รวบทนายแสบอ้างซี้ประธานศาลฎีกา หลอกสาวใหญ่เจ้าของอพาร์ตเมนต์จ้างล้มคดียาบ้าได้ แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทันสะกิดตำรวจกองปราบฯ ซ้อนแผนรวบดำเนินคดี ด้านผู้ต้องหายังปากแข็งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการ 1 (ฝป.1) บก.ป. และ พ.ต.ต.ศตยุ ไชยสุวรรณ์ สว.ฝป.1 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุมนายทวิช โมกขมรรคกุล อายุ 53 ปี อาชีพทนายความ และหลานอดีต ส.ส.รายหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 138/4 หมู่ 12 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.และ น.ส.ถิรณิชา พิศาลอัครเลิศกุล อายุ 27 ปี ผู้จัดการฝ่ายบุคคลห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อยู่เลขที่ 23/2 หมู่ 12 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม.ได้ที่อาคารธนทร อพาร์ตเม้นต์ เลขที่ 155 ถนนรังสิต-ปทุมธานี ซอย 20/3 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นางจรวย ศรีตะนัย อายุ 50 ปี เจ้าของอพาร์ตเม้นต์ศศิธร อมรรัตน์ และ ธนทร ในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จำเลยในคดียาเสพติด ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ว่าถูกนายทวิช ซึ่งอ้างว่ารู้จักกับประธานศาลฎีกาสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นคดียาเสพติดของนางจรวยที่อยู่ในชั้นศาลฎีกาให้ศาลยกฟ้องคดีได้ แต่จะต้องจ่ายเงินจำนวน 8 ล้านบาทเป็นค่าดำเนินการ
ต่อมาผู้ต้องหาได้รับการติดต่อจากนายทวิชว่าจะมารับเงินจำนวน 4 ล้านบาท โดยนายทวิชอ้างว่าต้องนำไปมอบให้ผู้ใหญ่ก่อนที่จะมีการร่างสำนวนและลงนามในคำพิพากษาศาลฎีกาในคดี แต่นางจรวยได้บอกกลับไปว่าไม่สามารถหามาให้ได้ ก่อนจะเข้าแจ้งความไว้ที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายทวิช ทางตำรวจจึงซ้อนแผนให้ผู้เสียหายต่อรองกับนายทวิช ขอจ่ายเป็นเงินมัดจำงวดแรกก่อนเป็นจำนวน 6 แสนบาท และนัดส่งมอบกันที่อาคารธนทร อพาร์ตเม้นท์ เมื่อนายทวิช และ น.ส.ถิรณิชา มารับเงินจำนวนดังกล่าวจึงแสดงตัวเข้าจับกุม
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ดำเนินในข้อหาร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการจูงใจเจ้าพนักงานโดยผิดกฎหมาย ให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดต่อไป
ด้านนางจรวย กล่าวว่า สำหรับคดียาเสพติดของตนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2546 โดยขณะที่ขับรถยนต์กลับจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ระหว่างทางมีชายขับรถตามมา ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจคิดว่าคงเป็นลูกค้าห้องเช่าอพาร์ตเมนต์ แต่เมื่อจอดรถแล้วกลับถูกชายคนดังกล่าวอ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ้างว่าได้รับแจ้งว่าตนมียาเสพติดไว้ในครอบครองจึงขอเข้าตรวจค้นรถยนต์ และจากการตรวจค้นก็พบยาบ้าจำนวน 203 เม็ด ที่บริเวณเบาะหลังซึ่งตนไม่ทราบว่ายาบ้าดังกล่าวมาจากไหนและอยู่ในรถของตนได้อย่างไร หลังจากนั้นตนก็ถูกจับกุมและแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และถูกสอบสวนดำเนินคดี โดยชั้นสอบสวนตนให้การปฏิเสธ และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
“หลังจากถูกดำเนินคดียาเสพติด ได้ว่าจ้างนายสมศักดิ์ พุ่มประยูร เป็นทนายว่าความให้ ซึ่งต่อมาเมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลแล้ว ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน ก่อนจะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคลอง 6 โดยได้ยื่นอุทธรณ์คดีทันที กระทั่งเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2548 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้อง และก็ได้รับการประกันตัวออกมา ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลฎีกา” นางจรวย กล่าว