เผยโฉม “เมธี ใจสมุทร” หรือป๊อด ทนายอาจารย์โรงเรียนราชวินิตที่ฟ้องพันธมิตรฯ กล่าวหาปิดถนนมีศักดิ์เป็นน้องชายและทีมงานของ “ศุภชัย ใจสมุทร” รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ขณะที่เด็กราชวินิตขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ยืนยันการชุมนุมไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียน
หลังจากเมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาฯ นางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร ร่วมกับอาจารย์โรงเรียนราชวินิตมัธยมรวม 10 คน และนายเมธี ใจสมุทร ทนายความ ได้เดินทางมาเข้ายื่นเพื่อฟ้องร้องกล่าวโทษต่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นจำเลย 1 ถึง 6 ตามลำดับ ที่ชุมนุมกีดขวางการจราจรบริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับการเดินทางของประชาชน โดยเรียกร้องขอให้รื้อถอนเวทีปราศรัย และขนย้ายสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่ปิดกั้นถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก นอกจากนี้ ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้รถโดยสารสามารถผ่านเข้าออกถนนดังกล่าวได้ และงดใช้เครื่องกระจายเสียงระหว่างเวลา 07.30-16.30 น. ในวันจันทร์ถึงศุกร์ รวมทั้งห้ามปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย และขอให้จัดการกับสิ่งปฏิกูลอย่างมีระบบระเบียบ รวมทั้งขอให้จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 6 ชำระค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความแทนโจกท์ทุกคน.
โดยศาลนัดฟังคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 13.30 น. โดยคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว มีสาระสำคัญเช่นเดียวกับการขอให้ศาลมีคำสั่งในการไต่สวนฉุกเฉิน และศาลได้เลื่อนวันนัดพิจารณาจากเดิม 18 ก.ย. 2551 เป็น 18 ส.ค. 2551
มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายเมธี ใจสมุทร หรือป๊อด เกิดที่ตำบลสุโส๊ะ อ.ปะเหลียน จังหวัดตรัง แต่ไปเติบโตที่ปัตตานี เป็นลูกพี่ลูกน้องและทีมงานของนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยมชั้น ม.3 มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ โดยยืนยันว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่กระทบต่อการเรียนการสอน เด็กนักเรียนคนดังกล่าวเล่าว่า อาจารย์ได้พูดหลังเคารพธงชาติว่า เด็กมีหน้าที่เรียนหนังสือ ไม่มีหน้าที่ไปประท้วง แต่นักเรียนคนดังกล่าวตั้งคำถามบนเวทีว่า เมื่อครูบอกว่าเด็กคืออนาคตของชาติ อยากถามถ้าไม่มีชาติแล้วเด็กจะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และพันธมิตรได้บรรเทาความเดือดร้อนด้วยการไม่เปิดเครื่องขายเสียงดังเกินไป และมีการปิดเครื่องขยายเสียงบางเวลา เช่น ช่วงเช้า และมีการปรับเปลี่ยนทิศทางของเครื่องขยายเสียงเพื่อไม่ให้กระทบต่อโรงเรียนแล้ว
รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2551 มาตรา 63 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก