โดย จอมปลวก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นหน่วยงานหลักเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องกระตือรือล้น ทำงานให้กระฉับกระเฉง จริงจังกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมให้หมดไปเด็ดขาด หรือขอแค่ให้บรรเทาลงบ้าง ประชาชนตาดำๆ จะได้ไม่ต้องคอยผวาว่าเงินจะหายจากธนาคาร โจรลักเล็กจะเข้าบ้าน อยู่ดีๆ เจอลูกหลงจากกลุ่มเด็กแว้นพวกเหลือเดนสังคมยิงถล่มคู่อริอีกต่อไป หรือนายๆ ทั่น ๆ ทั้งหลายที่มีตำแหน่งใหญ่โตคับบ้านเมืองจะทำหน้าที่เพียงหุ่นฟางที่ถูกเชิดตามบทบาทที่ได้รับเท่านั้น
ปัญหาเด็กแว้น เด็กสก๊อย โจ๋อันธพาลครองเมืองยังคงเกิดขึ้นรายวัน ไม่รู้ว่าผู้ดูแลงานป้องปราบนั่งตบยุงอยู่หรือมัวแต่จัดทำพิมพ์เขียวเตรียมแก้ รธน.สนองบัญชานายใหญ่สั่งมาหรือไร ถึงปล่อยให้โจรผู้ร้าย เด็กเหลือขอความประพฤติย่ำแย่ใช้อาวุธสงครามยิงกระหน่ำฆ่ากัน แถมยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เย้ยหยันฝีมือการทำงานด้านนโยบายของ “รัฐบาลเงา” และผู้ปฏิบัติที่กุมอำนาจมีกฎหมายอยู่ในมืออย่างท้าท้าย หรือว่าตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับ เป็นเพียงหัวโขนสวมหน้ากากทำตัว “แอ็กอาร์ต” ไปวันๆ แต่ไร้น้ำยาที่จะแก้ปัญหาอาชญากรรม สังคม เศรษฐกิจ ในบ้านเมืองให้ร่มเย็นในน้ำมีปลา ในนามีข้าวดั่งเช่นอดีตได้
แม้ว่า “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รมว.ยุติธรรม จะออกมาพูดเสียงดังฟังชัดว่าปัจจุบันเยาวชนยึดติดวัตถุนิยมยอมขายตัวแลกของแบรนด์เนม เป็นโจรผู้ร้าย หรือแลกคู่นอน หรือยกคู่นอนให้กันในกลุ่มวัยรุ่นเด็กแว้น ที่เมื่อการพนันแข่งขันขับรถซิ่งแพ้ เด็กหญิงที่ชื่นชอบตัวเพื่อนชายที่ไปนั่งซ้อนท้ายมอร์ไซค์ก็ต้องตกเป็นเหยื่อไม่ใช่เพียงจะถูกร่วมเพศกับใครเป็นรายบุคคล แต่อาจถูกสมสู่เป็นกลุ่ม ซึ่งสังคมไทยเริ่มเละเทะเพราะมีแต่ข่าวดาราคบหาเป็นแฟนกัน หรือเลิกรากับแฟนแล้วไปมีแฟนใหม่ ทำให้เด็กมองว่าพฤติกรรมเหล่านั้นมีคุณค่า แต่พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมของบ้านเรา พ่อแม่ต้องตักเตือนลูกหลาน พร้อมทั้งกล่าวติติงพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยลูกหลานให้ทำผิดสนับสนุนซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ขับซิ่งยามวิกาลต้องร่วมรับผิดทางอาญาถึงขั้นต้องติดคุก 3-6 เดือน แต่ยังไม่สามารถปลุกจิตสำนึกของเยาวชนบางกลุ่มที่จมดิ่งอยู่กับความเท่ ความไม่รู้จักคิด คิดแต่จะสร้างความฉิบหายให้กับพ่อแม่และผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน
