ปรากฏว่าไม่พบตัวตนแต่อย่างใด จึงคาดว่านายสุพจน์น่าจะให้การเท็จ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงคุมตัวนายสุพจน์ ไปตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 37/5 หมู่ 2 ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นบ้านที่พักอาศัยอยู่ทุกวัน ก็ไม่พบของผิดกฎหมายแต่อย่างใด พบเพียงมารดาของผู้ต้องหาอาศัยอยู่เพียงลำพังเท่านั้น จึงได้ควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก
ร.ต.อ.เกรียติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่นำตัวนายสุพจน์กลับมาสอบปากคำที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน นายสุพจน์ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เอาศีรษะโขกกับพื้น และกระถางต้นไม้ภายในห้องสืบสวน จนหน้าผากบวมปูด และมีบาดแผลกว้างประมาณ 1 ซม.มีเลือดไหลออกมาด้วย โดยนายสุพจน์อ้างว่ารู้สึกเครียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง จึงต้องหาทางระบายความเครียดด้วยวิธีนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำบันทึกให้เจ้าตัวเซ็นรับทราบและถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อป้องกันนายสุพจน์ กลับมาแจ้งความเท็จดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในภายหลัง ซึ่งนายสุพจน์ได้พาทนายความมาแจ้งความจริงตามคาด
ด้าน พ.ต.ท.สุธี กล่าวว่า เมื่อนายสุพจน์เดินทางมาถึงโรงพักก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนว่า นายสุพจน์ยังมีหมายจับข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในท้องที่ สภ.เมืองนนทบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 อีก 1 คดี ซึ่งต้องให้ฝ่ายสืบสวนทำการอายัดตัวไว้ก่อน เพื่อประสานตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี เจ้าของท้องที่เกิดเหตุมารับตัวไปดำเนินคดี สำหรับคดีทำร้ายร่างกายที่นายสุพจน์ มีความประสงค์จะแจ้งความนั้นยังไม่สามารถสอบปากคำได้ในตอนนี้ เพราะเจ้าตัวตกเป็นผู้ต้องหาไปเสียก่อน แต่ทราบว่านายสุพจน์ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.ศิริราช เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็สามารถนำใบความเห็นแพทย์มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทุกเมื่อ
สำหรับ นายสุพจน์ เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ จับกุมในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อ พ.ศ.2548 โดยศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลานาน 2 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่กลับใจพยายามหาช่องทางก่อเหตุอีกจึงถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในที่สุด