สน.พลับพลาไชย 2 คุมตัวแก๊งหัวขโมยปีนบ้านเสี่ยนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์งัดตู้เซฟได้ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 60 ล้าน ไปฝากขัง-ค้านประกัน คำร้องระบุผู้ต้องหารับสารภาพ กลวิธีลักทรัพย์ปีนดาดฟ้า โรยตัวตัดเหล็กดัดก่อนเข้าไปขนของในตู้เซฟมาแบ่งกันแยกย้ายกันหลบหนี
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ศาลอาญา กรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ได้ควบคุมตัว นายสมชาย ศรีอำพรรณ อายุ 31 ปี, นายวันชัย หรือ เก่ง เหรียญตระกูล อายุ 27 ปี, นายสมบัติ อยู่เจริญ อายุ 26 ปี, นายพรมมา หรือ เล็ก บุญครอง อายุ 25 ปี, นายสมชาย หรือ ตี๋อ่าง วิมุตสี อายุ 28 ปี, นายนาท หรือ ตึ๋ง สีเป้ อายุ 30 ปี และ นายพิสิทธิ์ หรือเซี๊ยะ อรรถพงศ์เมธี อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ในยามวิกาล มาฝากขังต่อศาลครั้งแรก ตามคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 12 -16 เม.ย.2551 ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ขณะที่ นายประเสริฐ กิจวิวัฒนาการ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้เสียหายเดินทางไปประเทศเกาหลี พร้อมครอบครัว ผู้ต้องหากับพวกที่ยังหลบหนีได้บุกรุกเข้าไปในที่พัก อาคารเลขที่ 1878 ถ.กรุงเกษม แขวงและเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.แล้วขนเอาตู้เซฟ 3 ตู้ ภายในมีเครื่องเพชร ทองรูปพรรณ เงินสด และทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาทหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า นายสมชาย ศรีอำพรรณ มีลักษณะต้องสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า นายสุชัย พนอจันทร์ อายุ 56 ปี ให้หาคนไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย จึงได้ชักชวน นายสมชาย หรือ ตี๋อ่าง พร้อมกับพวก ปีนขึ้นบ้านทางดาดฟ้า โรยตัวเข้าไปตัดเหล็กดัด แล้วขโมยตู้เซพงัดเอาของมีค่า และทรัพย์สินอื่นๆ มาแบ่งกัน โดย นายพิสิทธิ์ เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าย่านสะพานควาย เป็นผู้รับซื้อของมีค่าไว้ส่วนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานยามวิกาลและรับซื้อของโจร
นอกจากนี้ ท้ายคำร้องยังระบุว่า พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาใกล้จะครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร รอพิสูจน์หลักฐาน จึงขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.ถึง วันที่ 10 พ.ค.นี้ และคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังตามคำร้อง
ต่อมาได้มีญาติของผู้ต้องหา 5 คน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 9 แสนบาทขอปล่อยตัวชั่วคราวศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทรัพย์สินที่ผู้ต้องหากระทำผิดมีมูลค่าสูง ทั้งพนักงานสอบสวนค้านประกัน หากอนุญาตปล่อยชั่วคราวเกรงจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป