สบ 13
เด็กเเว้น-สาวสก๊อย ที่ถูกตำรวจสน.พญาไท จับกุมได้จำนวนมาก หลังจากที่ยึดถนนเป็นที่ประลองความเร็ว แต่สุดท้ายทั้งหมดถูกปิดล้อมจับกุม ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว เราจะไปคุยเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผกก.จร.สน.พญาไท ที่เป็นผู้วางแผน และสั่งการเองทั้งหมด
พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผกก.จร.สน.พญาไท บอกกับเราว่า การจับกุมในครั้งนี้ ได้รับนโยบายจาก พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ซึ่งตระหนักถึงปัญหาแก๊งจยย.ซิ่ง ซึ่งมักรวมตัวกันแข่งรถจยย.บนถนนพระราม 6 และถนนเพชรบุรี จำนวนหลายร้อยคัน ทำให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ บ่อยครั้งที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก่อเหตุปิดล้อมทำร้ายผู้ที่สัญจรไปมา นอกจากนี้ยังมีภัยมืดที่แฝงมานั่นคือ ปัญหายาเสพติด การจี้ชิงทรัพย์ หรือ วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้จยย.เป็นพาหนะ ซึ่ง พล.ต.ต.อำนวยได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และจัดทำแผนให้เป็นรูปธรรม
พ.ต.ท.ภูษิต กล่าวว่า อาทิตย์แรกได้มีการส่งชุดเจ้าหน้าที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแก๊งจยย.โดยใช้การซักถามตามหลักวิชาการสอบสวน จนทราบว่าแก๊งจยย.ดังกล่าว มีการจัดองค์กรมาเป็นอย่างดี โดยแต่ละครั้งที่มีการแข่งได้มีการจัดชุดสำรวจด่านของตำรวจล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของตำรวจ โดยมีการนัดรวมพลกันช่วงหลังตีหนึ่งของคืนวันเสาร์ช่วงต่อวันอาทิตย์ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ซึ่งบางส่วนต้องทำงานกลางวัน ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง เด็กร้านอะไหล่ หรือเด็กเข็นของ นอกจากนี้จากการซักถามทำให้ทราบว่าบางคนเดินทางมาจากพื้นที่ไกล เช่นสมุทรปราการ นครปฐม หรือ อาจจะมาจากรังสิต ทั้งนี้ ยังทราบด้วยว่าการรวมตัวแต่ละครั้งก็จะนัดแนะกระจายไปยังที่ต่างๆ บางอาทิตย์อาจไปรวมตัวที่สมุทรปราการ นครปฐม หรือบางอาทิตย์อาจเปลี่ยนบรรยากาศย้ายมารวมตัวที่กรุงเทพฯ
พ.ต.ท.ภูษิต กล่าวว่า หลังทราบข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งจยย.แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การวางแผนปฏิบัติ ขั้นตอน วิธีการ กำหนดตัวคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะการสั่งการ ซึ่งเรื่องนี้ ผบก.น.1 ได้มอบหมายให้ตน เป็นผู้สั่งการแต่ผู้เดียว ทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องคำสั่ง เพราะภารกิจดังกล่าวใช้ต้องกำลังตำรวจจำนวนกว่า 200 นาย ระดมมาจากสถานีตำรวจในสังกัดบก.น.1ทั้ง 8 สน. ซึ่งหากขาดความชัดเจนของคำสั่งการทำงานก็ขาดเอกภาพ และจะทำให้แผนการที่วางไว้ไม่สำเร็จลุล่วงได้
สำหรับแผนในชั้นแรกได้แบ่งกำลังตำรวจออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรก ได้จัดกำลังกว่า 80นาย แฝงตัวอยู่ไปอยู่ในกลุ่มจยย.ซิ่ง รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งกำลังทั้งหมด เข้าประจำจุดตั้งแต่ 20.00 น.ของวันที่ 1ก.พ.2550 ส่วนที่สองไปดักซุ่มอยู่ในพื้นที่โดยรอบเพื่อรอสัญญาณ และส่วนสุดท้ายเป็นตำรวจในเครื่องแบบซึ่งอยู่รอบนอก
พ.ต.ท.ภูษิต บอกว่า สำหรับขั้นตอนต่อมา ตนในฐานะผบ.เหตุการณ์ได้ประสานไปยังท้องที่ต่างๆที่อยู่รอบนอก ให้ตั้งด่านสกัดปิดล้อม ตีวงโอบล้อมตั้งแต่ถนนศรีอยุธยา ถ.เพชรบุรี อนุสาวรีย์ไทย และท้องที่สน.ดุสิต เพื่อให้แก๊งซิ่งรวมตัวเข้ามาตามเส้นทางที่ได้วางแผนไว้ เข้าสู่ถนนพระรามหก โดยมีจุดนัดพบที่แยกโรงกรองน้ำเนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นช่วงถนนกว้าง ขณะเดียวกันเป็นจุดที่แก๊งซิ่งมักมารวมตัวแข่งรถอยู่แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ส่งสัญญาณให้นำรถบรรทุกสิบล้อ 4 คัน ปิดขวางถนนที่บริเวณแยกโรงกรองน้ำ และอีก4 คันปิดบริเวณหน้ารพ.วิชัยยุทธ นอกจากนี้ยังใช้รถจักรยานยนต์ตำรวจจราจรปิดกั้นตามทางแยกย่อยทุกจุด ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 20นาที ก็สามารถปิดล้อมจับแก๊งซิ่งได้เรียบร้อยทั้งหมด โดยไม่มีเล็ดลอดออกไปแม้แต่คันเดียว หลังจากนั้นได้นำป้ายชื่อที่เตรียมไว้มาห้อยคอเด็ก และรถจยย. จับคู่กัน ก่อนที่จะได้ควบคุมตัวเด็กและขนรถจยย.มายังสน.พญาไท ซึ่งได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนกว่า 20 นาย มารอรับรถ คัดกรองวัยรุ่นที่จับกุมได้ และสอบสวนเบื้องต้น พร้อมทำประวัติ ซึ่งขั้นตอนนี้อยู่ในการควบคุมของ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.พญาไท โดยรวมยอดรถจยย.ที่ยึดได้ 156 คัน รถยนต์ 15 คัน และวัยรุ่นชายหญิง 260 คน
"ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เนื่องจากตำรวจได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในละแวกดังกล่าว รวมทั้งคนขับรถแท็กซี่ ที่สนับสนุนข้อมูลกับตำรวจ เพราะที่ผ่านมาตำรวจได้พยายามปิดล้อม แต่ไม่สำเร็จ โดยมีสาเหตุหลายประการ สาเหตุหลักมาจากการเคลื่อนกำลังตำรวจแต่ละครั้งกลุ่มจยย.ซิ่งมักจะรู้ตัวก่อน ขณะที่การป้องกันที่ผ่านมามักจะใช้วิธีการตั้งด่าน พอตำรวจเลิกด่านกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็กลับมารวมตัวกันใหม่ ซึ่งการจับกุมครั้งถือว่าเป็นต้นแบบให้กับตำรวจในท้องที่อื่นใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ ทั้งในการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน การจัดเตรียมแผนโดยการแสวงหาข้อมูล เพื่อจะได้ปรับกลยุทธ์ได้เหมาะสม ซึ่งการจัดทำแผนครั้งนี้ก็เรียนรู้จากประสบการณ์ของตำรวจท้องที่อื่นเช่นเดียวกัน จนทำให้ประสบความสำเร็จ" พ.ต.ท.ภูษิต กล่าว
ยังคงมีอีกหลายพื้นที่ ที่บรรดาแก๊งซิ่งจยย. ยังคงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และจากแผนปฏิบัติการของตำรวจครั้งนี้ นอกจากตำรวจเองจะร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจังหลายพื้นที่แล้ว ประชาชนยังมีส่วนร่วมในการให้ความร่วมมือกับตำรวจ และผลสุดท้าย ความสงบสุขก็กลับมาเป็นของประชาชน ซึ่งมีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คอยปกป้อง
