“ทนายกู้ชาติ” เตรียมยื่นศาลแพ่งขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ยกสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ และสวัสดิภาพของผู้ชุมนุมที่เคยถูกพวกนรกป่วนเมือง นั่งรถเมล์บุกเข้าทำร้าย เปิดพยาน 4 ปาก “จำลอง-พิภพ-ปราโมทย์” และเด็ก นร.ราชวินิต ที่ย้ำชัดไม่เคยเดือดร้อน ยืนยัน ถึงที่สุดแล้วก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล แต่ขณะนี้ยังมีช่องที่สามารถโต้แย้งได้อยู่
วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.15 น.ที่เวทีพันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวต่อกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีกลุ่มครูราชวินิต ว่า วันพรุ่งนี้ ในเวลา 10.00 น.เราจะไปยื่นต่อศาลเพื่อขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว รวมทั้งจะนำพยานเข้าไต่สวน เพื่อให้เห็นความจำเป็นของเราด้วย โดยเหตุผลของเราคือ รัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ระบุว่า บุคคลย่อมมิสทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ และต้องยึดรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลัก อีกทั้งรัฐบาลก็ไม่ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุม รวมทั้งกฎหมายที่จะออกมารองรับมาตรา 63 นั้น จะต้องออกตามมาตรา 27 ก่อนด้วย หากกฎหมายใดยกเลิกสิทธิตามมาตรา 63 จะกระทำไม่ได้
“อีกเหตุผล คือ เมื่อครั้งที่พันธมิตรฯอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ได้เปิดให้รถประจำทางผ่าน ปรากฏว่า มีพวกนรกป่วนกรุง บุกเข้ามา ซึ่งเรามีทั้งเด็กผู้หญิงและคนชรา เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ เราจึงมีความจำเป็นและอาจขอให้ศาลมาเดินเผชิญสืบด้วย” นายสุวัตร กล่าว
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 10 นำไปกล่าวอ้างไม่เป็นความจริง รวมทั้งมีสิ่งทีน่าสงสัย ก็คือ นายเมธี ใจสมุทร ทนายความฝ่ายโจทก์ เป็นญาติสนิทกับ นายศุภชัย ใจสมุทร อดีตเป็นผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 8 ลำดับ 4 พรรคพลังประชาชน และปัจจุบันเป็นรองโฆษก พปช.ดังนั้น ไม่เชื่อว่า ครู และนักเรียนจะไปฟ้องร้องเอง แต่ผู้อยู่เบื้องหลัง คือ พรรคพลังประชาชน ซี่งสิ่งเหล่านี้ในวันพรุ่งนี้จะนำสืบทั้งหมด ที่สำคัญ การชุมนุม 36 วันที่ผ่านมาปราศจากอาวุธ และไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้นเลย และพันธมิตรฯไม่ได้อะไรจากการชุมนุม ตรงกันข้ามกรณีโยกย้ายข้าราชการ เขาพระวิหาร รัฐบาลไม่สามารถกระทำได้ เพราะมีเวทีของเรา ดังนั้น จะมองว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมโดยไม่สุจริตไม่ได้เด็ดขาด
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า กฎหมายที่ศาลอ้างเป็นกฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไป แต่มาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ ระบุชัดว่า การชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชน ดังนั้น เมื่อศาลสั่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงเป็นการตีความตามกฎหมายทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพยาน 4 ปาก ที่จะนำไปไต่สวนในวันพรุ่งนี้ ประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ในฐานะตัวแทนที่เคยเข้าเจรจากับ ร.ร.ราชวินิต ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์อาวุโส และเด็กนักเรียนราชวินิต ที่เคยออกมายืนยืนว่าไม่ได้รับความเสียหายจากการชุมนุม
นายสุวัตร กล่าวด้วยว่า หากในที่สุด หากศาลให้ทำอย่างไรเราก็ต้องทำ แต่เรามีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วยได้ ไมใช่ว่าเราไม่ทำตาม แต่คำสั่งยังถือว่ามีข้อโต้แย้งอยู่ และหากเราไม่ทำตามก็จะต้องมีหมายเรียกมาอีกครั้ง ว่า ทำไมเราไม่ปฏิบัติตาม แต่เราจะไม่รอให้เรียก เราจะไปขอไต่สวนให้ยกเลิกโดยพลัน ซึ่งเมื่อศาลจะสั่งอย่างไรก็ถือเป็นที่สุด
“พวกนรกป่วนกรุง นั่งรถเมลแล้วลงมาทำร้ายเด็กกับคนแก่ของเรา ก็จะเป็นการชุมนุมโดยสงบไม่ได้อีกต่อไป เพราะพวกเราถูกทำร้าย” นายสุวัตร ระบุ
ด้าน นายสุริยะใส แถลงว่า พันธมิตรฯ ยืนยันว่า เราพร้อมรับคำพิพากษา แต่ต้องสิ้นสุดกระบวนความก่อน การชุมนุมตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ ในเบื้องต้นกลุ่มพันธมิตรฯ เห็นว่า สมควรให้ทีมทนายไปยื่นเพื่อให้ไต่สวนฉุกเฉิน ตรงนี้ไม่ใช่การขัดคำสั่งของศาล ส่วนจะออกมาในรูปแบบใด แกนนำจะตัดสินใจอีกครั้งคืนนี้