พิษรักแรงหึง... หนุ่มก่อสร้างระแวงเมียสาดน้ำกรดใส่หน้า-ลำตัว ชำระโทสะ น้ำกรดกระเซ็นถูกลูกน้อยวัย 3 ขวบ ขณะที่เมียโร่ขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา ทั้งที่มีผ้าพันแผลพันตามร่างกาย บอก อยู่กินกันมาถูกทุบตีและทะเลาะกันตลอด ครั้งนี้สุดทน เพราะถูกตามราวีไม่เลิก ข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ เกรงจะถูกทำร้ายซ้ำ ด้าน “ปวีณา” ย้ำ ฝ่ายชายเห็นแก่ตัวเกินไป แม้จะบอกว่าหน้าเสียโฉมแต่ก็รัก เนื่องจากผู้เสียหายต้องใช้ชีวิตในสังคม ต้องลงโทษให้เข็ดหลาบ
วันนี้ (15 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ และ พ.ต.ท.วรงกรณ์ มุ่งพาลชล รอง ผกก.สส.สน.ภาษีเจริญ รุดเดินทางไปที่ห้องเลขที่ 405 ชั้น 4 โรงพยาบาลบางไผ่ เพื่อเยี่ยมอาการของ น.ส.ชาลินี สวัสดี อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 439/15 ถนนเพชรเกษม (ซอย 20) แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กทม.ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูก นายพิเชษฐ์ ทองมล อายุ 26 ปี ผู้เป็นสามีใช้น้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายแห่งจนได้รับบาดเจ็บจากความหึงหวง เหตุเกิดภายในบ้านพัก เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ชาลินี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างรักษาตัวโดยมีผ้าพันแผลพันตามร่างกายเต็มไปหมด กล่าวว่า ปัจจุบันตนมีอาชีพรับเลี้ยงเด็ก ส่วน นายพิเชษฐ์ เป็นคนงานก่อสร้าง อยู่กินกันมาโดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จนมีลูกชายวัย 3 ขวบด้วยกัน 1 คน ตลอดเวลาที่คบกัน นายพิเชษฐ์ มักจะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ทุบตีจนเป็นประจำเนื่องจากระแวงว่าตนจะไปมีคนอื่น จนกระทั่งในวันที่เกิดเหตุ นายพิเชษฐ์ ก็หาเรื่องตนอีกทำให้มีปากเสียงกัน จากนั้น นายพิเชษฐ์ ก็ได้ใช้น้ำกรดที่เตรียมเอาไว้สาดใส่ตนที่บริเวณใบหน้าและลำตัว นอกจากนี้ น้ำกรดยังกระเซ็นไปโดนลูกชายตนอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ลูกชายตนอาการปลอดภัยแล้ว จึงได้นำไปฝากไว้กับพี่สาว ส่วนตนนั้นยังโดนราวีไม่เลิก เพราะ นายพิเชษฐ์ ยังพยายามโทร.มาหาเพื่อข่มขู่ไม่ให้ตนไปแจ้งความ และพยายามสอบถามหมายเลขห้องพักที่โรงพยาบาล จนตนต้องขอเจ้าหน้าที่ย้ายห้องเพื่อนอนรักษาตัวทุกวันเนื่องจากกลัวว่าจะถูก นายพิเชษฐ์ ตามมาทำร้ายอีก ซึ่งตนก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจึงปรึกษากับญาติๆ ก่อนตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับแจ้งตนก็รีบประสานกับทาง สน.ภาษีเจริญ แล้วรีบรุดมาเยี่ยมผู้เสียหายเพื่อหาทางช่วยเหลือให้รวดเร็วที่สุด ซึ่งตนทราบมาว่า นายพิเชษฐ์ กำลังสำนึกผิดพร้อมบอกกับทางภรรยา ว่า ถึงแม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปยังไงก็จะรักเหมือนเดิม แต่ตนเห็นว่า นายพิเชษฐ์ นั้นเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะการที่ผู้เสียหายจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้นั้นต้องพบปะพูดคุยกับคนจำนวนมาก ประกอบกับในขณะนี้ผู้เสียหายก็ยังถูกตามราวีไม่เลิก ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ นายพิเชษฐ์ ให้ถึงที่สุด เพราะมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก
ขณะเดียวกัน นพ.ไตรเลิศ ชาญอนุรักษ์ แพทย์ผู้รักษาอาการ เปิดเผยว่า หลังรับตัวผู้บาดเจ็บเข้าทำการรักษาเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็พบว่า มีบาดแผลจากการถูกสารเคมี ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าเป็นน้ำกรด เข้าที่บริเวณใบหน้า และตามลำตัวหลายแห่ง ตนจึงได้แยกตัวออกมารักษาที่ห้องปลอดเชื้อ งดให้อาหารและน้ำ ทำความสะอาดและพันบาดแผล ก่อนให้น้ำเกลือเเละยาฆ่าเชื้อ ตลอดจนต้องฉีดยาระงับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่สารเคมีดังกล่าวไม่กระเซ็นเข้าตาซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายตาบอดได้ ขณะนี้พบว่ามีบาดแผลติดเชื้อที่ริมฝีปากเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เบื้องต้นตนขอระบุว่า ต้องทำการรักษาตัวเกินกว่า 21 วัน และอาจมีปัญหาเรื่องรอยแผลเป็นดึงรั้งส่วนที่เป็นข้อ ซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายประกอบกิจวัตรประจำวันได้ไม่สะดวกเหมือนเดิมอีกต่อไป
สำหรับ พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ทางญาติผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ เอาไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งตนได้สั่งการให้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และญาติๆ รวมถึงแพทย์ผู้ให้การรักษา เอาไว้อย่างละเอียด เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานในการขออำนาจศาลออกหมายจับ นายพิเชษฐ์ ในข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสต่อไป คาดว่า ไม่น่าจะเกิน 1-2 วันนี้ก็จะออกหมายจับได้ โดยคาดว่าในขณะนี้นายพิเชษฐ์ น่าจะหลบหนีไปต่างจังหวัดแล้ว ซึ่งตนจะให้ฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน ส่วนมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียหาย ตนได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเฝ้าให้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว
วันนี้ (15 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ และ พ.ต.ท.วรงกรณ์ มุ่งพาลชล รอง ผกก.สส.สน.ภาษีเจริญ รุดเดินทางไปที่ห้องเลขที่ 405 ชั้น 4 โรงพยาบาลบางไผ่ เพื่อเยี่ยมอาการของ น.ส.ชาลินี สวัสดี อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 439/15 ถนนเพชรเกษม (ซอย 20) แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กทม.ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูก นายพิเชษฐ์ ทองมล อายุ 26 ปี ผู้เป็นสามีใช้น้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายแห่งจนได้รับบาดเจ็บจากความหึงหวง เหตุเกิดภายในบ้านพัก เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ชาลินี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างรักษาตัวโดยมีผ้าพันแผลพันตามร่างกายเต็มไปหมด กล่าวว่า ปัจจุบันตนมีอาชีพรับเลี้ยงเด็ก ส่วน นายพิเชษฐ์ เป็นคนงานก่อสร้าง อยู่กินกันมาโดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จนมีลูกชายวัย 3 ขวบด้วยกัน 1 คน ตลอดเวลาที่คบกัน นายพิเชษฐ์ มักจะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ทุบตีจนเป็นประจำเนื่องจากระแวงว่าตนจะไปมีคนอื่น จนกระทั่งในวันที่เกิดเหตุ นายพิเชษฐ์ ก็หาเรื่องตนอีกทำให้มีปากเสียงกัน จากนั้น นายพิเชษฐ์ ก็ได้ใช้น้ำกรดที่เตรียมเอาไว้สาดใส่ตนที่บริเวณใบหน้าและลำตัว นอกจากนี้ น้ำกรดยังกระเซ็นไปโดนลูกชายตนอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ลูกชายตนอาการปลอดภัยแล้ว จึงได้นำไปฝากไว้กับพี่สาว ส่วนตนนั้นยังโดนราวีไม่เลิก เพราะ นายพิเชษฐ์ ยังพยายามโทร.มาหาเพื่อข่มขู่ไม่ให้ตนไปแจ้งความ และพยายามสอบถามหมายเลขห้องพักที่โรงพยาบาล จนตนต้องขอเจ้าหน้าที่ย้ายห้องเพื่อนอนรักษาตัวทุกวันเนื่องจากกลัวว่าจะถูก นายพิเชษฐ์ ตามมาทำร้ายอีก ซึ่งตนก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจึงปรึกษากับญาติๆ ก่อนตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับแจ้งตนก็รีบประสานกับทาง สน.ภาษีเจริญ แล้วรีบรุดมาเยี่ยมผู้เสียหายเพื่อหาทางช่วยเหลือให้รวดเร็วที่สุด ซึ่งตนทราบมาว่า นายพิเชษฐ์ กำลังสำนึกผิดพร้อมบอกกับทางภรรยา ว่า ถึงแม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปยังไงก็จะรักเหมือนเดิม แต่ตนเห็นว่า นายพิเชษฐ์ นั้นเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะการที่ผู้เสียหายจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้นั้นต้องพบปะพูดคุยกับคนจำนวนมาก ประกอบกับในขณะนี้ผู้เสียหายก็ยังถูกตามราวีไม่เลิก ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ นายพิเชษฐ์ ให้ถึงที่สุด เพราะมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก
ขณะเดียวกัน นพ.ไตรเลิศ ชาญอนุรักษ์ แพทย์ผู้รักษาอาการ เปิดเผยว่า หลังรับตัวผู้บาดเจ็บเข้าทำการรักษาเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็พบว่า มีบาดแผลจากการถูกสารเคมี ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าเป็นน้ำกรด เข้าที่บริเวณใบหน้า และตามลำตัวหลายแห่ง ตนจึงได้แยกตัวออกมารักษาที่ห้องปลอดเชื้อ งดให้อาหารและน้ำ ทำความสะอาดและพันบาดแผล ก่อนให้น้ำเกลือเเละยาฆ่าเชื้อ ตลอดจนต้องฉีดยาระงับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่สารเคมีดังกล่าวไม่กระเซ็นเข้าตาซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายตาบอดได้ ขณะนี้พบว่ามีบาดแผลติดเชื้อที่ริมฝีปากเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เบื้องต้นตนขอระบุว่า ต้องทำการรักษาตัวเกินกว่า 21 วัน และอาจมีปัญหาเรื่องรอยแผลเป็นดึงรั้งส่วนที่เป็นข้อ ซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายประกอบกิจวัตรประจำวันได้ไม่สะดวกเหมือนเดิมอีกต่อไป
สำหรับ พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ทางญาติผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ เอาไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งตนได้สั่งการให้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และญาติๆ รวมถึงแพทย์ผู้ให้การรักษา เอาไว้อย่างละเอียด เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานในการขออำนาจศาลออกหมายจับ นายพิเชษฐ์ ในข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสต่อไป คาดว่า ไม่น่าจะเกิน 1-2 วันนี้ก็จะออกหมายจับได้ โดยคาดว่าในขณะนี้นายพิเชษฐ์ น่าจะหลบหนีไปต่างจังหวัดแล้ว ซึ่งตนจะให้ฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน ส่วนมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียหาย ตนได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเฝ้าให้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว
