ตำรวจนำตัวมือยิง รอง ผกก.จร.สน.พญาไท ไปฝากขัง หลังจากสอบสวนและทำสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยมีเหยื่อ โผล่แจ้งความเพิ่ม ถูก 2 ผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์ และจดจำใบหน้าได้ พร้อมชี้ตัวได้อย่างแม่นยำ ด้านมารดามือยิงเข้าเยี่ยมลูกชาย บอกไม่มีทรัพย์สินอะไรจะไปยื่นขอประกันตัว ยอมรับลูกทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย แต่ในฐานะผู้เป็นแม่ ก็จะไม่ทอดทิ้ง
วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 13.00 น.พ.ต.ต.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พญาไท สารวัตรเวรเจ้าของคดี คนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิง พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท ขณะเข้าทำการจับกุมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จะเบิกและควบคุมตัว นายจิตติโชตน์ โชคชัย อายุ 27 ปี มือปืน ไปขออำนาจศาลฝากขังยังศาลอาญา โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์
พ.ต.ต.เทพพิทักษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ จะควบคุมตัว นายจิตติโชตน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ไปฝากขัง เนื่องจากครบกำหนดในการควบคุมตัวแล้ว และสำนวนคดีได้สรุปเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนนายวรวรรณ สุขปัญญา ผู้ต้องหาที่ 2 พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากยังสอบปากคำไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบเพิ่มเติม สำนวนคดีจึงจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหาย เดินทางมาแจ้งความต่อพนักงวานสอบสวนเพิ่มเติมว่า เคยถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย วิ่งราวทรัพย์ และสามารถจดจำหน้าผู้ต้องหาได้ เนื่องจากดูข่าวทางโทรทัศน์ เห็นการนำเสนอข่าว จึงจดจำหน้าได้ โดยเหตุเกิดในท้องที่สน.พญาไท ซึ่งเบื้องต้น ได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.ณัฐพงษ์ วงศ์แสง พนักงานสอบสวน (สบ 1) เป็นผู้ดูแลคดีดังกล่าวแล้ว
ด้าน ร.ต.ต.ณัฐพงษ์ กล่าวเพียงว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย 1 ราย เดินทางมาแจ้งความ ว่า ถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย วิ่งราวทรัพย์ ได้ทรัพย์สินไปมูลค่า 12,000 บาท ตำรวจจึงนำตัวผู้เสียหาย ไปชี้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และผู้เสียหายยืนยันว่า เป็นทั้ง 2 คนแน่นอน ซึ่งในเบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เพิ่มเติม และจะคัดค้านประกันตัวทั้ง 2 รายด้วย
ต่อมามารดาของ นายจิตติโชตน์ เดินทางมาเยี่ยมบุตรชายที่โรงพัก พร้อมเปิดเผยว่า ไม่ได้มีการยื่นประกันตัวบุตรชาย เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ไปดำเนินการ ทั้งนี้ โดยปกติ บุตรชาย เป็นคนที่รักครอบครัว เรียนเก่ง เคยสอบติดโรงเรียนชื่อดัง แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากติดเพื่อน และพากันไปเสพยาเสพติด ส่วนเรื่องการกระทำผิดในครั้งนี้นั้น ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย เนื่องจากบุตรชายกระทำความผิดจริง แต่อย่างไร ก็จะไม่ทิ้งลูก จะตามไปดูแลตลอด
ต่อมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ควบคุมตัวนายจิตติโชตน์ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 - 18 พ.ค. 51 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจการตรวจอาวุธปืน และรายงานการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน รอผลการตรวจประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาฯลฯ
คำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 51 เวลาประมาณ 09.30 น. ผู้ต้องหาซึ่งเสพยาบ้าแล้วขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ยลน-72 กทม.พร้อมด้วย นายวรวรรณ สุขปัญญา นั่งซ้อนท้ายไปซื้อยาบ้าที่ย่านเกียกกาย โดยพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนติดตัวไปด้วย ต่อมาทั้งคู่ไม่สามารถซื้อยาบ้าได้จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับ จนมาติดไฟแดงที่แยกพาณิชได้พบเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจซึ่งขอตรวจค้นแต่ผู้ต้องหารีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีทันที เจ้าหน้าที่จึงวิทยุสกัดจับตั้งแต่ แยกสวนมิสกวัน ไปยังแยกพาณิช ต่อมาถึงแยกนางเลิ้ง จนขึ้นสะพานลอยยมราช มุ่งหน้าไปยังแยกอุรุพงษ์
ขณะนั้น พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผกก.จร สน.พญาไทได้รับฟังวิทยุพร้อมกับ จ.ส.ต.พนม วงค์มะลัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ยืนปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยระหว่างเสด็จพระราชดำเนินของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา อยู่บริเวณจุดกลับรถทางขึ้นทางด่วนยมราช ใต้สะพานลอยยมราช จึงได้แสดงตนเข้าจับกุมผู้ต้องหาโดย จ.ส.ต.พนม เข้าไปยืนขวางทาง และสั่งให้ผู้ต้องหาหยุดรถ แต่ทั้งคู่ไม่ยอมหยุด จ.ส.ต.พนมจึงเข้าไปล็อกคอผู้ต้องหาและดึงลงมาจากรถทำให้รถเสียหลักล้มลง ผู้ต้องหาได้ใช้กำปั้นขวาชกเข้าบริเวณท้องของ จ.ส.ต.พนม 2 ครั้งอย่างแรง และวิ่งหลบหนีไปใน ซอยทางเข้าสุรัชต์ภัตตคาร พ.ต.ท.ภูษิต เข้ามายืนขวางทางผู้ต้องหาไว้บริเวณปากซอย และสั่งให้ผู้ต้องหาหยุดเพื่อจะตรวจค้นจับกุม แต่ผู้ต้องหาได้ชักอาวุธปืนของกลางยิงใส่ร่างกาย พ.ต.ท.ภูษิต 1 นัด กระสุนถูกมือซ้าย ทะลุเข้าช่องท้องฝั่งในได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะหลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ใกล้กับที่เกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งข้อหา พยามยามฆ่าเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำตามหน้าที่ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยอาวุธปืน พรบ. อาวุธปืน และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่หนึ่ง โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุสะเทือนขวัญต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแต่งเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จ โดยไม่นำเกรงต่อกฎหมาย อีกทั้งผู้ต้องหายังเคยถูกดำเนินคดีฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าต้องหลบหนีอย่างแน่นอน
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้ต้องหายิง ตร.มอบตัวแล้ว “เป็ดเหลิม” โผล่สอนให้กลับตัวเป็นคนดี!!
“พัชรวาท” ชม รอง ผกก.จร.พญาไทใจเด็ดเตรียมขอขั้นพิเศษให้!
อาการ “พ.ต.ท.ภูษิต” พ้นขีดอันตราย-ตร.ออกหมายจับโจ๋ก่อเหตุยิงอีกราย
รอง ผกก.พญาไท กระโดดจับคนร้าย ถูกยิงสวนปางตาย!
วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 13.00 น.พ.ต.ต.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พญาไท สารวัตรเวรเจ้าของคดี คนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิง พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท ขณะเข้าทำการจับกุมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จะเบิกและควบคุมตัว นายจิตติโชตน์ โชคชัย อายุ 27 ปี มือปืน ไปขออำนาจศาลฝากขังยังศาลอาญา โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์
พ.ต.ต.เทพพิทักษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ จะควบคุมตัว นายจิตติโชตน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ไปฝากขัง เนื่องจากครบกำหนดในการควบคุมตัวแล้ว และสำนวนคดีได้สรุปเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนนายวรวรรณ สุขปัญญา ผู้ต้องหาที่ 2 พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากยังสอบปากคำไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบเพิ่มเติม สำนวนคดีจึงจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหาย เดินทางมาแจ้งความต่อพนักงวานสอบสวนเพิ่มเติมว่า เคยถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย วิ่งราวทรัพย์ และสามารถจดจำหน้าผู้ต้องหาได้ เนื่องจากดูข่าวทางโทรทัศน์ เห็นการนำเสนอข่าว จึงจดจำหน้าได้ โดยเหตุเกิดในท้องที่สน.พญาไท ซึ่งเบื้องต้น ได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.ณัฐพงษ์ วงศ์แสง พนักงานสอบสวน (สบ 1) เป็นผู้ดูแลคดีดังกล่าวแล้ว
ด้าน ร.ต.ต.ณัฐพงษ์ กล่าวเพียงว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย 1 ราย เดินทางมาแจ้งความ ว่า ถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย วิ่งราวทรัพย์ ได้ทรัพย์สินไปมูลค่า 12,000 บาท ตำรวจจึงนำตัวผู้เสียหาย ไปชี้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และผู้เสียหายยืนยันว่า เป็นทั้ง 2 คนแน่นอน ซึ่งในเบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เพิ่มเติม และจะคัดค้านประกันตัวทั้ง 2 รายด้วย
ต่อมามารดาของ นายจิตติโชตน์ เดินทางมาเยี่ยมบุตรชายที่โรงพัก พร้อมเปิดเผยว่า ไม่ได้มีการยื่นประกันตัวบุตรชาย เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ไปดำเนินการ ทั้งนี้ โดยปกติ บุตรชาย เป็นคนที่รักครอบครัว เรียนเก่ง เคยสอบติดโรงเรียนชื่อดัง แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากติดเพื่อน และพากันไปเสพยาเสพติด ส่วนเรื่องการกระทำผิดในครั้งนี้นั้น ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย เนื่องจากบุตรชายกระทำความผิดจริง แต่อย่างไร ก็จะไม่ทิ้งลูก จะตามไปดูแลตลอด
ต่อมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ควบคุมตัวนายจิตติโชตน์ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 - 18 พ.ค. 51 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจการตรวจอาวุธปืน และรายงานการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน รอผลการตรวจประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาฯลฯ
คำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 51 เวลาประมาณ 09.30 น. ผู้ต้องหาซึ่งเสพยาบ้าแล้วขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ยลน-72 กทม.พร้อมด้วย นายวรวรรณ สุขปัญญา นั่งซ้อนท้ายไปซื้อยาบ้าที่ย่านเกียกกาย โดยพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนติดตัวไปด้วย ต่อมาทั้งคู่ไม่สามารถซื้อยาบ้าได้จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับ จนมาติดไฟแดงที่แยกพาณิชได้พบเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจซึ่งขอตรวจค้นแต่ผู้ต้องหารีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีทันที เจ้าหน้าที่จึงวิทยุสกัดจับตั้งแต่ แยกสวนมิสกวัน ไปยังแยกพาณิช ต่อมาถึงแยกนางเลิ้ง จนขึ้นสะพานลอยยมราช มุ่งหน้าไปยังแยกอุรุพงษ์
ขณะนั้น พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผกก.จร สน.พญาไทได้รับฟังวิทยุพร้อมกับ จ.ส.ต.พนม วงค์มะลัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ยืนปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยระหว่างเสด็จพระราชดำเนินของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา อยู่บริเวณจุดกลับรถทางขึ้นทางด่วนยมราช ใต้สะพานลอยยมราช จึงได้แสดงตนเข้าจับกุมผู้ต้องหาโดย จ.ส.ต.พนม เข้าไปยืนขวางทาง และสั่งให้ผู้ต้องหาหยุดรถ แต่ทั้งคู่ไม่ยอมหยุด จ.ส.ต.พนมจึงเข้าไปล็อกคอผู้ต้องหาและดึงลงมาจากรถทำให้รถเสียหลักล้มลง ผู้ต้องหาได้ใช้กำปั้นขวาชกเข้าบริเวณท้องของ จ.ส.ต.พนม 2 ครั้งอย่างแรง และวิ่งหลบหนีไปใน ซอยทางเข้าสุรัชต์ภัตตคาร พ.ต.ท.ภูษิต เข้ามายืนขวางทางผู้ต้องหาไว้บริเวณปากซอย และสั่งให้ผู้ต้องหาหยุดเพื่อจะตรวจค้นจับกุม แต่ผู้ต้องหาได้ชักอาวุธปืนของกลางยิงใส่ร่างกาย พ.ต.ท.ภูษิต 1 นัด กระสุนถูกมือซ้าย ทะลุเข้าช่องท้องฝั่งในได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะหลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ใกล้กับที่เกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งข้อหา พยามยามฆ่าเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำตามหน้าที่ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยอาวุธปืน พรบ. อาวุธปืน และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่หนึ่ง โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุสะเทือนขวัญต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแต่งเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จ โดยไม่นำเกรงต่อกฎหมาย อีกทั้งผู้ต้องหายังเคยถูกดำเนินคดีฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าต้องหลบหนีอย่างแน่นอน
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้ต้องหายิง ตร.มอบตัวแล้ว “เป็ดเหลิม” โผล่สอนให้กลับตัวเป็นคนดี!!
“พัชรวาท” ชม รอง ผกก.จร.พญาไทใจเด็ดเตรียมขอขั้นพิเศษให้!
อาการ “พ.ต.ท.ภูษิต” พ้นขีดอันตราย-ตร.ออกหมายจับโจ๋ก่อเหตุยิงอีกราย
รอง ผกก.พญาไท กระโดดจับคนร้าย ถูกยิงสวนปางตาย!