"เมียเก่าไพโรจน์" หอบลูกโร่บอก "เจ๊ปิ๊ก ปวีณา" หวังช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องทรัพย์สิน แฉ "ไพโรจน์" ยกคดีมาต่อรองถ้าหย่าจะยอมความและไม่ให้ทรัพย์สิน สาบานไม่เคยขู่ฆ่าใคร ฉะ "กิ๊กใหม่" ทำลายครอบครัวต้องรับผิดชอบ
นางพิสมัย หรือ กชวัณน์ สังวริบุตร อดีตภรรยาดารารุ่นเก๋า "ไพโรจน์ สังวริบุตร" จูงลูกชายวัย 13 ปี "พีค รวิกร" ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ย่านคลอง 7 ธัญบุรี ในกรณีฟ้องหย่าแบ่งสินสมรสมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท หลังฝ่ายสามีออกมาโต้เรื่องฟ้องหย่าพร้อมแฉกลับด้านอดีตภรรยาตามราวีและขู่ฆ่าตนและนาง "ชญาณิศวร์ สังศรีจันทร์" แฟนใหม่
โดยเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันนี้(11 ก.ค.)นางกชวัณน์ เดินทางมาขอความช่วยเหลือ "ปวีณา หงสกุล" พร้อมหอบเอกสารซึ่งเป็นหลักฐานที่จะใช้กดดันอดีตสามี "ไพโรจน์"ให้แสดงความรับผิดชอบต่อตนและลูก ซึ่งอดีตภรรยาเผยทั้งน้ำตาต่อหน้าสื่อมวลชนและคุณปวีณาถึงการเดินทางมาขอความช่วยเหลือในครั้งนี้ว่า
"ที่มาที่มูลนิธิปวีณาเพราะว่าต้องการให้ช่วยเรื่องลูกไกล่เกลี่ยขอความยุติธรรมเรื่องทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างยุติธรรม เรื่องค่าเลี้ยงดูลูกที่เขาเพิ่งจะมาให้เมื่อ 2 ปีนี่เองคือให้เป็นบางส่วน กับเรื่องที่เกิดเคยให้ผู้ใหญ่ไปเจรจามาแล้วแต่ไม่สำเร็จมันเป็นระยะเวลายาวนานมาถึง 4 ปีแล้ว"
"เรื่องจะจบเมื่อไหร่ไม่ทราบ เราเสียเงินมาเยอะแล้ว เงินทองที่มีอยู่ อาชีพก็แค่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงตัวเองไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เลยตัดสินใจมาที่นี่ เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย พอมีบุคคลที่ 3 เข้ามาพี่เอ๋เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คำว่าครอบครัวมันหายไป"
"เริ่มต้นจากไปเจอกันแล้วบุคคลที่3 คือฝ่ายแฟนใหม่เขาแจ้งว่าเราลักทรัพย์ก็คือโน้ตบุ๊ค เขาไป เราก็ยอมรับนะว่าเอาไปจริง แต่มันเป็นของคุณไพโรจน์ คือที่เอาไปเพราะความโกรธ พอดีเปิดกระเป๋าสะพายที่อยู่ข้างๆ โน้ตบุ๊คแล้วเจอรูปคุณไพโรจน์กับผู้หญิงคนนั้น และเราก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวเราแตกแยก ก็เลยเอาไป แต่ตัวเขาไม่อยู่นะ เขาวิ่งหนีไปแล้ว"
"หลังจากนั้นเลยเป็นเรื่องเขาไปแจ้งความว่าเราลักทรัพย์ ก็สู้คดีมาจนถึงศาลตัดสินเราก็ยอมรับสารภาพโดยได้ชดใช้เงินเขาไปแล้ว 6 หมื่นบาท ทั้งๆ ที่รู้ว่าโน้ตบุ๊คตัวนี้เป็นของสามีตัวเอง"
"หลังจากนั้นเราก็ไปๆ มาๆ บ้านหลังนี้เพราะลูกยังอยู่ ของทุกอย่างเราก็ยังมีอยู่ พอไปบ้านก็ได้เจอเขายืนทำกับข้าวอยู่ ก็เลยต่อว่าเขาว่ากล้าดียังไงมาอยู่ในบ้านฉัน เขาบอกดีไม่ดีไม่รู้ถ้าเธอดีจริงสามีเธอไม่ให้ฉันมาบ้านหรอก เท่านั้นก็ทะเลาะกันตีกัน ทำร้ายร่างกายกัน เขาก็ไปแจ้งความจับเรา และไปพบแพทย์ทุกวันให้แพทย์ลงความเห็นว่าเขาถูกทำร้ายร่างกาย"
"เราสู้คดีกันมาเป็นระยะเวลา 4 ปี ระหว่างนี้เวลาไปเอาของกับลูกที่บ้าน เขาก็แจ้งว่าเราบุกรุก แต่คดีนี้ทางอัยการจังหวัดสั่งไม่ฟ้องเพราะหลักฐานเราพร้อมว่าเราเป็นสามีภรรยากันอยู่"
"โดยล่าสุดเราฟ้องเขาเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาเพราะหลังจากคดีอาญาสั่งให้ติดคุก 9 เดือน เราให้ทนายไปกดเงินจากเอทีเอ็มมาประกันตัวไม่พอต้องยืมเงินทนาย ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เลยลุกขึ้นมาฟ้องให้ผู้หญิงรู้ว่าเธอทำลายครอบครัวฉันแล้วเธอยังมาทำกับฉันอย่างนี้อีก มันถึงมีเหตุ 47 ล้านขึ้นมา เพราะหนูฟ้องผู้หญิง 20 ล้าน คุณไพโรจน์อีก 15 ล้าน ที่เหลือคือส่วนต่างที่มีร่วมกัน"
เผยถึงความต้องการโดยสรุปว่าอยากให้ทางมูลนิธิช่วยเพื่อเรื่องจะได้จบโดยเร็วเพราะตนรับไม่ไหวกับเรื่องนี้แล้ว ส่วนแฟนใหม่ของสามีขอให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษที่ทำให้ครอบครัวตนแตกแยก
"ที่มาวันนี้คืออยากจะขอความยุติธรรม ในส่วนของทรัพย์สินที่มีร่วมกันให้แบ่งครึ่งให้ถูกต้อง เรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรก็ช่วยกันจ่ายตามส่วนที่ทั้งสองฝ่ายควรรับผิดชอบ และขอให้คนที่ 3 ทำอะไรกับครอบครัวเราขอให้เขารับผิดชอบด้วย ขอแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน 47 ล้านก็ได้ ไม่ได้อยากได้ แต่อยากให้เขารอรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่"
"ส่วนเรื่องหย่า ทุกวันนี้ทุกคนอยากหย่า ทางเราพร้อมหย่าให้เสมอแต่ขอให้เคลียร์เรื่องทรัพย์สินให้ก่อนเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาทางพี่เอ๋เอาเรื่องหย่ามาต่อรองตลอด บอกถ้าหย่าจะยอมความทั้งหมด แต่ไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินให้เลย ยกเว้นคอนโด"
ก่อนแจงเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาจากอดีตสามี ว่าตนขู่ฆ่า ตามราวี และทำให้ทางตระกูล สังวริบุตร ต้องเสื่อมเสียนั้น นางกชวัณน์ ยกมือสาบานก่อนบอก
"สาบานได้ว่าไม่เคยขู่ฆ่าใคร เขาจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ยังไงเขาก็เป็นพ่อของลูก หัวอกคนเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย รับรองเราไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้นแน่นอน เรากล้าทำก็กล้าพูด"
"เรารักษาตระกูลสังวริบุตรมา 4 ปีแล้ว ขึ้นโรงขึ้นศาลมาตลอดเวลา ไม่เคยให้ข่าวใครเลยจนครั้งสุดท้ายที่ไปศาลเราตกบันไดจริงๆ นักข่าวมาถามมาคดีอะไรถึงเป็นข่าว เรารู้ตระกูลเขาใหญ่ก็เจียมตัวมาตลอดถึงไม่มีเรื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ยื้อนามสกุลเขาไว้ จะคืนให้ถ้าหากเขาคืนความยุติธรรมมาให้เราก่อนเราไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นแม่ที่มีคดีติดตัว สงสารลูก"
ส่วนเรื่องลูกจะทำอย่างไรต่อไป นางกชวัณน์ เผยแล้วแต่ลูกจะเลือกอยู่กับใคร แต่ตนได้สอบถามแล้ว ลูกบอกต้องการอยู่กับแม่ไม่ใช่พ่อ… "ก็เคยถามเขาบอกอยากอยู่กับแม่ ไม่อยากอยู่กับพ่อ คือลูกพูดตลอดเวลาทำไมพ่อทำอย่างนี้ ทำไมพ่อเชื่อทางโน้น"
ทางด้าน "ปวีณา หงสกุล" บอกยินดีให้ความช่วยเหลือ แต่จะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางด้านคดีความเพราะเป็นเรื่องที่ขึ้นศาลไปแล้ว ในทางกระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเคารพต่อศาล ทางมูลนิธิจะไม่ไปก้าวก่าย แต่ในเรื่องของส่วนตัวจะลองคุยและเป็นตัวแทนไกล่เกลี่ยกับคุณไพโรจน์ให้ โดยเฉพาะเรื่องของลูก เพื่อเรื่องราวทั้งหมดจะได้จบลงด้วยดี พร้อมให้กำลังใจนางกชวัณณ์บอกทำใจให้สบายอย่าคิดมาก