xs
xsm
sm
md
lg

ศาลคุ้มครองชั่วคราว ครูราชวินิตฯ สั่งพันธมิตรเปิดการจราจร

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลแพ่ง คุ้มครองชั่วคราว “ ครู-ผู้ปกครองราชวินิตมัธยม ” ฟ้องไล่ม็อบพันธมิตรชุมนุมหน้าทำเนียบ ปิดถนนพระราม 5 - พิษณุโลก ใช้เครื่องขยายเสียงดัง รบกวนการเรียนการสอน ศาลชี้ แม้ม็อบมีสิทธิชุมนุม แต่ต้องไม่ก่อความรำคาญเดือดร้อนบุคคลอื่น สั่งพันธมิตร ฯเปิดถนน – ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงรบกวน จันทร์- ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 07.30 – 16.30 น. ด้านทนายพันธมิตร ฯ สู้ เตรียมยื่นคำขอศาลไต่สวนฉุกเฉินยกคำสั่งคุ้มครอง พรุ่งนี้ ( 1 ก.ค.) 11.00 น. ส่วน ครูราชวินิต ระบุพอใจแล้ว ขอบคุณศาล เพื่อนครูที่ให้กำลังใจ ย้ำฟ้องคดีเพื่อเรียกร้องสิทธิไม่ใช่ต้องการสู้พันธมิตร



วันนี้(30 มิ.ย.)เมื่อเวลา 10.40 น.ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มอบหมายให้เสมียนทนายความมายื่นคำร้องคัดค้านการขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ครูและผู้ปกครอง โรงเรียนราชวินิตมัธยม รวม 10 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 5 แกนนำพันธมิตรฯ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯเป็นจำเลย เรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำสั่งขับไล่รื้อถอนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

โดยคำร้องดังกล่าวจำเลยได้อ้างว่า การชุมนุมเป็นไปตามสิทธิและเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ ม.45 ซึ่งการชุมนุมก็เป็นไปเพื่อตรวจสอบการบริหารกิจการบ้านเมืองของรัฐบาล ส่วนการใช้เครื่องขยายเสียง ก็ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนทั่วไป ถึงวัตถุประสงค์ของการชุมนุม ซึ่งการใช้เครื่องขยายเสียงก็ใช้ด้วยความระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น และการตั้งเวทีบนสะพานชมัยมรุเชษฐ จำเลยก็ไม่มีเจตนาปิดกั้นจราจร การสัญจรของบุคคลอื่นใด แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ทำการของรัฐบาล ดังนั้นจึงมีนัยสำคัญถึงการสื่อสารการแสดงออกต่อวัตถุประสงค์การชุมนุมที่เป็นไปเพื่อการตรวจสอบและการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งการชุมนุมของจำเลยทั้ง 6 ก็เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงขอให้ศาลโปรดพิจารณามีคำสั่งรับคำร้องคัดค้านของจำเลยไว้พิจารณา ประกอบการพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำร้องของโจทก์ ซึ่งจำเลยทั้ง 6 ขอให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ทั้ง 10 คน

ต่อมาเวลา 14.00 น. ศาลโดยนายวรวิทย์ ฤทธิทิศ นางรัชนีกร บุญพิทักษ์ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีนี้ โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวแล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสิบ ฟ้องขอให้จำเลยทั้งหกรื้อถอนเวทีปราศรัย รวมทั้งขนย้ายสิ่งกีดขวางอื่นๆ ทั้งหมดที่ปิดกันบนถนน พระราม 5 และ ถ.พิษณุโลก ออกไป โดยอ้างว่าจำเลยทั้งหกกับพวกร่วมชุมนุม ปิดถนนดังกล่าวและตั้งเวทีปราศรัยประท้วงขับไล่รัฐบาลอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสิบ และนักเรียนเพราะทำให้โจทก์ทั้งสิบและเด็กนักเรียนไม่สามารถใช้ถนนได้ตามปกติ และเป็นการรบกวนการเรียนการสอนของ ร.ร.ราชวินิตมัธยมเพราะจำเลยทั้งหกกับพวกเปิดเพลง ปราศรัยถ่ายทอดเสียงผ่านเครื่องขยายเสียงที่ส่งเสียงดัง แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ม.63 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” และวรรคสอง บัญญัติว่า “การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำไม่ได้...” แต่บทบัญญัติในวรรคสองดังกล่าวก็มีข้อยกเว้นไว้ว่า “...เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ..” ซึ่งหมายความว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และรัฐจะจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมดังกล่าวมิได้ เว้นแต่เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ หากการชุมนุมนั้นทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือเกินความคาดหมายไม่ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร บทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงบัญญัติยกเว้นไว้ในทำนองว่า ให้จำกัดเสรีภาพในการชุมนุมนั้นได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.5 ที่บัญญัติว่า “การใช้สิทธิแห่งตนนั้นบุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต ขณะที่ ม.421 บัญญัติว่า “การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าย่อมเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย” และบุคคลซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับความเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือเกินความคาดหมายไม่ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร ย่อมชอบที่ดำเนินการเพื่อให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนนั้นสิ้นไปได้ทั้งนี้ตาม ป.แพ่งฯ ม.1337

ตามทางไต่สวนของโจทก์ทั้งสิบได้ความว่า จำเลยทั้งหก กับพวกชุมนุม ปิดถนนพระราม 5 บริเวณแยกวัดเบญจมบพิตร และถนนพิษณุโลกตั้งแต่แยกนางเลิ้งจนถึงแยกพณิชยการ ซึ่งเป็นที่หรือถนนสาธารณะทำให้โจทก์ทั้งสิบ และผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน ได้รับความเดือดร้อนเพราะรถยนต์โดยสารสาธารณะไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ รถยนต์โดยสารสาธารณะต้องเปลี่ยนเส้นทางอ้อมไปทางอื่น ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนต้องลงรถยนต์โดยสารสาธารณะ ณ เส้นทางอื่นแล้วเดินมาที่โรงเรียนทำให้ไม่ได้รับความสะดวกตามปกติ การที่จำเลยทั้งหกกับพวกชุมนุมปิดถนนและตั้งเวทีปราศรัย เห็นได้ว่าแม้จะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเป็นการกระทำที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตามที่กล่าวมา กรณีจึงมีเหตุผลอันสมควรที่จะนำวิธีการชั่วคราวมาใช้บังคับเพื่อคุ้มครองความสะดวกของโจทก์ทั้งสิบ รถยนต์โดยสารสาธารณะ และประชาชนสามารถผ่านไปมาได้ ทั้งนี้ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ม.63 วรรคสอง

ส่วนที่โจทก์ทั้งสิบขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้จำเลยทั้งหกปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคายนั้น ตามทางไต่สวนของโจทก์ทั้งสิบไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งหกกับพวกได้ปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคายใดอันเป็นการดูหมิ่นหรือเหยียดหยามโจทก์ทั้งสิบ ซึ่งหากจำเลยทั้งหกกับพวกกล่าวปราศรัยพาดพิงหรือบุคคลใด หากบุคคลนั้นเห็นว่าตนเองได้รับความเสียหาย เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวเป็นคดีต่างหากไป ส่วนที่ขอให้จำเลยทั้งหกจัดการขยะและสิ่งปฎิกูลอย่างมีระบบนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งหกไม่ได้มีหน้าที่ในการจัดการขยะและสิ่งปฎิกูลดังกล่าว กรณีจึงไม่อาจนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวมาบังคับโดยห้ามมิให้จำเลยทั้งหกปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคายและจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฎิกูลก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา

ในส่วนที่โจทก์ทั้งสิบขอให้ศาลห้ามมิให้จำเลยทั้งหกใช้เครื่องขยายเสียงระหว่างเวลา 07.30 น. ถึง 14.30 น. ศาลเห็นว่าตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่าการใช้สิทธิแห่งตนนั้น บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริตและการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือใช้สิทธิเกินส่วนที่ตนมีอยู่ ย่อมเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับความเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือเกินความคาดหมายไม่ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร ย่อมชอบที่ดำเนินการเพื่อให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นสิ้นไปได้ คดีนี้โจทก์ทั้งสิบเป็นข้าราชการกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตำแหน่งอาจารย์ครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม ซึ่งตั้งอยู่ติดถนนพิษณุโลก แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กทม. ใกล้ๆกับบริเวณที่จำเลยทั้งหกกับพวกชุมนุม ปิดถนนและตั้งเวทีปราศรัยประท้วงขับไล่รัฐบาล และตามทางไต่สวนของโจทก์ได้ความว่าจำเลยทั้งหกกับพวกเปิดเครื่องขยายเสียงดังเป็นการรบกวนการเรียนการสอนของโรงเรียน ซึ่งจัดการเรียนการสอนในช่วงเวลาดังกล่าว แม้การกระทำที่จำเลยทั้งหกถูกฟ้องคดีนี้จะเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งหกกับพวกชุมนุมปิดถนนและตั้งเวทีปราศรัยประท้วงขับไล่รัฐบาล แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งหกกับพวกเปิดเครื่องขยายเสียงและปราศรัยบนเวทีผ่านเครื่องขยายเสียง การใช้เครื่องขยายเสียงดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับการตั้งเวทีปราศรัย เมื่อการใช้เครื่องขยายเสียงดังกล่าวเป็นการรบกวนการเรียนการสอนของโจทก์ทั้งสิบ ของเด็กนักเรียน ย่อมทำให้โจทก์ทั้งสิบได้รับความเดือดร้อนรำคาญ กรณีจึงมีเหตุอันสมควรที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวมาใช้ในกรณีนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน หรือความเสียหายที่โจทก์ทั้งสิบ และเด็กนักเรียนได้รับต่อไป

อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.254 (2) จึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกกับพวกเปิดพื้นที่จราจรบนถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ให้โจทก์ทั้งสิบ รถยนต์โดยสารสาธารณะและประชาชนสามารถผ่านไปมาได้โดยสะดวก และห้ามมิใช้จำเลยทั้งหกกับพวกใช้เครื่องขยายเสียงในลักษณะที่เป็นการรบกวนการเรียนการสอนของโรงเรียนราชวินิตมัธยม ในวันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 07.30 น. – 16.30 น. ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น คำขอนอกจากนี้ให้ยก ให้คำสั่งศาลนี้มีผลทันที

ภายหลังนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สำหรับคำสั่งของศาลดังกล่าว ในฐานะทนายความของแกนนำกลุ่มพันธมิตตรฯ ยังไม่เห็นด้วย ซึ่งในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ตนจะขอยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยจะนำแกนนำบางคนเข้าเบิกความต่อศาล เพราะหากเราไม่มีการปิดถนน จะทำให้ไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยได้อย่างทั่วถึง ไม่เช่นนั้นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เข้ามาทำร้ายผู้ชุมนุมได้ ทั้งนี้แม้ว่าคำสั่งจะระบุว่าให้มีผลในทันที แต่ตามกระบวนการนำส่งหมายแล้ว จะต้องมีกระบวนการส่งคำสั่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยทั้ง 6 แต่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งคำสั่งดังกล่าว ฉะนั้นถือว่าจำเลยทั้ง 6 ยังไม่ทราบคำสั่งแต่อย่างใด ทางกลุ่มพันธมิตรจึงสามารถดำเนินการชุมนุมต่อไปได้

ต่อข้อถามว่า การที่ศาลมีคำสั่งให้เปิดถนในทันที แต่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ยังยืนยันจะชุมนุมต่อไปนั้น จะทำให้สังคมมองไปในแง่ลบหรือไม่ นายสุวัตร กล่าวว่า ตนตอบในฐานะของนักกฎหมาย ที่ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องของฝ่ายพันธมิตรฯ ก็จะปฎิบัติตามคำสั่งของศาล แต่ขณะนี้จำเลยทั้ง 6 ยังไม่ได้เซ็นรับคำสั่ง จึงเท่ากับว่ายังไม่มีใครรู้คำสั่ง ที่ผ่านมาศาลทำการไต่สวนฝ่ายโจทก์เพียงฝ่ายเดียว โดยฝ่ายจำเลยทั้ง 6 ไม่มีโอกาสได้ซักค้าน การชุมนุมของพันธมิตรฯที่ผ่านมา ดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย มีกลุ่มกองทัพธรรม คอยเก็บขยะตลอด โดยเฉพาะเครื่องขยายเสียงได้มีการหันทิศทางไปทางตรงกันข้ามกับโรงเรียนราชวินิต

ด้านนางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร อาจารย์ โรงเรียนราชวินิต มัธยม กล่าวว่า ตนเองและกลุ่มผู้ปกครองรู้สึกพอใจกับผลคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และอยากขอบคุณศาลที่ให้ความปราณี มีคำสั่งคุ้มครองช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของ ครู นักเรียน นอกจากนี้ยังฝากขอบคุณเพื่อนครูทั่วประเทศ ที่เป็นกำลังใจในการต่อสู้ครั้งนี้ ครู เปรียบเสมือนแม่คนที่ 2 เมื่อเด็กสามารถเรียนหนังสือได้โดยไม่ถูกรบกวน ครูก็สบายใจ แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้ต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่การออกมาฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้การที่ศาลมีคำสั่งคุ้งครองชั่วคราวให้เปิดการจราจรเพื่อให้รถโดยสารสัญจรไปมาได้ รวมทั้งให้กลุ่มพันธมิตรฯ งดใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนเรียนหนังสือถือว่าเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่งแล้ว

ทนายพันธมิตรฯ ร้องคัดค้าน “ครูราชวินิต”
ครูราชวินิตร้องศาลสั่งพันธมิตรฯเปิดถนน!
สู้ สู้ ไม่ถอยจนก้าวเดียว
 ภาพ ครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม กับเพื่อนครูร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-10 ยื่นฟ้อง กลุ่มพันธมิตร ยื่นฟ้องศาลแพ่งขอคุ้มครองชั่วคราวสั่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเปิดถนน หน้าทำเนียบ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.
กำลังโหลดความคิดเห็น