เด็กเเว้น-สาวสก๊อย ที่ถูกตำรวจสน.พญาไท จับกุมได้จำนวนมาก หลังจากที่ยึดถนนเป็นที่ประลองความเร็ว แต่สุดท้ายทั้งหมดถูกปิดล้อมจับกุม ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว เราจะไปคุยเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผกก.จร.สน.พญาไท ที่เป็นผู้วางแผน และสั่งการเองทั้งหมด
พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผกก.จร.สน.พญาไท บอกกับเราว่า การจับกุมในครั้งนี้ ได้รับนโยบายจาก พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ซึ่งตระหนักถึงปัญหาแก๊งจยย.ซิ่ง ซึ่งมักรวมตัวกันแข่งรถจยย.บนถนนพระราม 6 และถนนเพชรบุรี จำนวนหลายร้อยคัน ทำให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ บ่อยครั้งที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก่อเหตุปิดล้อมทำร้ายผู้ที่สัญจรไปมา นอกจากนี้ยังมีภัยมืดที่แฝงมานั่นคือ ปัญหายาเสพติด การจี้ชิงทรัพย์ หรือ วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้จยย.เป็นพาหนะ ซึ่ง พล.ต.ต.อำนวยได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และจัดทำแผนให้เป็นรูปธรรม
พ.ต.ท.ภูษิต กล่าวว่า อาทิตย์แรกได้มีการส่งชุดเจ้าหน้าที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแก๊งจยย.โดยใช้การซักถามตามหลักวิชาการสอบสวน จนทราบว่าแก๊งจยย.ดังกล่าว มีการจัดองค์กรมาเป็นอย่างดี โดยแต่ละครั้งที่มีการแข่งได้มีการจัดชุดสำรวจด่านของตำรวจล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของตำรวจ โดยมีการนัดรวมพลกันช่วงหลังตีหนึ่งของคืนวันเสาร์ช่วงต่อวันอาทิตย์ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ซึ่งบางส่วนต้องทำงานกลางวัน ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง เด็กร้านอะไหล่ หรือเด็กเข็นของ นอกจากนี้จากการซักถามทำให้ทราบว่าบางคนเดินทางมาจากพื้นที่ไกล เช่นสมุทรปราการ นครปฐม หรือ อาจจะมาจากรังสิต ทั้งนี้ ยังทราบด้วยว่าการรวมตัวแต่ละครั้งก็จะนัดแนะกระจายไปยังที่ต่างๆ บางอาทิตย์อาจไปรวมตัวที่สมุทรปราการ นครปฐม หรือบางอาทิตย์อาจเปลี่ยนบรรยากาศย้ายมารวมตัวที่กรุงเทพฯ
พ.ต.ท.ภูษิต กล่าวว่า หลังทราบข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งจยย.แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การวางแผนปฏิบัติ ขั้นตอน วิธีการ กำหนดตัวคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะการสั่งการ ซึ่งเรื่องนี้ ผบก.น.1 ได้มอบหมายให้ตน เป็นผู้สั่งการแต่ผู้เดียว ทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องคำสั่ง เพราะภารกิจดังกล่าวใช้ต้องกำลังตำรวจจำนวนกว่า 200 นาย ระดมมาจากสถานีตำรวจในสังกัดบก.น.1ทั้ง 8 สน. ซึ่งหากขาดความชัดเจนของคำสั่งการทำงานก็ขาดเอกภาพ และจะทำให้แผนการที่วางไว้ไม่สำเร็จลุล่วงได้
สำหรับแผนในชั้นแรกได้แบ่งกำลังตำรวจออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรก ได้จัดกำลังกว่า 80นาย แฝงตัวอยู่ไปอยู่ในกลุ่มจยย.ซิ่ง รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งกำลังทั้งหมด เข้าประจำจุดตั้งแต่ 20.00 น.ของวันที่ 1ก.พ.2550 ส่วนที่สองไปดักซุ่มอยู่ในพื้นที่โดยรอบเพื่อรอสัญญาณ และส่วนสุดท้ายเป็นตำรวจในเครื่องแบบซึ่งอยู่รอบนอก
พ.ต.ท.ภูษิต บอกว่า สำหรับขั้นตอนต่อมา ตนในฐานะผบ.เหตุการณ์ได้ประสานไปยังท้องที่ต่างๆที่อยู่รอบนอก ให้ตั้งด่านสกัดปิดล้อม ตีวงโอบล้อมตั้งแต่ถนนศรีอยุธยา ถ.เพชรบุรี อนุสาวรีย์ไทย และท้องที่สน.ดุสิต เพื่อให้แก๊งซิ่งรวมตัวเข้ามาตามเส้นทางที่ได้วางแผนไว้ เข้าสู่ถนนพระรามหก โดยมีจุดนัดพบที่แยกโรงกรองน้ำเนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นช่วงถนนกว้าง ขณะเดียวกันเป็นจุดที่แก๊งซิ่งมักมารวมตัวแข่งรถอยู่แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ส่งสัญญาณให้นำรถบรรทุกสิบล้อ 4 คัน ปิดขวางถนนที่บริเวณแยกโรงกรองน้ำ และอีก4 คันปิดบริเวณหน้ารพ.วิชัยยุทธ นอกจากนี้ยังใช้รถจักรยานยนต์ตำรวจจราจรปิดกั้นตามทางแยกย่อยทุกจุด ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 20นาที ก็สามารถปิดล้อมจับแก๊งซิ่งได้เรียบร้อยทั้งหมด โดยไม่มีเล็ดลอดออกไปแม้แต่คันเดียว หลังจากนั้นได้นำป้ายชื่อที่เตรียมไว้มาห้อยคอเด็ก และรถจยย. จับคู่กัน ก่อนที่จะได้ควบคุมตัวเด็กและขนรถจยย.มายังสน.พญาไท ซึ่งได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนกว่า 20 นาย มารอรับรถ คัดกรองวัยรุ่นที่จับกุมได้ และสอบสวนเบื้องต้น พร้อมทำประวัติ ซึ่งขั้นตอนนี้อยู่ในการควบคุมของ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.พญาไท โดยรวมยอดรถจยย.ที่ยึดได้ 156 คัน รถยนต์ 15 คัน และวัยรุ่นชายหญิง 260 คน
"ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เนื่องจากตำรวจได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในละแวกดังกล่าว รวมทั้งคนขับรถแท็กซี่ ที่สนับสนุนข้อมูลกับตำรวจ เพราะที่ผ่านมาตำรวจได้พยายามปิดล้อม แต่ไม่สำเร็จ โดยมีสาเหตุหลายประการ สาเหตุหลักมาจากการเคลื่อนกำลังตำรวจแต่ละครั้งกลุ่มจยย.ซิ่งมักจะรู้ตัวก่อน ขณะที่การป้องกันที่ผ่านมามักจะใช้วิธีการตั้งด่าน พอตำรวจเลิกด่านกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็กลับมารวมตัวกันใหม่ ซึ่งการจับกุมครั้งถือว่าเป็นต้นแบบให้กับตำรวจในท้องที่อื่นใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ ทั้งในการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน การจัดเตรียมแผนโดยการแสวงหาข้อมูล เพื่อจะได้ปรับกลยุทธ์ได้เหมาะสม ซึ่งการจัดทำแผนครั้งนี้ก็เรียนรู้จากประสบการณ์ของตำรวจท้องที่อื่นเช่นเดียวกัน จนทำให้ประสบความสำเร็จ" พ.ต.ท.ภูษิต กล่าว
ยังคงมีอีกหลายพื้นที่ ที่บรรดาแก๊งซิ่งจยย. ยังคงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และจากแผนปฏิบัติการของตำรวจครั้งนี้ นอกจากตำรวจเองจะร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจังหลายพื้นที่แล้ว ประชาชนยังมีส่วนร่วมในการให้ความร่วมมือกับตำรวจ และผลสุดท้าย ความสงบสุขก็กลับมาเป็นของประชาชน ซึ่งมีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คอยปกป้อง
