“อัยการ” ไม่หวั่นกรรมการอุทธรณ์สรรพากรตีความงดภาษี “บรรณพจน์” เพราะขาดอายุความ ย้ำแค่ปัญหาข้อกฎหมายการเรียกเก็บ ยันไม่กระทบคดีอาญา เชื่อ “บรรณพจน์-หญิงอ้อ” ต้องสู้คดีอาญาต่อ ขณะที่ศาลนัดสืบพยานปาก “หญิงอ้อ” เมษายนนี้
วันนี้ (3 มี.ค.) นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เจ้าของสำนวนคดีเลี่ยงชำระภาษีหุ้น บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 546 ล้านบาท จากมูลค่าหุ้น 738 ล้านหุ้น ที่มีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางกาญจนาภา หงส์เหิน และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1-3 กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการอุทธรณ์ กรมสรรพากร วินิจฉัยเรื่องการเรียกเก็บภาษีหุ้นว่า นายบรรณพจน์ไม่ต้องจ่าย เนื่องจากการเรียกเก็บขาดอายุความเกิน 5 ปีแล้ว โดยคณะกรรมการอุทธรณ์ได้สั่งคืนเงินนายบรรณพจน์ จำนวน 546 ล้านบาทที่วางประกันด้วยว่า กรณีที่คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีหุ้น มีมติว่าไม่ต้องเรียกเก็บภาษีจากนายบรรณพจน์เพราะขาดอายุความนั้น
ถือเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นในประเด็นการเรียกเก็บภาษีอันเป็นความผิดทางแพ่ง ดังนั้น การวินิจฉัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับคดีที่มีการยื่นฟ้องกระทำผิดอาญา ฐานหลีกเลี่ยงภาษี โดยคดีอาญานั้น นายบรรณพจน์ยังต้องมีหน้าที่ทำการพิสูจน์ว่ามีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีหรือไม่ ตามที่อัยการยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันหลีกเลี่ยงชำระภาษี โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91
“แม้กรมสรรพากรจะคืนเงินภาษีให้ก็เพราะเหตุขาดอายุความ แต่ยังไม่ได้พิสูจน์ความถูกผิดในคดีอาญา หากมีการยกประเด็นขาดอายุความเรียกเก็บภาษีขึ้นต่อสู้ก็ถือว่าเป็นปกติของผู้ถูกกล่าวหาที่จะสู้ทุกประเด็นแต่ขึ้นอยู่ที่ศาลจะรับฟังอย่างไร” นายวงศ์สกุล กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการสืบพยานคดีนี้ นายวงศ์สกุล กล่าวว่า ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานจำเลย โดยศาลอาญานัดสืบพยานจำเลยในช่วงเดือนเมษายนนี้ ส่วนพยานจำเลยที่จะมีการนำสืบนั้น ก่อนหน้านี้ทนายความได้ยื่นบัญชีพยานต่อศาลไว้แล้ว ซึ่งมีคุณหญิงพจมาน ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยและพยานผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง
ด้าน นายวีระภัทร์ ศรีไชยา ทนายความของนายบรรณพจน์ กล่าวยอมรับว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อคดีอาญาที่มีการฟ้องหลีกเลี่ยงชำระภาษีแน่นอน แต่จะเป็นผลดีอย่างไรนั้นถือเป็นแนวทางต่อสู้ที่ปกติทนายจะไม่แสดงความคิดเห็นนอกศาล อย่างไรก็ดี ขณะนี้นายบรรณพจน์และทีมทนายความยังไม่ได้รับผลการวินิจฉัยจากกรมสรรพากรจึงต้องรอดูรายละเอียดก่อนว่าคณะกรรมการอุทธรณ์มีความเห็นอย่างไร
“ทีมทนายความทำเรื่องอุทธรณ์ภาษีให้นายบรรณพจน์ต่อกรมสรรพากรไปนานแล้ว และทราบว่ากรรมการอุทธรณ์มีมติตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ยังไม่ส่งเรื่องมาให้ทราบเพราะต้องเสนอไปตามลำดับชั้นตอนนี้เรื่องคงถึงนายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร พอดีจึงแถลงออกมาในช่วงนี้ จึงไม่อยากให้คิดว่ามีมติออกมาตอนนี้เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับมาเพราะไม่เกี่ยวข้องกัน” นายวีระภัทร์ กล่าวชี้แจง
นายวีระภัทร์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการอุทธรณ์ต้องตรวจสอบว่าคดีอยู่ในอายุการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีได้หรือไม่อยู่แล้ว เพราะกฎหมายกำหนดให้ต้องทำ ซึ่งทนายความก็ได้หยิบยกประเด็นขาดอายุความขึ้นมาอุทธรณ์ต่อกรมสรรพากรด้วยเพราะเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งการเรียกเก็บภาษีถ้าอยู่ในระยะเวลาประเมินก็ประเมินได้แต่คดีนี้ทนายความเห็นว่าไม่อยู่ในอายุการประเมินจึงต่อสู้ไปทั้งในการอุทธรณ์ต่อกรมสรรพากร และในชั้นศาลอาญา
