xs
xsm
sm
md
lg

ศาลนัดไต่สวนพยาน กกต.คดีใบแดง “ยงยุทธ” นัดแรก 8 พ.ค.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายยงยุทธ  ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สอบข้อเท็จจริงจากคำร้องและคำคัดค้านของ “กกต.-ยงยุทธ” กรณี กกต.ยื่นคำร้องให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง “ยงยุทธ” และน้องสาว หลังเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนพยานฝ่าย กกต.ผู้ร้อง 8 พ.ค.เก้าโมงตรง และนัดไต่สวนพยานผู้คัดค้าน 12 พ.ค.เวลา 09.00 น.ขณะที่ “พิชิฏ ชื่นบาน” เผย ได้นำพยานบุคคล 50 ปาก และหลักฐานยื่นสู้คดีในชั้นศาล

วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง เวลา 09.00 น.นายกำธร โพธิ์สุวัฒนากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะรวม 3 คน ออกนั่งบัลลังก์ตรวจสอบพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำที่ ลต.38 /2551 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง และ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาวนายยงยุทธ ส.ส.แบ่งเขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้คัดค้านที่ 1-2 กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

(ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ด้วยการทุจริตการเลือกตั้งด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงรายซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธ แจกเงินซื้อเสียงเพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน โดย กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ซึ่งให้ถูกใบแดง และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จังหวัดเชียงราย ที่ น.ส.ละออง ถูกให้ใบเหลือง

วันนี้ (2 พ.ค.) ฝ่าย กกต.โดยมี พ.ต.อ.นัฐศักดิ์ นานาวัน ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยของ กกต.และคณะ ได้นำแผ่นวีซีดี จำนวน 8 แผ่น และคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต.ทั้ง 5 คน มาส่งมอบให้กับศาลตามที่ทนายความฝ่ายผู้คัดค้านของนายงยุทธ และ น.ส.ละอองร้องขอไว้ อย่างไรก็ตามนายยงยุทธ และน.ส.ละอองไม่ได้เดินทางมาที่ศาลด้วยตนเอง แต่ได้มอบอำนาจให้ นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความและคณะมาดำเนินการแทน

ทั้งนี้ ศาลได้ส่งวีซีดีจำนวน 8 แผ่น และคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต.ทั้ง 5 คน ให้ทนายความของนายยงยุทธแล้ว เพื่อให้ไปตรวจสอบเนื้อหาในวีซีดี ว่า ตรงกับเนื้อหาซึ่ง กกต.ถอดมาจากวีซีดี ยื่นเป็นพยานเอกสารแล้วในสำนวนดังกล่าวหรือไม่ ในประเด็นที่ทนายความต้องการทราบถึงกรณีที่พันเอกธนัชย์ ปัญญา รอง ผอ.กอ.รมน.จ.เชียงราย เรียกกำนันใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย จำนวน 10 คน ไปให้การในวันที่ 11 และ 17 ธันวาคม 2550 ซึ่ง พ.ต.อ.นัฐศักดิ์ ได้ยืนยันต่อศาลว่า วีซีดี 8 ทั้งแผ่นมีเนื้อหาครบถ้วนทั้งในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับการ
เดินทางที่มีการทุจริตจ่ายเงินซื้อเสียง รวมทั้งรายละเอียดที่มีการเรียกกำนันใน อ.แม่จัน ทั้ง10 คน มาสอบถาม

จากนั้นศาลได้สอบข้อเท็จจริงจากคำร้องและคำคัดค้านของทั้งสองฝ่ายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งทั้งสองฝ่ายรับกันได้สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2550 หลังจากมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง มีส.ส. กำนันใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย จำนวน 10 ประกอบด้วย นายไชยวัฒน์ ฉางข้าวคำ นายอดิศร เรือนคำ นายพัฒน์ จางตาอ่อน นายบุญคำ กำพระ นายจรินทร์ วงศ์ธานี นายพรชาติ สุวรรณรัตน์ นายชด บุตรชา นายสมบูรณ์ อรินต๊ะทราย เดินทางจากจังหวัดเชียงรายด้วยสายการบินแอร์เอเชีย มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับนายบรรจง ยางยืน นายก อบจ.เดินทางมาด้วย นอกจากนี้ ยังมี ด.ต.มานิตย์ สุฉายา ด.ต.สุเทพ ศรีสุข พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล นางกัณรส ชาภู่พวง เป็นคณะติดตามข้อเท็จจริงของ กกต. ติดตามมาด้วย จากนั้นกำนันทั้ง 10 คน ได้เดินทางขึ้นรถตู้ไปยังที่ทำการพรรคพลังประชาชน ถนนเพชรบุรี กรุงเทพฯ และไปพบกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค และ มีการพูดคุยกัน กำนันทั้ง 10 คนพักค้าง 1 คืน และเดินทางกลับ จ.เชียงราย

ต่อมา กกต.จัดการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ผู้ร้องทั้งสองได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.และ กกต.ประกาศรับรอง แต่ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง นายวิจิตร ย่อสุวรรณ ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เขต 3 จ.เชียงราย พรรคชาติไทย ได้ยื่นคำร้องโดยกล่าวหาว่า การที่กำนันใน อ.แม่จัน จ.เชียงรายทั้ง 10 คน เดินทางไปพบกับนายยงยุทธ ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่กรุงเทพฯ เชื่อว่า น่าจะมีการเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ ทรัพย์สินที่สามารถประเมินราคาได้ เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้กับผู้สมัครพรรคพลังประชาชน งดเว้นการลงคะแนนให้พรรคการเมืองอื่น เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม

ต่อมาคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต.สอบสวนแล้วเสนอ กกต.ผู้ร้อง ว่า ผู้คัดค้านทั้งสองกระทำผิด ม.53 (1) และ ม.57 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 เห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ผู้คัดค้านที่ 1 และจัดการเลือกตั้งในเขต 3 จ.เชียงราย ใหม่ โดย กกต.ผู้ร้องวินิจฉัยชี้ขาดแล้วมีมติว่า นายยงยุทธ ผู้คัดค้านที่ 1

กระทำผิด ม.53 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการกระทำของนายยงยุทธ ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นเหตุให้การเลือกตั้ง เขต 3 จ.เชียงราย ในส่วนของน.ส.ละออง ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่เที่ยงธรรม เห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญา นายยงยุทธ ผู้คัดค้านที่ 1 ตาม ม.53 และ 57 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และจัดให้มีการเลือกตั้งเขต 3 จ.เชียงรายใหม่ แทน น.ส.ละออง ผู้คัดค้านที่ 2

ภายหลังศาลสอบข้อเท็จจริงคู่ความทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้น ศาลกำหนดวันสืบพยานฝ่าย กกต. ผู้ร้องในวันที่ 8 พฤษภาคม นี้ เวลา 09.00 น. ให้สืบพยานฝ่ายผู้ร้องคัดค้านทั้งสองในวันที่ 12 – 14 และ 20 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. เช่นกัน และกำชับให้ผู้ร้องคัดค้านทั้งสอง นำพยานมาเบิกความให้ได้ไม่น้อยกว่านัดละ 3 ปาก

ด้าน นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ก่อนการพิจารณาคดีว่า ในวันนี้ ได้นำพยานหลักฐาน ประกอบด้วย บัญชีรายชื่อพยานบุคคล 50 ปาก ที่มีทั้งกำนัน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงพยานเอกสารมายื่นให้ต่อศาล ส่วนประเด็นที่จะใช้ต่อสู้ในชั้นศาลนั้นจะชี้ให้เห็นถึงความไม่น่าเชื่อถือของพยานฝ่ายผู้ร้อง เนื่องจากมีข้อบกพร่อง ที่เป็นความเชื่อมโยงของพยานหลักฐานในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ร้องมันเกินความเป็นจริง ขณะที่นายยงยุทธเองได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง และ น.ส.ละออง พร้อมมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม

ต่อมาภายหลังศาลสรุปประเด็นข้อเท็จจริงที่ทั้งสองฝ่ายรับตรงกันแล้ว พ.ต.อ.ณัฐศักดิ์ นานาวัน ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยของ กกต. แถลงว่ามีพยานบุคคลรวม 5 ปาก นาย นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จันทร์ จ.เชียงราย นายพัฒน์ ก้างออนตา กำนัน ต.จอมสวรรค์ อ.แม่จันทร์ จ.เชียงรายและ นายบุญธรรม คำคะ กำนัน ต.แม่คำ อ.แม่จันทร์ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นประจักษ์พยานกลุ่มกำนัน 10 คนที่เดินทางมารับเงิน , นายสุวิทย์ ธีระพงษ์ ประธานอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ฯ ของ กกต. และ พ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผู้รวบรวมพยานหลักฐานการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ โดยฝ่าย กกต. ติดใจที่จะนำสืบพยานบุคคลเพียง 3 ปาก คือ นายชัยวัฒน์ , นายพัฒน์ และ นายบุญธรรม ซึ่งเป็นประจักษ์พยาน


ขณะที่นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จะขอนำสืบนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ผู้คัดค้านที่ 1-2 , กำนันทั้ง 10 คน , นายสุธรรม แสงประทุม หนึ่งใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย , นายวิจิตร ยอดสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคชาติไทย ผู้ที่ยื่นร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ต่อ กกต. เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 , นางกัณรส ชาภู่พวง , นายมณฑล สุทธาธนโชติ ซึ่งจะนำสืบประเด็นการจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเป็นธรรม , พ.อ.ธนัชย์ ปัญญา รอง ผอ.กอ.รมน.เชียงราย , พ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ , พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล , พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐานของ อนุ กกต. , ด.ต.มานิตย์ สุฉายา , ด.ต.สุเทพ ศรีสุข , ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนคุณา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย , พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย , น.อ. ชิตพล เกษมกุล , นายชูชาติ จันทวลย์ ที่ปรึกษาของนายยงยุทธ ที่จะนำสืบประเด็นว่าการเดินทางมาของกลุ่มกำนันเพื่อให้นายยงยุทธ ช่วยติดตามการชำระหนี้สิน ,นายบรรจบ ยางยืน นายกเทศมนตรีตำบลแม่จันทร์ จ.เชียงราย , นายเอกวิทย์ ออกเวหา เจ้าหน้าที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ที่จะนำสืบประเด็นการเรียกเก็บค่าที่พักและค่าอาหารที่นายไชยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ไปพัก , น.ส.ชลิตา จิตพิทักษ์เลิศ เจ้าหน้าที่พรรคพลังประชาชน ย่านเพชรบุรีตัดใหม่ ที่จะนำสืบประเด็นที่มีการอ้างว่ากำนัน 10 คนเดินทางไปที่พักพรรค , นายบุญชอบ สุทัศน์พงศ์ พนักงานขับรถ กรมส่งเสริมคุณภาพ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ขับรถส่งกลุ่มกำนันจากโรงแรมเอสซีปาร์ค รวมทั้งจะขอนำสืบพยานบุคคลอื่นที่สนับสนุนข้อต่อสู้ฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสองว่ามีวีซีดีที่ใช้ในเป็นหลักฐานมีการตัดต่อ โดยที่กกต. ระบุว่าทำขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม 2550 แต่จำเลยทราบว่ามีการทำขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2550 และได้มีการจัดฉากโดยไปถ่ายภาพที่ทำการพรรค รวมทั้งโรงแรมเอสซีปาร์คไว้ก่อนล่วงหน้า


นอกจากนี้ นายพิชิฏ ทนายความ แถลงต่อไปว่า จะขอนำสืบบันทึกลับ ที่ ทูตสหรัฐ ฯ ได้สนทนากับ กระทรวงกลาโหม สอบถามเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งด้วย ศาลจึงสอบถามว่ามีบันทึกลับจริงหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ ฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสองไม่เคยแถลงมาก่อน ศาลจึงเห็นว่าเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ แต่เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสองว่า หากจะติดใจประเด็นนี้ ให้ทำเป็นคำแถลงคดียื่นเป็นหนังสือต่อศาลแทน ส่วนพยานบุคคลที่ผู้ร้องคัดค้านจะขอไต่สวนนั้น ศาลเห็นว่ามีพยานที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่ต้องนำสืบ คือนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ผู้คัดค้านที่ 1-2 , ส่วนกลุ่มกำนันที่จะขอนำสืบทั้ง 10 คนนั้น ศาลเห็นว่า กกต. ผู้ร้อง แถลงแล้วว่าจะนำสืบ 3 คน จึงอนุญาตให้ผู้คัดค้านทั้งสองนำสืบกำนันอีกเพียง 3 คน ส่วนกำนันที่เหลืออีก 4 คน หากผู้ร้องติดใจให้ทำเป็นคำแถลงคดีส่งศาลภายใน 10 วันนับแต่วันนี้


ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนคุณา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จันทร์ , นายชูชาติ จันทวลย์ ที่ปรึกษาของนายยงยุทธ , นายบุญชอบ สุทัศน์พงศ์ พนักงานขับรถ กรมส่งเสริมคุณภาพ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ขับรถส่งกลุ่มกำนันจากโรงแรมเอสซีปาร์ค และพยานที่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสอง ระบุว่าเป็นปฏิปักษ์ คือ พ.อ.ธนัชย์ ปัญญา รอง ผอ.กอ.รมน.เชียงราย , พ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ , พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล , พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐานของ อนุกกต. , ด.ต.มานิตย์ สุฉายา และ ด.ต.สุเทพ ศรีสุข รวม 14 ปาก ส่วนพยานปากอื่นที่ฝ่ายผู้ร้องคัดค้านแถลงไว้ให้ยื่นเป็นคำแถลงคดีต่อศาลภายใน 10 วันนับแต่วันนี้


โดยศาลกำหนดวันสืบพยานฝ่าย กกต. ผู้ร้องในวันที่ 8 พฤษภาคม นี้ เวลา 09.00 น. ให้สืบพยานฝ่ายผู้ร้องคัดค้านทั้งสองในวันที่ 12 – 14 และ 20 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. เช่นกัน และกำชับให้ผู้ร้องคัดค้านทั้งสอง นำพยานมาเบิกความให้ได้ไม่น้อยกว่านัดละ 3 ปาก
กำลังโหลดความคิดเห็น