ดั่งเช่นเหตุการณ์เด็กแว้นกลุ่ม “โนว่า” หรือเอ๋ กุลเกียรติ อายุ 19 ปี ที่ยกพวกก่อเหตุใช้ปืน .38 ไล่ยิงถล่มคู่อริกำลังเล่นน้ำสงกรานต์หน้าปั๊มน้ำมันปิโตรนาส ซอยสันติ 4 ถนนจันทร์ ซอย 44 เขตยานนาวา และตามไล่ล่ายิงกราดหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเจริญกกรุงประชารักษ์ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ10 ราย ต่อมาเสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 13 เม.ย. โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ในเมืองหลวงและย่านชุมชนการจราจรคับคั่งจอแจ โดยวันที่ก่อเหตุกลุ่ม “โนว่า” ทำตัวใหญ่คับถนนได้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ประมาณ 50 คัน มีคนนั่งซ้อนท้ายทุกคัน เล่นสาดน้ำขับเฉี่ยวชนกลุ่มคู่อริประมาณ 20 คน แล้วยกพวกตะลุมบอนชกต่อยก่อนยิงกันระห่ำเมือง ดั่งอันธพาลครองเมือง 2551 คาดว่าตำรวจทั่นคงหยุดตามมติ ครม.ที่ออกประกาศให้ข้าราชการหยุดสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย. จึงปราบปรามกลุ่มนักซิ่งไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่
ตำรวจพลิกแผ่นดินล่า “โนว่า” เป็นอาทิตย์ และเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ญาติของผู้ก่อเหตุได้ประสานตำรวจขอมอบตัวเอง ซึ่ง “โนว่า” ยืนยันเหตุยิงถล่มที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ไม่ได้ทำ แต่จะเป็นใครทำไม่ทราบ และอ้างว่าเหตุทะเลาะวิวาทหน้าปั้มปิโตรนาสเกิดเพราะพวกตนเห็นกลุ่มวัยรุ่นขับจยย.เกี่ยวกันล้มทะเลาะวิวาทชกต่อย 10 รุม 1 ทำให้อีกฝ่ายสู้ไม่ได้ และวิ่งมาทางกลุ่มตน เพื่อนในกลุ่มของตนได้ตะโกนว่า “เฮ้ยๆ จะทำอะไร” วัยรุ่นกลุ่มที่รุมทำร้ายหาว่าเพื่อนในกลุ่มตนพูดออกตัว ก่อนกลับไปพาพวกมาประมาณ 20-30 คน ใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงมาที่ตนก่อน กระสุนเข้าที่เอว และขารวม 2 แผล ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ที่พกติดตัวยิงตอบโต้ไป 4 นัดเพื่อป้องกันตัว เป็นผลให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ พวกตนจึงได้แยกย้ายกันหลบหนี แม้ “โนว่า” ปฏิเสธไม่ได้กร่าง แต่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจต้องสืบสวนหาหลักฐานมามัดตัวผู้ก่อเหตุชัดเจนคนทำผิดจะได้รับกรรมถูกลงโทษตามกฎหมายให้หนักๆ และตำรวจควรโชว์ฝีมืองานด้านปราบปรามอาชญากรรมในชาติให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว อย่าให้ประชาชนหยามได้ว่าไม่มีน้ำยา แถมยังเชื่องช้าในการแก้ปัญหาอาชญากรรม ขออย่าให้อนาคตชาติไทยต้องเป็นยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ไปไหนก็สามารถพกปืนได้ง่ายๆ หากไม่ใช่คนชั่ว คนเลว อันธพาลใครที่ไหนจะพกปืนไว้ป้องกันตัว หรือว่าต่อไปคนไทยทุกคนจะไปไหนมาไหนต้องคอยดูแลตนเองพกอาวุธไว้สำรองเผื่อต้องต่อสู้กับโจรเอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรใส่ใจทบทวนบทบาทหน้าที่ให้ถี่ถ้วนกว่าที่เป็นอยู่
หากจะมองในทางตรงข้าม ที่ผ่านมากลุ่มนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ก็ควงปืนยิงกันสนั่นเมือง ขับแข่งขันบนถนนหลวงมาตลอดก็ไม่เห็นจะจับกุม หรือปราบปรามลงโทษให้เข็บหลาบสักที อ้า! ไอ้เรื่องนี้ก็ขอฝากทั่น “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ และทั่นนายกรัฐมนตรี “ชมพู่หมัก” ฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ดูแลปัญหาอย่างจริงจังกว่าที่เป็นอยู่ หรือจะให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก หรือเกิดกับคนใกล้ตัวเท่านั้นจึงจะคิดแผนปราบปรามออก โชว์ฝีมือสมกับราคาคุยบ้างนะครับ ไม่ใช่ว่าทำตัวโต้คารมกับสื่อไปวันๆ หันมองปัญหาบ้านเมืองสักนิด
นอกเหนือจากเหตุบ้านเมืองไม่มีขือไม่มีแปเบื้องต้นแล้วปัญหาของเด็กแว้นยังเกิดต่อเนื่อง ล่าสุด (19 เม.ย.) นายณภัทร ดวงงาม อายุ 16 ปี และ นายสุทัศน์ จุ้ยเปรม อายุ 16 ปี เด็กแว้นซิ่งมอเตอร์ไซค์กันตั้งแต่กลางคืนยันถึงเช้ามืดได้ขับซิ่งตัดหน้ารถแท็กซี่แล้วบึ่งซิ่งขึ้นสะพานข้ามแยกพุทธมณฑลสาย 1 ทำเท่เบรกหยุดรถกะทันหันจอดคุยกัน ทำให้แท็กซี่ตามมาอย่างกระชั้นชิดเบรกรถไม่ทันเสยท้ายรถเด็กแว้นพังเละ ตายคามอเตอร์ไซค์ คู่หูที่ซิ่งแข่งร่วงลงไปตายข้างล่างสะพานอีก 1 ศพ ประชาชนที่ต้องเห็นเหตุการณ์เด็กแว้นซิ่งมอร์ไซค์ ต้องจบชีวิต ชาวบ้านที่ต้องได้ยินเสียงแข่งรถดังสนั่นสร้างความเดือนร้อนต่อโสตประสาทบ่อยครั้งก็เอือมระอา ยมทูต หรือมัจจุราชที่ต้องมารับศพอยู่บ่อยๆ ก็คงไม่ต้องเหนื่อย หากกลุ่มเด็กแว้นมีสามัญสำนึก ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ทำตัวให้มีคุณค่าต่อสังคม สมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน
ปัญหาอันธพาลครองเมือง ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุมยังคงเป็นเรื่องที่ “นอมินีแม้ว”ยังต้องเร่งสาง ยิ่งเดี๋ยวนี้โจรฉลาดมากขึ้นตำรวจต้องตามให้ทัน อย่างเช่นแก๊งแฮกเกอร์ทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เข้ามาปักหลักทำมาหากินในช่วงภาวะเศรษฐกิจในชาติเราวิกฤต หัวหมอเจาะข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-แบงกิ้ง) ของธนาคาร ดูดเงินลูกค้าไปได้หลายล้าน โดยศูนย์เครือข่ายแฮกข้อมูลอยู่ไกลถึงรัสเซียและคงอยู่อีกหลายประเทศ และเมื่อวันที่ (16 เม.ย) หนุ่มนักเรียน กศน.นายดุสิต พิมพ์สุวรรณ อายุ 20 ปี ริอ่านเป็นโจรไฮเทค เผยกลโกงว่า เล่นเน็ตสร้างไฟล์ “โทรจัน” เผยแพร่ในระบบอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บบอร์ด รอเหยื่อดาวน์โหลดแล้วเชื่อมต่อคอมพ์ ทำให้ทราบรหัสผู้ใช้ ใช้รหัสเข้าสู่ระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ของผู้เสียหาย โอนเงินออกไปจากธนาคาร จากนั้นจะนำเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปใช้ในการเติมเงินเข้าสู่ระบบโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของเครือข่ายดีแทค จำนวน 109 เลขหมาย จำนวน 870 ครั้ง คิดเป็นเงิน 681,200 บาท โดยการเติมเงินให้กับลูกค้าแต่ละครั้งจะเติมให้ครั้งละ 10,000 บาท แต่จะเก็บเงินลูกค้าเพียงแค่ 2,000 เท่านั้น ดูมันจะง่ายดายเสียเหลือเกินในการคิดค้นทำชั่ว
การปราบปรามยาเสพติด ปราบขโมยขโจรผู้ร้ายจี้ปล้นร้านทอง เครือข่ายก่ออาชญากรรมข้ามชาติ หรือ ปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและอื่นๆ ที่เป็นปัญหาค้างเก่า ปัญหาเกิดขึ้นใหม่ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเป็นที่พึ่งให้ประชาชนอุ่นใจ เดินหน้ากวาดล้างปัญหาอาชญากรรมให้จริงจัง ไม่ใช่สักแต่ว่าก่อเหตุรังแกประชาชน รังแกเพื่อนตำรวจ ฆ่าแกงคนมีสีด้วยกันเอง ประชาชนอยากเห็นฝีมือตำรวจไทยทำงานเก่งระดับสากล เห็นผลงานชัดๆ ไม่ใช่ปราบอะไรก็ชวดไปชวดมา ดั่งปีชวด 2551 และสะสมปัญหาเป็นดินพอกหางหมูปราบคดีไหนก็ไม่เห็นผลส่งให้แต่ละคดีมีความเป็นตำนาน เป็นอมตะ ไม่รู้จักจบสิ้น??
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นหน่วยงานหลักเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องกระตือรือล้น ทำงานให้กระฉับกระเฉง จริงจังกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมให้หมดไปเด็ดขาด หรือขอแค่ให้บรรเทาลงบ้าง ประชาชนตาดำๆ จะได้ไม่ต้องคอยผวาว่าเงินจะหายจากธนาคาร โจรลักเล็กจะเข้าบ้าน อยู่ดีๆ เจอลูกหลงจากกลุ่มเด็กแว้นพวกเหลือเดนสังคมยิงถล่มคู่อริอีกต่อไป หรือนายๆ ทั่น ๆ ทั้งหลายที่มีตำแหน่งใหญ่โตคับบ้านเมืองจะทำหน้าที่เพียงหุ่นฟางที่ถูกเชิดตามบทบาทที่ได้รับเท่านั้น
ปัญหาเด็กแว้น เด็กสก๊อย โจ๋อันธพาลครองเมืองยังคงเกิดขึ้นรายวัน ไม่รู้ว่าผู้ดูแลงานป้องปราบนั่งตบยุงอยู่หรือมัวแต่จัดทำพิมพ์เขียวเตรียมแก้ รธน.สนองบัญชานายใหญ่สั่งมาหรือไร ถึงปล่อยให้โจรผู้ร้าย เด็กเหลือขอความประพฤติย่ำแย่ใช้อาวุธสงครามยิงกระหน่ำฆ่ากัน แถมยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เย้ยหยันฝีมือการทำงานด้านนโยบายของ “รัฐบาลเงา” และผู้ปฏิบัติที่กุมอำนาจมีกฎหมายอยู่ในมืออย่างท้าท้าย หรือว่าตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับ เป็นเพียงหัวโขนสวมหน้ากากทำตัว “แอ็กอาร์ต” ไปวันๆ แต่ไร้น้ำยาที่จะแก้ปัญหาอาชญากรรม สังคม เศรษฐกิจ ในบ้านเมืองให้ร่มเย็นในน้ำมีปลา ในนามีข้าวดั่งเช่นอดีตได้
แม้ว่า “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รมว.ยุติธรรม จะออกมาพูดเสียงดังฟังชัดว่าปัจจุบันเยาวชนยึดติดวัตถุนิยมยอมขายตัวแลกของแบรนด์เนม เป็นโจรผู้ร้าย หรือแลกคู่นอน หรือยกคู่นอนให้กันในกลุ่มวัยรุ่นเด็กแว้น ที่เมื่อการพนันแข่งขันขับรถซิ่งแพ้ เด็กหญิงที่ชื่นชอบตัวเพื่อนชายที่ไปนั่งซ้อนท้ายมอร์ไซค์ก็ต้องตกเป็นเหยื่อไม่ใช่เพียงจะถูกร่วมเพศกับใครเป็นรายบุคคล แต่อาจถูกสมสู่เป็นกลุ่ม ซึ่งสังคมไทยเริ่มเละเทะเพราะมีแต่ข่าวดาราคบหาเป็นแฟนกัน หรือเลิกรากับแฟนแล้วไปมีแฟนใหม่ ทำให้เด็กมองว่าพฤติกรรมเหล่านั้นมีคุณค่า แต่พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมของบ้านเรา พ่อแม่ต้องตักเตือนลูกหลาน พร้อมทั้งกล่าวติติงพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยลูกหลานให้ทำผิดสนับสนุนซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ขับซิ่งยามวิกาลต้องร่วมรับผิดทางอาญาถึงขั้นต้องติดคุก 3-6 เดือน แต่ยังไม่สามารถปลุกจิตสำนึกของเยาวชนบางกลุ่มที่จมดิ่งอยู่กับความเท่ ความไม่รู้จักคิด คิดแต่จะสร้างความฉิบหายให้กับพ่อแม่และผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน
ดั่งเช่นเหตุการณ์เด็กแว้นกลุ่ม “โนว่า” หรือเอ๋ กุลเกียรติ อายุ 19 ปี ที่ยกพวกก่อเหตุใช้ปืน .38 ไล่ยิงถล่มคู่อริกำลังเล่นน้ำสงกรานต์หน้าปั๊มน้ำมันปิโตรนาส ซอยสันติ 4 ถนนจันทร์ ซอย 44 เขตยานนาวา และตามไล่ล่ายิงกราดหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเจริญกกรุงประชารักษ์ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ10 ราย ต่อมาเสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 13 เม.ย. โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ในเมืองหลวงและย่านชุมชนการจราจรคับคั่งจอแจ โดยวันที่ก่อเหตุกลุ่ม “โนว่า” ทำตัวใหญ่คับถนนได้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ประมาณ 50 คัน มีคนนั่งซ้อนท้ายทุกคัน เล่นสาดน้ำขับเฉี่ยวชนกลุ่มคู่อริประมาณ 20 คน แล้วยกพวกตะลุมบอนชกต่อยก่อนยิงกันระห่ำเมือง ดั่งอันธพาลครองเมือง 2551 คาดว่าตำรวจทั่นคงหยุดตามมติ ครม.ที่ออกประกาศให้ข้าราชการหยุดสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย. จึงปราบปรามกลุ่มนักซิ่งไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่
ตำรวจพลิกแผ่นดินล่า “โนว่า” เป็นอาทิตย์ และเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ญาติของผู้ก่อเหตุได้ประสานตำรวจขอมอบตัวเอง ซึ่ง “โนว่า” ยืนยันเหตุยิงถล่มที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ไม่ได้ทำ แต่จะเป็นใครทำไม่ทราบ และอ้างว่าเหตุทะเลาะวิวาทหน้าปั้มปิโตรนาสเกิดเพราะพวกตนเห็นกลุ่มวัยรุ่นขับจยย.เกี่ยวกันล้มทะเลาะวิวาทชกต่อย 10 รุม 1 ทำให้อีกฝ่ายสู้ไม่ได้ และวิ่งมาทางกลุ่มตน เพื่อนในกลุ่มของตนได้ตะโกนว่า “เฮ้ยๆ จะทำอะไร” วัยรุ่นกลุ่มที่รุมทำร้ายหาว่าเพื่อนในกลุ่มตนพูดออกตัว ก่อนกลับไปพาพวกมาประมาณ 20-30 คน ใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงมาที่ตนก่อน กระสุนเข้าที่เอว และขารวม 2 แผล ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ที่พกติดตัวยิงตอบโต้ไป 4 นัดเพื่อป้องกันตัว เป็นผลให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ พวกตนจึงได้แยกย้ายกันหลบหนี แม้ “โนว่า” ปฏิเสธไม่ได้กร่าง แต่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจต้องสืบสวนหาหลักฐานมามัดตัวผู้ก่อเหตุชัดเจนคนทำผิดจะได้รับกรรมถูกลงโทษตามกฎหมายให้หนักๆ และตำรวจควรโชว์ฝีมืองานด้านปราบปรามอาชญากรรมในชาติให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว อย่าให้ประชาชนหยามได้ว่าไม่มีน้ำยา แถมยังเชื่องช้าในการแก้ปัญหาอาชญากรรม ขออย่าให้อนาคตชาติไทยต้องเป็นยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ไปไหนก็สามารถพกปืนได้ง่ายๆ หากไม่ใช่คนชั่ว คนเลว อันธพาลใครที่ไหนจะพกปืนไว้ป้องกันตัว หรือว่าต่อไปคนไทยทุกคนจะไปไหนมาไหนต้องคอยดูแลตนเองพกอาวุธไว้สำรองเผื่อต้องต่อสู้กับโจรเอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรใส่ใจทบทวนบทบาทหน้าที่ให้ถี่ถ้วนกว่าที่เป็นอยู่
หากจะมองในทางตรงข้าม ที่ผ่านมากลุ่มนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ก็ควงปืนยิงกันสนั่นเมือง ขับแข่งขันบนถนนหลวงมาตลอดก็ไม่เห็นจะจับกุม หรือปราบปรามลงโทษให้เข็บหลาบสักที อ้า! ไอ้เรื่องนี้ก็ขอฝากทั่น “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ และทั่นนายกรัฐมนตรี “ชมพู่หมัก” ฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ดูแลปัญหาอย่างจริงจังกว่าที่เป็นอยู่ หรือจะให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก หรือเกิดกับคนใกล้ตัวเท่านั้นจึงจะคิดแผนปราบปรามออก โชว์ฝีมือสมกับราคาคุยบ้างนะครับ ไม่ใช่ว่าทำตัวโต้คารมกับสื่อไปวันๆ หันมองปัญหาบ้านเมืองสักนิด
นอกเหนือจากเหตุบ้านเมืองไม่มีขือไม่มีแปเบื้องต้นแล้วปัญหาของเด็กแว้นยังเกิดต่อเนื่อง ล่าสุด (19 เม.