ดีเอสไอพบข้อมูลที่ดิน 1,200 ไร่ใน ต.น้ำหัก สุราษฎร์ธานี ของ บ.ศรีสุบรรณฟาร์ม ออกเอกสารสิทธิผิดกฎหมาย เตรียมเสนอกรมที่ดินเพิกถอน หลังเจอชื่อผู้ยื่นขอเอกสารสิทธิเป็นคนงาน บ.ทักษิณปาล์มที่ไม่ใช้ผู้ได้ประโยชน์แท้จริง ด้านรองดีเอสไอระบุ 24 เม.ย.จะประชุมร่วมหน่วยงานรัฐเพื่อจับมือปราบปรามผู้บุกรุกครอบครองป่าในทางเดียวกันสนองนโยบายรัฐบาล
วันนี้ (21 เม.ย.) นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งปัจจุบันบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ได้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.น้ำหัก ถึงการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบและได้ทำหนังสือส่งให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณดังกล่าวเนื้อที่กว่า700 ไร่ ล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายผลถึงเอกสารสิทธิที่ดินอีกว่า 1,200 ไร่ และลงพื้นที่สอบปากคำพยานกว่า 70 ปาก พบว่ามีการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบจากการออกเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ผู้ขาดคุณสมบัติ คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือน เม.ย.นี้ ดีเอสไอจะรวบรวมหลักฐานส่งให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิของที่ดินแปลงดังกล่าวต่อไป ส่วนกรมที่ดินจะดำเนินการอย่างไรนั้นดีเอสไอไม่มีอำนาจก้าวก่าย
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่ยื่นขอออกเอกสารสิทธิที่ดินใน ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม พบว่าส่วนใหญ่เป็นคนงานของบริษัท ทักษิณปาล์ม จำกัด ซึ่งไม่ใช่ผู้ใช้ประโยชน์จากที่ดินจริงภายหลังการขอเอกสารสิทธิกลุ่มคนงานได้นำเอกสารสิทธิที่ดินไปขายต่อให้กับบริษัท ไทยมาเลเซียนเกษตร จำกัด
นายสรรเสริญ กล่าวต่อไปว่า ในกรณีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบใน จ.สุราษฎร์ธานี ดีเอสไอยังไม่ได้สืบสวนสอบสวนในเชิงคดีเพราะยังไม่เป็นคดีพิเศษแต่เป็นการตรวจสอบเฉพาะกรณีการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่ได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้าน ส่วนกรณีที่มีการบุกรุกเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์นั้น กรมที่ดินต้องตรวจสอบจากแนวเขตที่ดินหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำความผิดและต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายก็สามารถเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษได้
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้รับมอบหมายจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้เป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหากรณีการบุกรุกครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์เนื่องจากการแก้ปัญหาที่ผ่านมาเป็นการทำงานแบบแยกส่วน เช่น กรมแผนที่ทหารทำหน้าที่ตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศเพื่อเปรียบเทียบว่ามีชาวบ้านเข้าไปทำมาหากินในเขตป่า หรือที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ สปก.ก็พยายามจัดหาที่ดินให้เกษตรกรที่ยังไม่มีที่ดินทำกิน ขณะที่กรมที่ดินมีหน้าที่ออกเอกสารสิทธิ ทั้งนี้ วิธีการทำงานของภาครัฐไม่ได้เป็นการวางแนวทางร่วมกันในหลายกรณีจึงมีการปฏิบัติที่ขัดกันจนนำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อขอเพิกถอนเอกสารสิทธิ ดังนั้น ในวันที่ 24 เม.ย เวลา 10.00 น. ดีเอสไอจะจัดการประชุมร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเรื่องการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ป่าสงวน และการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบเพื่อให้ได้กรอบการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย