ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปล้นเรือบรรทุกน้ำมัน ขณะแล่นอยู่กลางอันดามันลำเลียงน้ำมันกว่า 2 ล้านลิตรจากมาบตาพุตส่งคลัง ปตท.ภูเก็ตกวาดทรัพย์ลูกเรือ 13 คนไปกว่า 5 แสนบาท ก่อนขึ้นเรือเร็วหลบหนี
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (27 เม.ย.) นาวาเอกรณภพ กาญจนพันธุ์ ผู้อำนวยการกองยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกเรือภัทธวาริน 2 ที่บริเวณท่าเทียบเรือบริษัทนำชัยขนส่ง อ่าวมะขาวม ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภายหลังได้รับการประสานจาก นายพินิจ รัตนพันธ์ ผู้การเรือบรรทุกน้ำมัน “ภัทรวาริน 2” ว่า ได้ถูกชายฉกรรจ์ 8 คนสวมไอ้โม่งคลุมหน้าอาวุธครบมือใช้เรือสปีดโบตเทียบเรือบุกปล้นทรัพย์สินไปกว่า 5 แสนบาท
เมื่อขึ้นถึงฝั่งเรียบร้อย นายพินิจ ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนเองนำเรือภัทรวาริน 2 เทียบท่าโรงกลั่นน้ำมันเออาร์ซี มาบตาพุต จ.ระยอง รับรรทุกน้ำมัน Jet A-1 หรือน้ำมันที่ใช้กับเครื่องบินจำนวนกว่า 2 ล้านลิตรจาก ไปส่งยังคลังน้ำมัน ปตท.อ่าวมะขาม จ.ภูเก็ต โดยนำเรือออกจากโรงกลั่น วันที่ 22 เม.ย.โดยคาดว่าจะถึงคลังน้ำมัน ปตท.ภูเก็ตช่วงเช้าวันที่ 27 เม.ย.
ต่อมาช่วงเที่ยงคืนวันที่ 25 เม.ย.ขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่กลางทะเลอันดามัน บริเวณละติจูดที่ 01-31.5 ลิปดาเหนือ ลองติจูดที่ 104-24.4 ลิปดาใต้ ซึ่งตนเองรับยามต่อจากต้นเรือ จากนั้นได้เดินตรวจเช็คความเรียบร้อยรอบๆเรือแล้วเข้ามาภายในห้องหัวเรือ เพื่อเขียนรายงาน เวลาผ่านไปราว 30 นาที ตนได้นั่งมองหัวเรือที่กำลังแล่นเข้าร่องน้ำสิงคโปร์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเรือคับคั่ง
จากนั้นได้ยินเสียงประตูทางขึ้นสะพานเดินเรือเปิดออก แต่ก็ยังไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าลูกเรืออาจทำภารกิจอยู่ ทันใดนั้นมีเสียงเรียก กัปตัน เป็นภาษาต่างชาติ ตนจึงหันไปมอง ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นหนึ่งในลูกเรือถูกมัดมือ โดยมีชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่ง 2 คนอาวุธครบมือใช้ปืนจ่ออยู่ที่หัวอยู่
จากนั้นชายฉกรรจ์ได้เดินพุ่งตรงเข้ามาหาตนเองพร้อมกับใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อเข้าที่ศีรษะพร้อมกับพูดเป็นภาษาอังกฤษ “Please Stop” แล้วบังคับให้ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา เพื่อมัดเชือก โดยได้สั่งการเป็นภาษาอังกฤษให้ตนเบาเครื่องยนต์ ตนพยายามที่จะสื่อสารให้กลุ่มคนร้ายเข้าใจว่า เครื่องยนต์ไม่สามารถเบาลงได้ ต้องแจ้งช่างยนต์ล่วงหน้า เพื่อเปลี่ยนน้ำมันเชื้อเพลงก่อน แต่คนร้ายไม่ฟัง สั่งให้เบาเครื่องยนต์อีกครั้ง ตนจึงได้เริ่มเครื่องยนต์ลง
ขณะเดียวกัน ต้นกลเรือที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้องพัก เกิดความสงสัยเพราะเรือกำลังแล่นอยู่ใกล้ปากร่องน้ำสิงคโปร์แล้ว จึงได้วิ่งออกมาดู ถูกชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่งใช้ปืนจี้และผูกมัดไว้ที่สะพานเดินเรือ จากนั้นต้นเรือ ซึ่งได้ออกยามไปแล้วได้ยินเครื่องยนต์ลดความเร็วลง คิดว่าเครื่องยนต์ขัดข้อง จึงวิ่งออกมาดูก็ถูกชายฉกรรจ์อีกคนใช้มีดสปาต้าขู่บังคับพร้อมกับลากคอมามัดอยู่ที่สะพานเดินเรืออีกหนึ่งคน ส่วนลูกเรือที่เหลืออีก 9 คนที่กำลังนอนพักอยู่ในห้องถูกชายฉกรรจ์เดินใช้ปืนจี้ออกมามัดรวมกันที่บริเวณสะพานเดินเรือทั้งหมด
จากนั้นคนร้ายได้เดินตรวจสอบน้ำมัน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นน้ำมันเครื่องบิน ไม่ใช่น้ำมันดีเซล โดยหนึ่งในคนร้าย ซึ่งคาดว่าอาจเป็นหัวหน้ากลุ่มได้สั่งเป็นภาษาอินโดนีเซียให้ลูกน้องทั้งหมดเข้าไปกวาดทรัพย์สินตามห้องพักต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็น โน้ตบุ๊ก 4 เครื่อง เงินสดกว่า 120,000 บาท นาฬิกา 2 เรือนมูลค่ากว่า 40,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 12 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนักกว่า 12 บาท มูลค่า 156,000 บาท วิทยุรับส่งกันระเบิดอีก 3 เครื่องมูลค่ากว่า 50,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 5 แสนบาท
จากนั้นคนร้าย 3 คนได้ใช้ปืนจ่อมาที่ลูกเรือทั้งหมดที่ถูกจับมัดไว้พร้อมกับตะโกนเป็นภาษาอังกฤษ”Please you go up”แล้วเริ่มเดินทยอยกันออกจากเรือไป โดยมีเรือสปีดโบตจอดเทียบเรืออยู่ ภายในเรือมีชายฉกรรจ์ 2 คนสวมไอ้โม่งเช่นเดียวกันรออยู่
หลังจากนั้น จึงได้รายงานให้เจ้าของเรือทราบและแจ้งขอความช่วยเหลือจากทหารเรือ หลังเดินทางกลับมาถึงฝั่งได้รวบรวมรายการทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายปล้นไป เพื่อเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมกับแจ้งข้อมูล รูปพรรณของกลุ่มคนร้ายทั้งหมดกับกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันเหตุร้ายดังกล่าวต่อไป
