นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า มี 2 ปัจจัยที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนเป็นรัฐบาล คือ ปัญหาความไม่แน่นอนของสถานภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช เกี่ยวกับคดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาทและศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนมีรัฐบาล และปัญหาของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ศาลฎีกากำลังพิจารณาในขณะนี้ โดยทั้ง 2 คนเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ พรรคประชาธิปัตย์เคยวิจารณ์เป็นการภายในว่า พรรคพลังประชาชนกล้าเสนอบุคคลที่มีปัญหาทูลเกล้าฯ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธย หากเกิดปัญหาในวันข้างหน้าใครจะรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่เป็นปัญหาภายหลังรับตำแหน่ง
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนและทำให้เกิดความหวั่นไหว คือ คดียุบพรรคการเมืองที่เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนเป็นที่มาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ 309 ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะหากมีการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย ก็หนีไม่พ้นที่พรรคพลังประชาชนจะต้องอยู่ในชะตาเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังต้องรอดูอีกหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้น เพราะมีอีกหลายคดีที่กำลังจะฟ้องร้องกันของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ โดยแต่ละเรื่องล้วนแต่มีเหตุทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น เช่น การทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงหรือเรื่องของ กทม.ในสมัยที่ นายสมัคร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ลุกลามไปถึงคนอื่นด้วย ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดคดีจะลงเอยถึงขั้นทำให้คนเหล่านี้ถูกจำคุกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูวันข้างหน้า
นายชวน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สังคมให้ความหวังอย่างมากว่า การแก้ปัญหาวิกฤตในบ้านเมือง ต้องหวังพึ่งสถาบันและองค์กรทั้งหลายที่ทำหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดความถูกความผิด ต้องมีความกล้าที่จะทำให้เรื่องผิดเป็นผิด เรื่องถูกเป็นถูก เพราะถ้าเป็นเหมือนในอดีต สามารถวิ่งเต้นกันได้ ในที่สุดสังคมก็จะไม่มีความคืบหน้าไปไหน จะจมอยู่ในวัฏจักรเดิม คือ คนกล้าทำผิดและไปวิ่งเต้น สามารถลบล้างได้ จนไม่มีใครคิดจะทำสิ่งที่ถูกต้อง
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนและทำให้เกิดความหวั่นไหว คือ คดียุบพรรคการเมืองที่เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนเป็นที่มาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ 309 ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะหากมีการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย ก็หนีไม่พ้นที่พรรคพลังประชาชนจะต้องอยู่ในชะตาเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังต้องรอดูอีกหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้น เพราะมีอีกหลายคดีที่กำลังจะฟ้องร้องกันของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ โดยแต่ละเรื่องล้วนแต่มีเหตุทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น เช่น การทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงหรือเรื่องของ กทม.ในสมัยที่ นายสมัคร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ลุกลามไปถึงคนอื่นด้วย ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดคดีจะลงเอยถึงขั้นทำให้คนเหล่านี้ถูกจำคุกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูวันข้างหน้า
นายชวน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สังคมให้ความหวังอย่างมากว่า การแก้ปัญหาวิกฤตในบ้านเมือง ต้องหวังพึ่งสถาบันและองค์กรทั้งหลายที่ทำหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดความถูกความผิด ต้องมีความกล้าที่จะทำให้เรื่องผิดเป็นผิด เรื่องถูกเป็นถูก เพราะถ้าเป็นเหมือนในอดีต สามารถวิ่งเต้นกันได้ ในที่สุดสังคมก็จะไม่มีความคืบหน้าไปไหน จะจมอยู่ในวัฏจักรเดิม คือ คนกล้าทำผิดและไปวิ่งเต้น สามารถลบล้างได้ จนไม่มีใครคิดจะทำสิ่งที่ถูกต้อง