xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอเตรียมส่งสำนวนคดีรุกที่ดิน อ.เกาะยาว จ.พังงา ให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ เมื่อครั้งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีมีผู้ร้องเรียนเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าที่จ.พังงา
ดีเอสไอ เตรียมส่งสำนวนคดีบุกรุกที่ดินอ.เกาะยาว จ.พังงา ให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง โดยแยกเป็น 2 สำนวน ฟ้องผู้ต้องหารวม 5 ราย เป็นทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดินและนายทุน

วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่าสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ได้นำสำนวนคดีเกี่ยวกับการทุจริตและบุกรุกที่ดิน อ.เกาะยาว จ.พังงา พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสิ้น 5 ราย เสนอ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ โดยแยกเป็น 2 สำนวน สำนวนแรกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย ผู้ต้องหาที่ 1และผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด โดยออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 เป็นนายทุน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นสั่งฟ้องในความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54, 55 ประกอบมาตรา 72 ตรีวรรคแรก

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า อีกสำนวนพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 2 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด โดยออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยผิดกฏหมาย ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ส่วนผู้ต้องหาอีกคนที่เป็นผู้ถือครองที่ดินถึงแก่ความตายจึงไม่ได้สั่งฟ้อง ซึ่งอธิบดีดีเอสไอจะต้องพิจารณามีความเห็นและส่งต่อให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป

สำหรับสำนวนแรกกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์กว้านซื้อที่ดินซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ และนำส.ค.1 แปลงอื่นมาออกเอกสารสิทธิ (ส.ค.1 บิน) เป็น น.ส.3 ก.1533 มีเนื้อที่ 6-3-67 ไร่ แล้วนำไปรวมกับที่ดินอีก 2 แปลง ไปจำนองกับธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ เป็นเงิน 230 ล้านบาท น.ส.3 ก.1534 มีเนื้อที่ 34-1-09 ไร่ แล้วนำไปรวมกับที่ดินแปลงอื่น 1 แปลง ไปจำนองกับธนาคารมหานคร เป็นเงิน 50 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นการนำ ส.ค.1 บินมาออกเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิโดยมีผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้ผู้ต้องหาที่ 3 ที่ให้การสนับสนุน แล้วผู้ต้องหาที่ 3 ได้เข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยไปจำนองกับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ผลจากการสอบสวนยังพบว่าที่ดินดังกล่าวไม่มีการทำประโยชน์แต่อย่างใดและจากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นที่ดินซึ่งไม่มีหลักฐาน ส.ค.1 มาก่อน

ส่วนสำนวนที่ 2 ผู้ต้องหาที่ 3 ที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นเจ้าของที่ดิน มีเอกสารสิทธิ เป็น น.ส. 3 ก.เลขที่ 319 เดิม 5-0-16 ไร่ ต่อมา ปี 2538 มีพฤติการณ์ในการกระทำผิดคือสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ที่ดินเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตาม น.ส.3 ก.319 เปลี่ยนเป็น น.ส.3 ก.326 เนื้อที่ 27-3-94 ไร่ มากกว่าเดิม 22-3-78 ไร่ ต่อมาได้ขายที่ดินดังกล่าวให้กับบุคคลอื่นซึ่งเป็นนายทุน ในราคา 6 ล้านบาท เมื่อบุคคลอื่นซึ่งเป็นนายทุนได้ที่ดินดังกล่าวไปแล้วนำไปจดจำนองร่วมกับที่ดินอีก 6 แปลง เพื่อค้ำประกันเงินกู้ของบริษัทสยามอเมริกาต่อธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ ในวงเงิน 322.5 ล้านบาท จากการสอบสวนพยานเกี่ยวกับที่ดินที่เป็นบุตรของผู้ต้องหาที่ 3 ให้การว่าที่ดินที่เกิดเหตุเป็นที่ดินของผู้ต้องหาที่ 3 ครอบครอง โดยมีเอกสารสิทธิบางส่วน ต่อมาได้ไปขอขยายที่ดินกับเจ้าหน้าที่ที่ดิน โดยผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้นำชี้รังวัดแนวเขตที่ดินที่เกิดเหตุเองจนได้ที่ดินเพิ่มมาอีก 22-3-78 ไร่ และพบว่า ไม่มีการทำประโยชน์แต่อย่างใดมาก่อนในที่ดินที่ขอขยาย จากพยานหลักฐานเชื่อว่าที่ดินที่ขอขยายดังกล่าวเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น