ดีเอสไอ จับ “เอกชัย มหาคุณ” อ้างเป็นหลาน “วิชา มหาคุณ” ฐานเลี่ยงภาษีค้าเหล้า-ไวน์ สร้างความเสียหายกว่า 300 ล้าน แต่ให้ประกันตัวด้วยเงินล้าน ขณะที่รองดีเอสไอ ระบุ เลี่ยงภาษีมาตั้งแต่ปี 2546-2549 มีโทษปรับ 4 เท่าของราคาของอากรที่ขาดส่ง จำคุกไม่เกิน 10 ปี ด้าน “วิชา มหาคุณ” รับเป็นหลานจริง แต่ไม่ขอยุ่งให้เป็นหน้าที่ จนท.ทำตามหลักฐาน แย้มหลานเคยปรึกษาถูก ตร.รีดสินบน แต่แนะอย่ายอม ลั่นมีนามสกุลนี้ทั่ว ปท.อย่าโยงการเมือง
วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เวลา 17.15 น. เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนของดีเอสไอ นำโดยนายธวัชชัย สวนสีดา ผอ.ส่วนคดีภาษีอากร 2 สำนักคดีภาษีอากรดีเอสไอ ได้จับกุมตัวนายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัท แคนน่อล แปซิฟิค จำกัด ข้อหากระทำผิดฐานนำเข้าสุรา ไวน์ จากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร โดยการสำแดงเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร เป็นเหตุให้ภาษีขาด เป็นเงิน 312,214,873.173 บาท ตามมาตรา 27, 99 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ลานจอดรถ ตรงข้ามซอยบ่อปลา ในซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น บางกะปิ กทม. ซึ่งผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว และอนุญาตประกันตัว ด้วยวงเงิน 1 ล้านบาท
นายธาริต กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบบริษัทดังกล่าว มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีมาตั้งแต่ปี 2546-ม.ค.2549 ซึ่งความผิดหลักเป็นความผิดกรณีที่ ไม่ติดอากรแสตมป์ และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงถือเป็นการสำแดงต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 10 เท่า ส่วนอากรแสตมป์ที่ติดก็ติดเพียงจำนวนที่สำแดงภาษี และพบว่ามีมากถึง 84 ใบขน มีโทษปรับ 4 เท่าของราคาของอากรที่ขาดส่ง จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ผู้ต้องหามีสิทธิตลลงกับกรมสรรพากรเพื่อเปรียบเทียบปรับก็ได้ซึ่งผู้ต้องหาปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล และอ้างตัวเป็นหลานกับนายวิชา มหาคุณ ด้วย
นาธาริต กล่าวด้วยว่า คดีหลบเลี่ยงภาษี หรือสำแดงภาษีอันเป็นเท็จที่ดีเอสไอรับผิดชอบขณะนี้มีหลายคดีมีมูลค่าที่สร้างความเสียหายหลยพันล้านบาท ส่วนคดีนำเข้าเหล็กซีลีคอน ที่มีผู้ต้องหา 5 บริษัท ถือเป็นความผิดสำแดงคนละพิกัดคือเสียภาษีต่ำกว่าพิกัดที่ต้องเสียจริง ขณะนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นขอเปรียบเทียบปรับกับกรมสรรพากร และอยู่ระหว่างกรมกำลังประเมินภาษีอยู่
ทางด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า นายเอกชัยเป็นบุตรของนายศุภสิทธิ์ ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นญาติกับตน จึงถือมีศักดิ์เป็นหลาน เมื่อนายเอกชัยถูกจับกุมดำเนินคดี ตนขอไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดำเนินไปตามหลักฐาน ซึ่งที่ผ่านมานายเอกชัยเคยปรึกษาว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเงิน ตนจึงแนะนำว่าไม่ให้ไปจ่าย หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้พูดคุยกันอีก และที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุริกจของนายเอกชัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจับกุมผู้ต้องหาที่มีนามสกุลเดียวกับตนเอง จะถือว่านำไปเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ก็พยายามทำให้เห็นว่านามสกุลมหาคุณก็มีปัญหา ซึ่งตนไม่ปฏิเสธ เพราะคนที่ใช้นามสกุลมหาคุณในประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อย
