สตูล – เหลือเชื่อโจรปล้นเงินสหกรณ์การเกษตรอำเภอควนกาหลง ใช้เพียงไม้ยางพาราแห้งทุบเลขาฯ ก่อนเชิดเงินล้านหายเข้ากลีบเมฆ ขณะที่ตำรวจมึนผู้เสียหายให้การวกวนส่อพิรุธ
วันนี้ (4 เม.ย.) เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอควนกาหลง เร่งติดตามคนร้ายคดีปล้นเงินสหกรณ์การเกษตรอำเภอควนกาหลง ไปร่วม 1 ล้านบาทกว่าค่ำวานนี้ หลังผู้เสียหายให้การวกวนจนน่าสงสัย
พ.ต.ท.สุริยา บาราสัน สารวัตรเวร สภ.ควนกาหลง จ.สตูล หลังได้รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์ที่บริเวณซอย 2 กับ ซอย 3 หมู่ 3 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จันทร์สว่าง ผกก. พ.ต.ท.ปรีชา อุบล รอง ผกก.(ป.) นายประยูร สิตพงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอควนกาหลง ร.ต.ท.ศุภรักษ์ นิลนิยม หน.ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ร.ต.ท.ประเสริฐ ทองเปลว รอง สวป.และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อ มิตซูไทรตัน สีเทา-ดำ ทะเบียน บห.7181 สงขลา จอดสงบนิ่งกลางถนนและมีชายหนุ่มยืนเดินวนไปมาข้างรถคล้ายกับเป็นคนทุกข์หนักทราบชื่อต่อมานายพรพนาไพร แซ่ใหล้ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157/2 หมู่ 3 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล ซึ่งคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุและในที่เกิดเหตุพบไม้กิ่งยางพาราแห้งความยาวขนาด 2 ฟุตเศษตกอยู่ 3 ท่อนจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ จาการสอบสวนเบื้องต้นนายพร พนาไพร (ผู้เสียหาย) ให้การว่า ตนเองมีตำแหน่งเป็นเลขานุการกลุ่มรับซื้อน้ำยางสดที่ซอย 2 หมู่ 3 ต.ควนกาหลง ทั้งนี้ภายหลังรับซื้อน้ำยางแล้วเมื่อตกเย็นได้นำเงินของกลุ่มซึ่งมีจำนวน 1,600,000 บาท เพื่อต้องการนำไปฝากไว้ที่สหกรณ์การเกษตรอำเภอควนกาหลงที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก แต่ระหว่างที่ตนกำลังขับรถยนต์อยู่นั้น
ปรากฏว่า ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ขับแซงขึ้นหน้าแล้วปาดหน้าจนตนเองต้องจอดรถหลังจากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งสองแสดงตนเป็นคนร้ายใช้ไม้ยางพาราเข้าทุบตนเข้าที่บริเวณด้านหลังจากนั้นคนร้ายชิงเงินไปคงทิ้งไว้ 307,000 บาทเท่านั้น แล้วขับรถหลบหนีไปจึงตั้งสติได้แจ้งความเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสืบสวนได้ทำการสอบปากคำนายพร พนาไพร นานหลายชั่วโมงเนื่องจากการให้การของผู้เสียหายส่อพิรุธหลายอย่างรวมทั้งให้การวกวนไปมาโดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสียหายอาจจะสร้างละครขึ้นมาหรือไม่
ทั้งนี้ ที่น่าสั่งเกตุและกังขาของเจ้าหน้าที่เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้นั้นเป็นเพียงไม้ยางผุกร่อน อีกทั้งบริเวณด้านหลังที่ผู้เสียหายอ้างว่าคนร้ายทุบปล้นทรัพย์นั้นพบว่าเป็นเพียงรอยผิวหนังฟกซ้ำคล้ายกับร่องรอยแลบขีดขวานเท่านั้นทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้สืบสวนอย่างละเอียดเพื่อคลี่คลายคดีในการติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (4 เม.ย.) เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอควนกาหลง เร่งติดตามคนร้ายคดีปล้นเงินสหกรณ์การเกษตรอำเภอควนกาหลง ไปร่วม 1 ล้านบาทกว่าค่ำวานนี้ หลังผู้เสียหายให้การวกวนจนน่าสงสัย
พ.ต.ท.สุริยา บาราสัน สารวัตรเวร สภ.ควนกาหลง จ.สตูล หลังได้รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์ที่บริเวณซอย 2 กับ ซอย 3 หมู่ 3 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จันทร์สว่าง ผกก. พ.ต.ท.ปรีชา อุบล รอง ผกก.(ป.) นายประยูร สิตพงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอควนกาหลง ร.ต.ท.ศุภรักษ์ นิลนิยม หน.ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ร.ต.ท.ประเสริฐ ทองเปลว รอง สวป.และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อ มิตซูไทรตัน สีเทา-ดำ ทะเบียน บห.7181 สงขลา จอดสงบนิ่งกลางถนนและมีชายหนุ่มยืนเดินวนไปมาข้างรถคล้ายกับเป็นคนทุกข์หนักทราบชื่อต่อมานายพรพนาไพร แซ่ใหล้ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157/2 หมู่ 3 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล ซึ่งคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุและในที่เกิดเหตุพบไม้กิ่งยางพาราแห้งความยาวขนาด 2 ฟุตเศษตกอยู่ 3 ท่อนจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ จาการสอบสวนเบื้องต้นนายพร พนาไพร (ผู้เสียหาย) ให้การว่า ตนเองมีตำแหน่งเป็นเลขานุการกลุ่มรับซื้อน้ำยางสดที่ซอย 2 หมู่ 3 ต.ควนกาหลง ทั้งนี้ภายหลังรับซื้อน้ำยางแล้วเมื่อตกเย็นได้นำเงินของกลุ่มซึ่งมีจำนวน 1,600,000 บาท เพื่อต้องการนำไปฝากไว้ที่สหกรณ์การเกษตรอำเภอควนกาหลงที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก แต่ระหว่างที่ตนกำลังขับรถยนต์อยู่นั้น
ปรากฏว่า ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ขับแซงขึ้นหน้าแล้วปาดหน้าจนตนเองต้องจอดรถหลังจากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งสองแสดงตนเป็นคนร้ายใช้ไม้ยางพาราเข้าทุบตนเข้าที่บริเวณด้านหลังจากนั้นคนร้ายชิงเงินไปคงทิ้งไว้ 307,000 บาทเท่านั้น แล้วขับรถหลบหนีไปจึงตั้งสติได้แจ้งความเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสืบสวนได้ทำการสอบปากคำนายพร พนาไพร นานหลายชั่วโมงเนื่องจากการให้การของผู้เสียหายส่อพิรุธหลายอย่างรวมทั้งให้การวกวนไปมาโดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสียหายอาจจะสร้างละครขึ้นมาหรือไม่
ทั้งนี้ ที่น่าสั่งเกตุและกังขาของเจ้าหน้าที่เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้นั้นเป็นเพียงไม้ยางผุกร่อน อีกทั้งบริเวณด้านหลังที่ผู้เสียหายอ้างว่าคนร้ายทุบปล้นทรัพย์นั้นพบว่าเป็นเพียงรอยผิวหนังฟกซ้ำคล้ายกับร่องรอยแลบขีดขวานเท่านั้นทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้สืบสวนอย่างละเอียดเพื่อคลี่คลายคดีในการติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
