“บรรณพจน์” ขึ้นศาล เบิกความปากสุดท้าย เลี่ยงภาษีโอนหุ้นชินฯ 546 ล้านบาท ย้ำ รับโอนหุ้น “หญิงอ้อ” 4.5 ล้านหุ้น เป็นของขวัญแต่งงาน อ้าง ได้ยกเว้นภาษี
วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลสืบพยานจำเลยปากสุดท้าย คดีหมายเลขดำที่ อ.1149/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 546 ล้านบาท จากหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้น ซึ่งมีหุ้นมูลค่า 738 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37(1)(2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91
โดยวันนี้ฝ่ายจำเลยนำสืบพยานเพียงปากเดียว คือ นายบรรณพจน์ จำเลยที่ 1 ซึ่งนายบรรณพจน์ เบิกความสรุปว่า พยานถูกกล่าวหาในคดีเนื่องจากเมื่อปี 2549 คตส.รื้อคดีการประเมินภาษีโอนหุ้น ที่พยานได้รับโอนหุ้น 4.5 ล้านหุ้นจากคุณหญิงพจมานเมื่อปี 2540 ซึ่งเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่พยานเข้าพิธีสมรสกับ นางบุษบา ดามาพงศ์ ภรรยา ที่ถือเป็นการให้โดยเสน่หาในโอกาสหรือขนบธรรมเนียมประเพณี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(10) ที่พยานไม่ต้องมีภาระชำระภาษี และการประเมินภาษีนั้นได้ยุติเรื่องแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.2544 โดยกรมสรรพากร สรุปเรื่องว่าเป็นการให้ตาม มาตรา 42(10) แต่ คตส.กลับสรุปเรื่องใหม่กล่าวหาว่าเป็นการโอนหุ้นเพื่อเป็นบำเหน็จตอบแทน (ค่าจ้าง) ที่พยานทำงานให้คุณหญิงพจมาน ที่มีภาระต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(2) ทั้งที่ความจริงพยานไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ จากคุณหญิงพจมาน โดยพยานได้รับค่าตอบแทนในการทำงานเป็นเงินเดือน และโบนัสจากบริษัทเท่านั้น ซึ่งหลังจากการกล่าวหาแล้ว คตส.ยังได้อายัดทรัพย์บัญชีเงินฝากที่พยานได้จากการขายหุ้นดังกล่าวในเวลาต่อมา โดย คตส.อ้างว่าทรัพย์นั้นเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งการกระทำของ คตส. ที่กล่าวหาว่าพยานหลีกเลี่ยงภาษีและอายัดทรัพย์พยานไว้ นั้นเป็นเจตนาที่ไม่สุจริต กลั่นแกล้งพยาน ซึ่งพยานเคยยื่นคำร้องโต้แย้งบุคคลที่ถูกแต่งตั้งเป็นอนุไต่สวน คตส.แต่ต่อมา คตส.กลับยกคำร้อง
นายบรรณพจน์ เบิกความด้วยว่า มูลค่าหุ้นที่มีการโอนนั้นที่คำนวณตามราคาพาร์ 4.5 ล้านหุ้นๆ ละ 10 บาท คิดเป็นเงิน 45 ล้านบาทนั้น หากเปรียบเทียบกับทรัพย์สินที่คุณหญิงพจมาน มีอยู่ในปี 2540 มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก หาก คตส. จะกล่าวหาว่ามีการหลบเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ดี ในการให้ขวัญในโอกาสวันสมรสของพยานนั้น นอกจากหุ้นที่คุณหญิงโอนให้แล้ว ยังมีที่ดินด้วยซึ่งพยานก็ใช้เป็นที่ปลูกเรือนหอและปัจจุบันยังคงอาศัยในที่ดินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดี นายบรรณพจน์ เบิกความจนถึงเวลา 11.30 น. แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานอีกครั้งในเวลา 13.30 น.อย่างไรก็ดี หาก นายบรรณพจน์ เบิกความเสร็จสิ้นแล้วศาลจะได้นัดวันฟังคำพิพากษาต่อไป
ต่อมาภายหลังนายบรรณพจน์ เบิกความตอบทนายความจำเลยแล้วในช่วงเช้า ต่อมาช่วงบ่ายได้ตอบคำถามซักค้านอัยการโจทก์ เกี่ยวกับการรับโอนหุ้นจากคุณหญิงพจมานว่า ในเวลาที่รับโอนหุ้นนั้น พยานเข้าใจเองว่าไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหลังจากได้รับโอนหุ้นแล้วได้เก็บหุ้นไว้ระยะหนึ่ง จนได้มีการนำออกมาขายเมื่อปี 2549 ที่ได้ขายรวมกับหุ้นของตระกูลชินวัตรให้บริษัททุนข้ามชาติเทมาเส็ก ส่วนที่คุณหญิงพจมาน ไม่ได้หุ้นโอนให้พยานโดยตรง เพราะหุ้นนั้นมีชื่อนางดวงตา วงศ์ภักดี เป็นผู้ครอบครอง จึงได้มีการโอนผ่านตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ดีเมื่อนายบรรณพจน์ เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้เรียกอัยการและทนายความจำเลย หารือ กรณีที่มีจำเลย ลำดับที่ 31-47 คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) หมายเลขดำ อม.ที่ 1/2551 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ( คตส.) และอำนาจการไต่สวน ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ( คปค.) ฉบับที่ 30 โดยขณะนี้คำร้องถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
โดยศาล หารือกับคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า เนื่องจาก ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เป็นบทบัญญัติและปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอาญา จะต้องนำมาพิจารณาและใช้บังคับในคดีนี้ด้วย ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้นัดพร้อมคู่ความ ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และจะกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษา แต่ทั้งนี้หากปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับ ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ก่อนวันนัดพร้อมดังกล่าว ศาลจะแจ้งให้คู่ความสองฝ่ายทราบเพื่อกำหนดวันฟังคำพิพากษาต่อไป ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งให้คู่ความสองฝ่าย ทำคำแถลงปิดคดีนี้ภายใน 7 วันหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 26 มี.ค.50 โดยใช้โจทก์นำสืบพยานกว่า 30 ปาก ทั้งในส่วนของ คตส. อาทิ นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) , เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร , นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลังและอดีตอธิบดีกรมสรรพากร อดีตปลัดกระทรวงการคลัง, น.ส.ปนัดดา พ่วงพลับ คณะกรรมการพิจารณาวินัย กระทรวงคลัง และเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ขณะที่ฝ่ายจำเลย นำสืบพยานร่วม 20 ปาก ต่อสู้คดี โดยมีนายบรรณพจน์ คุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา จำเลยทั้งสาม ขึ้นเบิกความ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และ อดีตเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ซึ่งจำเลยทั้งสาม ต่างยืนกรานให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา