“ทนายกู้ชาติ” แฉ เหลี่ยมพลังแม้ว ทำตัวเป็นขอมดำดิน แอบมุดยื่นขอไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครอง ห้าม “สนธิ” พูดพาดพิงนายใหญ่ ขณะที่ครูนอมินี ยังไม่จบ ยื่นขอหมายศาลบังคับคดี แต่ศาลไม่อนุมัติ เผย เตรียมยื่นอุทธรณ์ทั้งสองคดีไม่เกินจันทร์นี้ จวก ตำรวจปากไวจ้องรื้อเวทีพันธมิตรฯ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ปราศรัย
วันนี้ (2 ก.ค.) เมื่อเวลา 21.24 น. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานชมัยมรุเชฐ ว่านับตั้งแต่ที่เริ่มต้นการต่อสู้มาเมื่อวันที่ 25 พ.ค.51 จนถึงวันนี้ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ถูกฟ้องเฉพาะที่มีสำนวนมาถึงมือตน 10 สำนวนแล้ว แต่ก็ไม่เคยท้อใจเลย ไม่เกินความสามารถที่ตนจะดูแลได้
“อยากเรียนว่าคุณทักษิณมีเงินมากมาย สามารถใช้ทนายเกือบหมดประเทศแล้ว แต่คุณสนธิมีผมเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ แต่ขณะนี้มีสภาทนายความเข้ามาช่วยแล้ว เราไปฟ้องศาลปกครอง มีคุณนคร คุณนิติธร และเพื่อนๆ อีกมากมาช่วยเหลือกัน แล้วศาลก็คุ้มครองชั่วคราวทำให้เราไม่เสียเขาพระวิหารไป” นายสุวัตร กล่าว และว่า ดังนั้นในเส้นทางรบพวกเราไม่เคยโดดเดี่ยวเลย แต่อย่างที่เรียนมาแล้วว่า บางครั้งที่แพ้ในศาลชั้นต้น เราจะท้อไม่ได้ ศาลแต่ชั้นก็จะมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ในที่สุดจะไปจบที่ศาลฎีกาหรือศาลสูง ดังนั้นเรามีเวลาที่จะต่อสู้ต่อไป
นายสุวัตร ยังเผยด้วยว่า เมื่อวานไปยืนไต่สวนพร้อมๆกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ที่ศาลแพ่ง ระหว่างที่ไต่สวนเพื่อของยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้เปิดถนน และงดใช้เสียงนั้น ทนายของคุณทักษิณก็ไปขอไต่สวนฉุกเฉิน จะสังเกตว่ายุทธวิธีของคุณทักษิณสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกัน สมัยก่อนเขาจะให้ข่าวก่อนว่าจะไปฟ้องวันไหน แต่เดี๋ยวนี้เขาใช้ยุทธวิธีใหม่ ยุทธวิธีขอมดำดิน คงไปติดระบบเขมรมา เขาแอบไปยื่นฟ้องและแอบไปไต่สวนฉุกเฉินเราไม่มีโอกาสรู้เลย
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ขณะที่ตนยื่นฟ้องคุณนพดลที่ศาลปกครอง ฝั่งของคุณทักษิณแอบไปไต่สวนฉุกเฉินเป็นสงครามที่ไม่ประกาศ เมื่อวานศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองห้ามไม่ให้นายสนธิพูดถึงพ.ต.ท.ทักษิณหรือคนหน้าเหลี่ยม แต่คำสั่งยังมาไม่ถึงนายสนธิ แต่ตนก็เตรียมหลักฐานแล้ว สิ่งเหล่นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อปี 49 เคยถูกฟ้องอย่างนี้เช่นกัน พอสองวันต่อมาก็ไปไต่สวนฉุกเฉินแล้วก็ยกเลิกคำสั่งไป จนนายสนธิสามารถพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณได้ คดีใหม่นี้ก็เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าถ้าเราได้นำเสนอเหตุผลทางฝั่งเราแล้ว และไต่สวนเพื่อให้ศาลรับทราบว่ากรณีใครจะด่าใคร มันด่าครั้งเดียวจบไปแล้ว ความผิดมันสำเร็จจบไปแล้ว ดังนั้นการกระทำซ้ำไม่น่าจะมี นี่คือเหตุผลที่ตนจะยื่น คาดว่าอย่างช้าไม่น่าจะเกินวันศุกร์นี้
ส่วนกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งเกี่ยวกับการชุมนุมครั้งนี้ โดยมีโจทก์เป็นอาจารย์เพียง 10 ท่านของ ร.ร.ราชวินิตนั้น นายสุวัตร กล่าวว่า ไม่อยากให้เราตำหนิทั้งหมด เพราะคนฟ้องมีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น ความจริงคดีนี้เป็นคดีสงครามตัวแทน คนที่ฟ้องจริงๆ คือพรรคพลังประชาชน เพราะทนายความที่มายื่นคือนายเมธี ใจสมุทร เป็นน้อง นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชน ฉะนั้นมันหนีไปไหนไม่ได้ นี่คือการกระทำของพรรคพลังประชาชน คนที่ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า ไม่กล้าเปิดหน้าชก แอบเป็นขอมดำดิน จะฟ้องก็ใช้นอมินี มีรัฐบาลก็ใช้นอมินี ติดเป็นสันดาน เลยต้องใข้นอมินีมาตลอด
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ตำรวจเลวๆ บางคนกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะรื้อเวทีนี้เหลือเกิน ฝากไปถึงนายตำรวจที่ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วบอกว่าถ้าศาลขอความร่วมมือมาเมื่อไหร่จะให้ความร่วมมือบุกมารื้อเวที
“ฝากบอกว่า ขนาด ผบ.ตร.ผมยังลากขึ้นศาลได้ แล้วพวกคุณเป็นใครที่ผมจะทำไม่ได้ แล้วจะสอนกฎหมายให้รู้ว่าคดีแพ่งเขาไม่ใช้ตำรวจ จะต้องใช้เจ้าพนักงานของศาล แล้วจะบอกให้คุณรู้ว่าฝ่ายโจทก์ไปยื่นขอออกหมายบังคับคดี ศาลไม่ออกให้เรียบร้อยแล้ว” นายสุวัตร กล่าว และว่า เขาหาว่าเราไม่ยอมเปิดเส้นทางปิดเครื่องเสียง ทั้งที่เราทำแล้ว ศาลก็ไม่ออกหมายให้ อย่างไรก็ตาม ขอเชิญ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ไปชี้แจงที่ศาลแพ่งวันจันทร์ 13.30 น. เราไปเที่ยวศาลแพ่งกัน แต่เราไปนั่งฟังอย่างสุภาพ
นายสุวัตร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้จะเร่งทำสำนวนทั้งสองคดี คือยื่นอุทธรณ์กรณีคำสั่งศาลแพ่งคุ้มครองฉุกเฉินและยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในข้อกฎหมายด้วย และอีกคดีจะยื่นอุทธรณ์กรณีที่นายสนธิถูกศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้หยุดพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยคาดว่าทั้งสองเรื่องน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้อย่างช้าไม่เกินวันจันทร์นี้