“หยุด! นี่คือการปล้น” สิ้นเสียง โจรตาโตแต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสารสวมเสื้อแจ็กเกต สะพายกระเป๋าสีดำ ที่บุกเข้าจี้ชิงทรัพย์แบงก์นครหลวงไทย สาขาสามย่าน ภายใน 1 นาที กวาดเงินสดไป 350,000 บาท จากรายงานในภาพจากกล้องวงจรปิดพบแผ่นหลังโจรคล้ายคนร้ายที่เคยก่อเหตุปล้นแบงก์ออมสิน สาขาสามย่าน ที่ยังหนีลอยนวล
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ร.ต.ท.สมเกียรติ รวมเงิน ร้อยเวร สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ในธนาคารนครหลวงไทย สาขาสามย่าน ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.กก.สืบสวน บก.น.6 กำลังเจ้าหน้าที่ บก.ตปพ. กำลังสายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสูง 2 ชั้น จำนวน 3 คูหา ชั้นล่างเปิดเป็นทำการของธนาคารนครหลวงไทย สาขาสามย่าน ซึ่งอยู่ติดริมถนนพระราม 4 เจ้าหน้าที่พบ นางกษิรัช ศรีศิริวรรณา อายุ 33 ปี พนักงานประจำเคานท์เตอร์ อยู่บ้านเลขที่ 61/536 หมู่ 5 แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม. ยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่ในธนาคาร ด้วยอาการตื่นตระหนก โดยมีเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ เข้ามาห้อมล้อมสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
จากการสอบสวน นางกษิรัช ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 12.45 น.ตนกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ อยู่กับคู่เวรคือ นางมติมา ชนะสิทธิ์ จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 30 ปีเศษ ตาโต ผิวขาว แต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสาร สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงินปกคอสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าสีดำ ใส่ถุงมือเดินมาจากทางแยกสามย่าน ก่อนเปิดประตูเข้ามาในธนาคารแล้วหยิบหมวกไหมพรมสีดำขึ้นมาใส่ปกคลุมใบหน้า แล้วชักถุงพลาสติกสีดำภายในมีอาวุธปืนออโตเมติกไม่ทราบขนาดออกมาจากเสื้อแจ็กเกตตรงปรี่เข้ามาที่เคาน์เตอร์
“จากนั้นคนร้ายก็ตะโกนบอกตนว่า “หยุด นี่คือการปล้น” ก่อนเดินอ้อมเข้ามาในเคาน์เตอร์ เพื่อกระชากลิ้นชักเก็บเงินของตนและคู่เวร หยิบเงินสดจำนวนรวมกันกว่า 350,000 บาท ใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทางแยกสะพานเหลืองอย่างรวดเร็ว โดยคนร้ายได้ทิ้งหลักฐานเป็นถุงพลาสติกสีดำซึ่งใช้ใส่อาวุธปืนมาก่อเหตุ ตกไว้ในเคานท์เตอร์เพียง 1 ใบเท่านั้น” นางกษิรัช กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบถามทราบว่าที่ธนาคารสาขานี้ยังไม่มี รปภ. ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประกอบด้วยเงินสดในลิ้นชักของนางกษิรัช จำนวน 130,000 บาท ส่วนในลิ้นชักของนางมติมา ได้ไปจำนวน 220,000 บาท รวมป็น 350,000 บาท เบื้องต้นทางฝ่ายสืบสวนได้ตรวจดูภาพวงจรปิดทุกตัวของธนาคารแล้ว พบว่ามีประโยชน์พอสมควร กล้องสามารถจับภาพคนร้ายเดินเข้ามาในธนาคารได้เมื่อเวลา 12.48 น.โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียง 1 นาทีเท่านั้น คาดว่าก่อนลงมือน่าจะมีการสำรวจเส้นทางหลบหนีและศึกษาพฤติกรรมของพนักงานในธนาคารมานานพอสมควร
พล.ต.ต.สุชาติ กล่าวต่อว่า คนร้ายรายนี้น่าจะมีมากกว่า 1 คน คาดว่าอย่างน้อยน่าจะมีอีก 1 คน ที่จอดรถจักรยานยนต์ติดเครื่องรออยู่ก่อนพากันหลบหนี อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบภาพวงจรปิดย้อนหลังไปอีก 3-4 วัน พร้อมประสานขอดูภาพจากกล้องของห้างร้านที่อยู่ใกล้เคียงกับธนาคารด้วย เบื้องต้นตนจะนำภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากกล้องของธนาคารออกมาให้สื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ หากผู้ใดพบเห็นคนร้ายตามรูปพรรณดังกล่าว แล้วแจ้งเบาะแสจนสามารถนำไปสู่การจับกุมได้ก็จะมีรางวัลให้ ส่วนถุงพลาสติกที่คนร้ายทำตกไว้ก็จะส่งไปตรวจลายนิ้วมือแฝง และคราบเขม่าดินปืนที่กองพิสูจน์หลักฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า มีรายงานว่าก่อนเกิดเหตุมีผู้เห็นคนร้ายนำรถจักรยานยนต์ไปจอดภายในซอยข้างธนาคาร ซึ่งอยู่ถัดไปทางแยกสะพานเหลืองประมาณ 3 คูหา จากนั้นคนร้ายก็เดินอ้อมไปทางซอยด้านหลังออกมาทางหน้าปากซอยจุฬาลงกรณ์ 15 ซึ่งในจังหวะกล้องวงจรปิดด้านหน้าธนาคารสามารถจับภาพแผ่นหลังของคนร้ายก่อนเดินเข้าไปก่อเหตุได้ โดยหลังก่อเหตุคนร้ายก็ได้วิ่งออกจากธนาคารย้อนไปทางแยกสะพานเหลืองก่อนเลี้ยวเข้าซอยเอารถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป ซึ่งแผนประทุษกรรมลักษณะนี้มีความคล้ายคลึงกับคนร้ายที่ปล้นธนาคารออมสิน สาขาสามย่าน ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร เหตุเกิดเมื่อปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ร.ต.ท.สมเกียรติ รวมเงิน ร้อยเวร สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ในธนาคารนครหลวงไทย สาขาสามย่าน ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.กก.สืบสวน บก.น.6 กำลังเจ้าหน้าที่ บก.ตปพ. กำลังสายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสูง 2 ชั้น จำนวน 3 คูหา ชั้นล่างเปิดเป็นทำการของธนาคารนครหลวงไทย สาขาสามย่าน ซึ่งอยู่ติดริมถนนพระราม 4 เจ้าหน้าที่พบ นางกษิรัช ศรีศิริวรรณา อายุ 33 ปี พนักงานประจำเคานท์เตอร์ อยู่บ้านเลขที่ 61/536 หมู่ 5 แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม. ยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่ในธนาคาร ด้วยอาการตื่นตระหนก โดยมีเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ เข้ามาห้อมล้อมสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
จากการสอบสวน นางกษิรัช ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 12.45 น.ตนกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ อยู่กับคู่เวรคือ นางมติมา ชนะสิทธิ์ จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 30 ปีเศษ ตาโต ผิวขาว แต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสาร สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงินปกคอสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าสีดำ ใส่ถุงมือเดินมาจากทางแยกสามย่าน ก่อนเปิดประตูเข้ามาในธนาคารแล้วหยิบหมวกไหมพรมสีดำขึ้นมาใส่ปกคลุมใบหน้า แล้วชักถุงพลาสติกสีดำภายในมีอาวุธปืนออโตเมติกไม่ทราบขนาดออกมาจากเสื้อแจ็กเกตตรงปรี่เข้ามาที่เคาน์เตอร์
“จากนั้นคนร้ายก็ตะโกนบอกตนว่า “หยุด นี่คือการปล้น” ก่อนเดินอ้อมเข้ามาในเคาน์เตอร์ เพื่อกระชากลิ้นชักเก็บเงินของตนและคู่เวร หยิบเงินสดจำนวนรวมกันกว่า 350,000 บาท ใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทางแยกสะพานเหลืองอย่างรวดเร็ว โดยคนร้ายได้ทิ้งหลักฐานเป็นถุงพลาสติกสีดำซึ่งใช้ใส่อาวุธปืนมาก่อเหตุ ตกไว้ในเคานท์เตอร์เพียง 1 ใบเท่านั้น” นางกษิรัช กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบถามทราบว่าที่ธนาคารสาขานี้ยังไม่มี รปภ. ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประกอบด้วยเงินสดในลิ้นชักของนางกษิรัช จำนวน 130,000 บาท ส่วนในลิ้นชักของนางมติมา ได้ไปจำนวน 220,000 บาท รวมป็น 350,000 บาท เบื้องต้นทางฝ่ายสืบสวนได้ตรวจดูภาพวงจรปิดทุกตัวของธนาคารแล้ว พบว่ามีประโยชน์พอสมควร กล้องสามารถจับภาพคนร้ายเดินเข้ามาในธนาคารได้เมื่อเวลา 12.48 น.โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียง 1 นาทีเท่านั้น คาดว่าก่อนลงมือน่าจะมีการสำรวจเส้นทางหลบหนีและศึกษาพฤติกรรมของพนักงานในธนาคารมานานพอสมควร
พล.ต.ต.สุชาติ กล่าวต่อว่า คนร้ายรายนี้น่าจะมีมากกว่า 1 คน คาดว่าอย่างน้อยน่าจะมีอีก 1 คน ที่จอดรถจักรยานยนต์ติดเครื่องรออยู่ก่อนพากันหลบหนี อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบภาพวงจรปิดย้อนหลังไปอีก 3-4 วัน พร้อมประสานขอดูภาพจากกล้องของห้างร้านที่อยู่ใกล้เคียงกับธนาคารด้วย เบื้องต้นตนจะนำภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากกล้องของธนาคารออกมาให้สื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ หากผู้ใดพบเห็นคนร้ายตามรูปพรรณดังกล่าว แล้วแจ้งเบาะแสจนสามารถนำไปสู่การจับกุมได้ก็จะมีรางวัลให้ ส่วนถุงพลาสติกที่คนร้ายทำตกไว้ก็จะส่งไปตรวจลายนิ้วมือแฝง และคราบเขม่าดินปืนที่กองพิสูจน์หลักฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า มีรายงานว่าก่อนเกิดเหตุมีผู้เห็นคนร้ายนำรถจักรยานยนต์ไปจอดภายในซอยข้างธนาคาร ซึ่งอยู่ถัดไปทางแยกสะพานเหลืองประมาณ 3 คูหา จากนั้นคนร้ายก็เดินอ้อมไปทางซอยด้านหลังออกมาทางหน้าปากซอยจุฬาลงกรณ์ 15 ซึ่งในจังหวะกล้องวงจรปิดด้านหน้าธนาคารสามารถจับภาพแผ่นหลังของคนร้ายก่อนเดินเข้าไปก่อเหตุได้ โดยหลังก่อเหตุคนร้ายก็ได้วิ่งออกจากธนาคารย้อนไปทางแยกสะพานเหลืองก่อนเลี้ยวเข้าซอยเอารถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป ซึ่งแผนประทุษกรรมลักษณะนี้มีความคล้ายคลึงกับคนร้ายที่ปล้นธนาคารออมสิน สาขาสามย่าน ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร เหตุเกิดเมื่อปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