ย.) นายณภัทร ดวงงาม อายุ 16 ปี และ นายสุทัศน์ จุ้ยเปรม อายุ 16 ปี เด็กแว้นซิ่งมอเตอร์ไซค์กันตั้งแต่กลางคืนยันถึงเช้ามืดได้ขับซิ่งตัดหน้ารถแท็กซี่แล้วบึ่งซิ่งขึ้นสะพานข้ามแยกพุทธมณฑลสาย 1 ทำเท่เบรกหยุดรถกะทันหันจอดคุยกัน ทำให้แท็กซี่ตามมาอย่างกระชั้นชิดเบรกรถไม่ทันเสยท้ายรถเด็กแว้นพังเละ ตายคามอเตอร์ไซค์ คู่หูที่ซิ่งแข่งร่วงลงไปตายข้างล่างสะพานอีก 1 ศพ ประชาชนที่ต้องเห็นเหตุการณ์เด็กแว้นซิ่งมอร์ไซค์ ต้องจบชีวิต ชาวบ้านที่ต้องได้ยินเสียงแข่งรถดังสนั่นสร้างความเดือนร้อนต่อโสตประสาทบ่อยครั้งก็เอือมระอา ยมทูต หรือมัจจุราชที่ต้องมารับศพอยู่บ่อยๆ ก็คงไม่ต้องเหนื่อย หากกลุ่มเด็กแว้นมีสามัญสำนึก ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ทำตัวให้มีคุณค่าต่อสังคม สมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน
ปัญหาอันธพาลครองเมือง ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุมยังคงเป็นเรื่องที่ “นอมินีแม้ว”ยังต้องเร่งสาง ยิ่งเดี๋ยวนี้โจรฉลาดมากขึ้นตำรวจต้องตามให้ทัน อย่างเช่นแก๊งแฮกเกอร์ทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เข้ามาปักหลักทำมาหากินในช่วงภาวะเศรษฐกิจในชาติเราวิกฤต หัวหมอเจาะข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-แบงกิ้ง) ของธนาคาร ดูดเงินลูกค้าไปได้หลายล้าน โดยศูนย์เครือข่ายแฮกข้อมูลอยู่ไกลถึงรัสเซียและคงอยู่อีกหลายประเทศ และเมื่อวันที่ (16 เม.ย) หนุ่มนักเรียน กศน.นายดุสิต พิมพ์สุวรรณ อายุ 20 ปี ริอ่านเป็นโจรไฮเทค เผยกลโกงว่า เล่นเน็ตสร้างไฟล์ “โทรจัน” เผยแพร่ในระบบอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บบอร์ด รอเหยื่อดาวน์โหลดแล้วเชื่อมต่อคอมพ์ ทำให้ทราบรหัสผู้ใช้ ใช้รหัสเข้าสู่ระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ของผู้เสียหาย โอนเงินออกไปจากธนาคาร จากนั้นจะนำเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปใช้ในการเติมเงินเข้าสู่ระบบโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของเครือข่ายดีแทค จำนวน 109 เลขหมาย จำนวน 870 ครั้ง คิดเป็นเงิน 681,200 บาท โดยการเติมเงินให้กับลูกค้าแต่ละครั้งจะเติมให้ครั้งละ 10,000 บาท แต่จะเก็บเงินลูกค้าเพียงแค่ 2,000 เท่านั้น ดูมันจะง่ายดายเสียเหลือเกินในการคิดค้นทำชั่ว
การปราบปรามยาเสพติด ปราบขโมยขโจรผู้ร้ายจี้ปล้นร้านทอง เครือข่ายก่ออาชญากรรมข้ามชาติ หรือ ปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและอื่นๆ ที่เป็นปัญหาค้างเก่า ปัญหาเกิดขึ้นใหม่ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเป็นที่พึ่งให้ประชาชนอุ่นใจ เดินหน้ากวาดล้างปัญหาอาชญากรรมให้จริงจัง ไม่ใช่สักแต่ว่าก่อเหตุรังแกประชาชน รังแกเพื่อนตำรวจ ฆ่าแกงคนมีสีด้วยกันเอง ประชาชนอยากเห็นฝีมือตำรวจไทยทำงานเก่งระดับสากล เห็นผลงานชัดๆ ไม่ใช่ปราบอะไรก็ชวดไปชวดมา ดั่งปีชวด 2551 และสะสมปัญหาเป็นดินพอกหางหมูปราบคดีไหนก็ไม่เห็นผลส่งให้แต่ละคดีมีความเป็นตำนาน เป็นอมตะ ไม่รู้จักจบสิ้น??