2 คนร้ายซิ่ง จยย.หลบหนีการตรวจค้นจับกุมของตำรวจสายตรวจ สน.ดุสิต ข้ามเขตเข้าไปยัง สน.พญาไท รอง ผกก.ฝ่ายจราจร สน.พญาไท ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณสี่แยกรับแจ้งทางวิทยุสื่อสาร ออกไปสกัดจับ คว้าตัวคนซ้อนท้ายไว้ได้ แต่คนร้ายไม่ยอมจนมุม ดิ้นรนขัดขืนและชักอาวุธปืน 9 มม.ที่พกมา จ่อยิงใส่ กระสุนเจาะเข้าข้อพับแขนซ้าย ทะลุชายโครงซ้ายบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ถูกจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด ส่วนอีกคนหนีรอดไปได้
วันนี้ (5 พ.ค.) เมื่อเวลา14.00 น. ขณะที่ ส.ต.ท.ปิยะ โพทะมาตย์ และด.ต.บุญศักดิ์ คล้ายพวง ผบ.หมู่ ป.สน.ดุสิต ออกปฏิบัติหน้าที่และกำลังจะเดินทางกลับ สน.ดุสิต บริเวณแยกพานิชย์ หน้าทำเนียบรัฐบาล พบชายต้องสงสัย 2 คนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีดำ ทะเบียน ยรน 72 กทม.อยู่ใกล้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชายทั้งสองได้ขับรถย้อนยูเทิร์นไปทางแยกสวนมิสกวัน แล้วเลี้ยวไปทางถนนพิษณุโลก ผ่านหน้าสนามม้านางเลิ้ง ขึ้นสะพานข้ามแยก ก่อนจะเลี้ยวกลับเข้ามาแยกอุรุพงษ์ แขวงราชเทวี เขตพญาไท กทม.
ขณะเดียวกัน จ.ส.ต.พนม วงษ์มะลัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พญาไท ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้รับแจ้งเหตุผ่านทางวิทยุจึงนำกำลังสกัดจับ พบคนร้ายผ่านมาพอดีจึงกระโดดเข้าล็อกคอจับกุมคนร้ายซึ่งเป็นคนซ้อน กอดปล้ำกันสักครู่และล้มลงไปทั้งคู่ ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งหลบหนีบนฟุตบาท แต่ พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท ที่ดักอยู่พยายามจับกุม ทำให้คนร้ายชักอาวุธปืนที่ติดตัวมายิงใส่ พ.ต.ท.ภูษิต 1 นัด กระสุนเข้าที่ข้อพับแขนซ้าย ทะลุชายโครงซ้ายนำส่งรักษาตัวที่ โรงพยาบาลพญาไท 1
จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยบริเวณใกล้เคียง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท และผู้เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าจับกุม พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ ต่อมาทราบว่าเข้าไปหลบที่ เลขที่ 37/36 ซึ่งเป็นร้ายขายของชำ ก่อนหลบที่ชั้น 2 เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ ทราบชื่อคือ นายจิตติโชตน์ โชคชัย อายุ 27 ปี อยู่ที่ 15/1 ซอยสุนทรธรรมทาน แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนไปค้นที่บ้านพักได้ยาบ้าจำนวน 5 เม็ด ส่วนผู้ต้องหาอีกคนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีตำรวจได้
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.พญาไท เดินทางไปเยี่ยมอาการ พ.ต.ท.ภูษิต ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และแพทย์นำตัวเข้าารับการรักษาในห้องผ่าตัด โดย พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ระหว่างที่ พ.ต.ท.ภูษิต ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ถือว่ามีสำนึกในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ โดยหลังรับแจ้งทางวิทยุว่า คนร้ายมุ่งหน้ามา จึงเข้าทำการจับกุม แต่ถูกคนร้ายยิง ได้รับบาดเจ็บ กระดูกข้อพับแขนซ้ายแตก ทะลุชายโครงด้านซ้าย และขณะที่ พ.ต.ท.ภูษิต ล้มลง ทำให้กระดูกข้อเท้าแตกอีก แต่หลังจากนั้น ตำรวจก็จับคนร้ายได้ เมื่อคุมตัวไปสอบสวน ในเบื้องต้นทราบว่า นายจิตติโชตน์ มีประวัติถูกจับกุมในคดียาเสพติดมาถึง 5 ครั้ง รวมทั้งข้อหาพยามฆ่าอีกข้อหา โดยล่าสุด เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำมาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา และมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้นในครั้งนี้
“ผู้ต้องหาให้การในเบื้องต้นว่า เพิ่งกลับจากไปหาซื้อยาเสพติด แต่ไม่ได้ ก็มาเจอตำรวจเสียก่อน แต่ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่เชื่อในคำให้การ โดยคาดว่า คนร้ายน่าจะเตรียมการไปก่อเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เนื่องจากพกพาอาวุธปืนไป และนั่งรถจักรยานยนต์ไปกัน 2 คน ส่วน พ.ต.ท.ภูษิต นั้น เข้าห้องผ่าตัดอยู่ อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ ทาง บช.น.จะยกย่องว่า เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีจิตสำนึกในการปฏิบัติงาน และจะดูช่องทางว่าจะปูนบำเหน็จอะไรให้บ้าง จะไม่ทอดทิ้ง” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่าคนร้ายอีกคน ขณะนี้ตำรวจกำลังล้อมจับอยู่ แต่ยังไม่ได้ตัว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะหลบหนีไปได้ โดยได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ,ต่อสู้ขัดขวางการจับกุม, พกพาอาวุธปืน เข้าไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาบ้าไว้ในครองครองโดยผิดกฎหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมา พล.ต.ต.อำนวย พร้อมตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมผู้ต้องหาไปทำแผนในที่เกิดเหตุบริเวณสะพานข้ามแยกอุรุพงษ์ ท่ามกลางประชาชนและผู้สื่อข่าวจำนวนมาก
ส่วนที่สน.พญาไท พล.ต.ต.อำนวย แถลงข่าวจับกุม นายจิตติโชตน์ พร้อมของกลาง โดยกล่าวว่า ตรวจสอบประวัติพบผู้ต้องหาเคยติดคุกคดียาเสพติด 5 ครั้ง และพยายามฆ่า 1 ครั้ง โดยล่าสุดเพิ่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา เข้า-ออกคุกเป็นว่าเล่นและไม่มีงานทำอะไร คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับคดีชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ตามที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวน โดยแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ,ต่อสู้ขัดขวางการจับกุม, พกพาอาวุธปืน เข้าไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาบ้าไว้ในครองครองโดยผิดกฎหมาย
ส่วนนายจิตติโชตน์ ซึ่งอยู่ในอาการเมายา ให้การว่า ก่อนหน้านี้ยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อน และให้เพื่อนชื่อทิด ขับไปซื้อยาบ้าย่านเกียกกาย แต่ไม่ได้ของ ขณะขับกลับพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามหลบหนี โดยที่ต้องพกปืนเพราะป้องกันตัว และที่ยิงตำรวจเพราะกลัวถูกยิงก่อน
ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย พร้อมตำรวจ สน.พญาไท ได้ควบคุมผู้ต้องหาไปทำแผนในที่เกิดเหตุบริเวณสะพานข้ามแยกอุรุพงษ์พร้อมให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีกรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป