“ดีเอสไอ” จัดเวิร์กชอปเสนอ 5 ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐ อย่างเป็นระบบ ด้าน อธิบดีดีเอสไอ เผย ผู้บุกรุกเสียเงินเพียงเล็กน้อยกลับได้โฉนดที่ดินมูลค่าสูง วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าละเลยปัญหา
วันนี้ (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานของหน่วยงานที่ดูแลและรับผิดชอบในการป้องกันและปราบปรามและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ครั้งที่ 2 โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดย ดีเอสไอ ได้แบ่งกลุ่มกำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา 5 ด้าน ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐ ยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันการบุกรุกที่ป่า ยุทธศาสตร์ด้านการปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐ ยุทธศาสตร์ด้านการปราบปรามการบุกรุกที่ป่า และยุทธศาสตร์ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกที่ดิน
สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่พบ ได้แก่ การปราบปรามของเจ้าหน้าที่ไม่มีการป้องกันการกระทำผิดในอนาคตอย่างเป็นระบบเพราะไม่มีอำนาจในการออกเอกสารสิทธิ โดยในความคิดเห็นของแต่ละหน่วยงานแต่ต่างกันเช่นกฎหมายไม่สอดคล้องกับความขัดแย้ง ต่างคนต่างทำงาน กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงจากบุคคลภายนอก แผนที่ภาพถ่ายของแต่ละหน่วยงานไม่ตรงกันทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในเขตแดนที่แท้จริง นอกจากนี้ในที่ประชุมยังเสนอแนวทางการแก้ไขในประเด็นปัญหาต่างๆ เช่นการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาดูแลที่ดินของรัฐ หามาตรการในการจำหน่าย สค.1 หรือหลักฐานที่ดินเดิมอื่นๆที่ใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการใช้ออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่หวงห้าม เพื่อป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐอย่างเป็นระบบ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า จากการประชุมแสดงความคิดเห็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้เสนอแนวทางแก้ไข 5 ยุทธศาสตร์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ จากนั้นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนออกมาอีกครั้ง เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้จัดประชุมสัมมนาครั้งใหญ่ โดยมี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานจนสามารถนำข้อคิดเห็นของที่ประชุมไปแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนต้องการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าหน่วยงานของตนเองมีพื้นที่จำนวนเท่าใดและถูกบุกรุกจำนวนเท่าใด ไม่ต้องการให้ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเพราะการบุกรุกที่ดินของรัฐและการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบส่งผลกระทบหลายอย่างเช่น ใช้เงินจำนวนน้อยแต่สามารถได้โฉนดที่ดินในพื้นที่ที่มีมูลค่ามากกว่าเงินที่เสียไป บางแห่งเสียเงินเพียง 5 ล้านบาททั้งที่มูลค่าที่แท้จริงมากกว่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นบางแห่งยังนำเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบไปกู้เงินจารธนาคารได้เงินเป็น 10,000 ล้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะเมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์ทำให้รัฐถูกบุกรุกและต้องสูญเสียเงินจำนวนมหาศาล
