“กรมศุลฯ” โชว์จับ ไม้พะยูงส่งออก สินค้าพืชไร่ทางเกษตร และงาช้าง รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท หลังสืบทราบจะมีการลักลอบไม้พะยูงและสินค้าลอบมาทางรถบรรทุกใส่ตู้คอนเทนเนอร์ จึงทำการตรวจค้นพบสิ่งของผิดกฏหมายดังกล่าว คาดถูกลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนถูกส่งต่อไปยังประเทศจีน
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร และนางเพ็ญพักตร์ ตันวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและปฏิบัติการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมไม้พะยูงและสินค้าพืชไร่ทางการเกษตร ประเภทกระเทียม รวมมูลค่ากว่า 9,000,000 บาท นอกจากนี้ยังร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมงาช้าง จำนวน 5 กิ่ง ซึ่งถูกตัดเป็นท่อน รวม 21 ท่อน น้ำหนัก 84 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1ล้านบาท
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 สำนักสืบสวนและปราบปรามได้ร่วมกับสำนักศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จับกุมไม้พะยูงส่งออก จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด 40 ฟุต ราคาประมาณ 2 ล้านบาท และยังสามารถจับกุมไม้พะยูงส่งออกได้อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทั้งหมด 7 ล้านบาท ซึ่งไม้พะยูงทั้งหมดถูกซุกซ่อนเอาไว้โดยใช้สินค้าประเภทกระเบื้องบังหน้า เจ้าหน้าที่มีความเข้มงวดอย่างมากในการตรวจสอบทำให้สามารถจับกุมได้ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่าไม้พะยูงถูกตัดมาจากในประเทศไทยหรือถูกลำเลียงเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนมากจะส่งออกไปยังประเทศจีนโดยลำเลียงผ่านทางเรือ
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 สำนักสืบสวนและปราบปรามยังได้จับกุมกระเทียมจากรถบรรทุกสิบล้อ 2 คัน หมายเลขทะเบียน 70-1156 ยะลา และรถสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 70-5927 สงขลา รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท ยังมีอีก 1 คันที่สามารถจับกุมได้อยู่ที่ปราณบุรี
“นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปรามยังสามารถจับกุมงาช้างลักลอบหนีศุลกากร รวมมูลค่า 1 ล้านบาท ได้ที่บริเวณแผนกติดตามสัมภาระ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำสินค้าประเภทงาช้างผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้ไปตรวจสอบจนพบสินค้าดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดรับเป็นเจ้าของ โดยข้อมูลจากป้ายกำกับสัมภาระผู้โดยสารบนกระเป๋าเดินทางทั้ง 4 ใบ แสดงให้เห็นว่าสินค้าดังกล่าวนำเข้ามาจากประเทศแซมเบีย ผ่านประเทศเอทิโอเปีย และมีการเปลี่ยนเที่ยวบินมาสู่ประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึได้ยึดของกลางทั้งหมดส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายวิสุทธิ์ กล่าว
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร และนางเพ็ญพักตร์ ตันวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและปฏิบัติการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมไม้พะยูงและสินค้าพืชไร่ทางการเกษตร ประเภทกระเทียม รวมมูลค่ากว่า 9,000,000 บาท นอกจากนี้ยังร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมงาช้าง จำนวน 5 กิ่ง ซึ่งถูกตัดเป็นท่อน รวม 21 ท่อน น้ำหนัก 84 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1ล้านบาท
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 สำนักสืบสวนและปราบปรามได้ร่วมกับสำนักศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จับกุมไม้พะยูงส่งออก จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด 40 ฟุต ราคาประมาณ 2 ล้านบาท และยังสามารถจับกุมไม้พะยูงส่งออกได้อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทั้งหมด 7 ล้านบาท ซึ่งไม้พะยูงทั้งหมดถูกซุกซ่อนเอาไว้โดยใช้สินค้าประเภทกระเบื้องบังหน้า เจ้าหน้าที่มีความเข้มงวดอย่างมากในการตรวจสอบทำให้สามารถจับกุมได้ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่าไม้พะยูงถูกตัดมาจากในประเทศไทยหรือถูกลำเลียงเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนมากจะส่งออกไปยังประเทศจีนโดยลำเลียงผ่านทางเรือ
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 สำนักสืบสวนและปราบปรามยังได้จับกุมกระเทียมจากรถบรรทุกสิบล้อ 2 คัน หมายเลขทะเบียน 70-1156 ยะลา และรถสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 70-5927 สงขลา รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท ยังมีอีก 1 คันที่สามารถจับกุมได้อยู่ที่ปราณบุรี
“นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปรามยังสามารถจับกุมงาช้างลักลอบหนีศุลกากร รวมมูลค่า 1 ล้านบาท ได้ที่บริเวณแผนกติดตามสัมภาระ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำสินค้าประเภทงาช้างผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้ไปตรวจสอบจนพบสินค้าดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดรับเป็นเจ้าของ โดยข้อมูลจากป้ายกำกับสัมภาระผู้โดยสารบนกระเป๋าเดินทางทั้ง 4 ใบ แสดงให้เห็นว่าสินค้าดังกล่าวนำเข้ามาจากประเทศแซมเบีย ผ่านประเทศเอทิโอเปีย และมีการเปลี่ยนเที่ยวบินมาสู่ประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึได้ยึดของกลางทั้งหมดส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายวิสุทธิ์ กล่าว