xs
xsm
sm
md
lg

"แอ๋วสงกรานต์ม่วนใจ๋" เตือนภัยรู้เท่าทันแก๊งตุ๋นบัตรเครดิตข้ามชาติ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

อาชญากรรมทางเศรษฐกิจถือเป็นอาชญากรรมรูบแบบใหม่ ที่อาศัยความเจริญทางเทคโนโลยี หลอกลวงเหยื่อ จนหมดเนื้อหมดตัว ไม่กี่วันก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ร่วมกับกองบัญชาการสอบสวนกลาง บุกทลายเครือข่ายแก๊งตุ๋นบัตรเครดิตรายใหญ่สุดในเอเชียมีชาวไทย มาเลเซีย เกาหลี ไต้หวันและจีน จำนวน 135 ราย

องค์กรของแก๊งข้ามชาติดังกล่าว ถือเป็นเครือข่ายใหญ่สุดในเอเซีย มี นายอาเช็ค ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าใหญ่ นายอาซิม นายหม่าเซาเซง และ นายหม่า เหวย ตง เป็นสมุนระดับแกนนำรับผิดชอบด้านการเงิน โดยมีสาขาในไทย มาเลเซีย เกาหลี ไต้หวัน ซึ่งในมาเลเซียถูกโจมตีก่อน จนรัฐบาลต้องออกกฎหมายป้องกันการทำธุรกรรมทางบัตรเครดิต

ย้อนไป เมื่อปี 2548 นายอาเช็ค ร่วมกับพวกตั้งแก๊งขึ้นมาโดย ได้ให้พนักงานโทรศัพท์สุ่มหมายเลขเหยื่อในประเทศต่างๆ อ้างว่าถูกหวยล็อตโต้ในประเทศโน้นประเทศนี้ เหยื่อบางรายเกิดความละโมบ หลงเชื่อ จากนั้นจะถูกสอบถามเหยื่อว่ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ เพื่อจ่ายค่าภาษี ก่อนลวงเหยื่อ ให้ไป ที่ตู้เอทีเอ็มแล้วให้ทำรายการตามที่ผู้ต้องหาบอก เมื่อวิธีดังกล่าวถูกจับได้ไล่ทัน นายอาเช็ค จึงหันมาให้วิธีการใหม่ หลอกเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารและสรรพพากร อ้างว่าจะได้ภาษีคืน หรือ หลอกว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต เป็นต้น

นางหวังหลิง ลิน หรือหมวย ถูกส่งตัวเข้ามายังเมืองไทย จ้างคนไทยเปิดบัญชีธนาคารหัวละ 2,500 บาท แล้วหาคนไทย บินไปทำงาน คอลเซ็นเตอร์ (call center) ที่ ตึก โย่ว หยี ต้า ซ่า เมืองเมืองซัวเถา ประเทศจีน จากนั้นได้ใช้โทรศัพท์ผ่านระบบ internet (VOIP) Voice over Internet Protocol โดยผ่าน CHAINA TELECOM NETWORK มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โทรสุ่มเข้ามาหลอกลวงให้ผู้เสียหายในประเทศไทย โดยใช้ เบอร์ 02 – 850 9999 และ 02 – 850 0946 หรือ เบอร์ส่วนตัว ( ไม่โชว์เบอร์ ) ทั้งนี้ผู้ต้องหายังสร้างโปรแกรมสร้างเสียงให้คล้ายทำงานในออฟฟิศ

ส่วนในทีม call center แบ่งออกเป็น 3 ชุด ชุดแรกจะทำหน้าที่หลอกถามข้อมูล ชุดที่ 2 จะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือฝ่ายกฎหมาย ส่วนชุดที่ 3 จะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จากแบงก์ชาติทำหน้าที่เกลี้ยกล่อม จนกระทั่งให้หลงเชื่อเหยื่อไปทำบัญชีที่ตู้เอทีเอ็ม โดยให้ทำธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเหยื่อไม่สามารถรู้ว่าได้โอนเงินตัวเองไปใส่ในบัญชีคนร้ายแล้ว เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินแล้ว นางหวังหลิง จะแจ้งยอดไปเมืองจีนให้ นายหม่า เหวยตง ก่อนให้ทีมงานไปกดเงิน แล้วโอนกลับไปให้ นายหม่า เหวยตง ผ่าน บริษัท พาราไดซ์ แอนด์ ซัน แทรเวล จำกัด ซึ่งเปิดเป็นบริษัทท่องเที่ยว

ด้านผู้ต้องหาชาวไทยรายหนึ่งบอกกับพนักงานสอบสวนว่า มีคนมาว่าจ้างให้ไปทำงานเมืองจีน โดยได้ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ไปลงที่ ฮ่องกง โดยมีคนมาเลย์ไปรับ และนั่งรถบัสต่อไปอีกประมาณ 3-4 ชั่วโมง จากนั้น ไปลงที่เมืองกวางโจว เข้าไปในเมืองสภาพเหมือนตลาด เข้าไปที่อาคารตึกแถวแบบคล้ายอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นโดยชั้นล่างเป็นร้านขายของ ขึ้นไปชั้นบนบริเวณชั้นที่ 2 มีห้องใหญ่ ข้างในมีโต๊ะวางเป็นแถวเหมือนห้องเรียน ประมาณ20 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะมีโทรศัพท์แบบโทรศัพท์บ้านวางอยู่ โดยจะทำงานที่นั่น ชุดละ 3 คน ต่อ 1โต๊ะ ทำงานตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 20.00 น. ของแต่ละวัน (เวลาที่จีน) การพักอาศัยจะพักอยู่ที่ชั้น 3 และ4 โดยคนทำหน้าที่โทรศัพท์จะเป็นคนไทยและมีคนที่คุมอยู่ที่นั่น เป็นคนไต้หวัน และมาเลเซีย

นายเดชา รงศ์สุวรรณ อายุ 46 ปี เหยื่อที่สูญเงินจากการต้มตุ๋นของแก๊งวดังกล่าวเล่าวว่า มีหญิงสาวโทรมาบอกว่า ตนค้างชำระเงินบัตรเครดิตกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จำนวน 90,000 กว่าบาท โดยได้ไปรูดเงินซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว จึงตอบกลับไปว่า ไม่เคยทำบัตรเครดิตกับธนาคารดังกล่าวเลย จากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่า แสดงว่ามีคนแอบอ้างแล้ววางสายไป ต่อมาหญิงสาวอีกรายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์โทรมาถามว่ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ตนบอกไปว่ามี 2 บัญชี ธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทย แสนกว่าบาท หญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่างั้นเพื่อเป็นการป้องกันบุคคลแอบอ้างหรือสวมรอยให้ตนรีบไปที่หน้าตู้เอทีเอ็มภายใน 15 นาที เพื่อทำรายการป้องกันการสวมรอย จึงหลงเชื่อทำรายการเป็นภาษาอังกฤษทั้ง 2 ธนาคาร หลังจากนั้นเมื่อไปเช็กยอดเงินที่ธนาคารปรากฦฏว่าเงินในบัญชีหายไปเกลี้ยง

พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และอาชญากรรมข้ามชาติ กล่าวว่าขบวนการนี้ถือว่าเป็นขบวนการที่ใหญ่มาก เบื้องต้นมีเหยื่อที่ถูกหลอกกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหาย เป็นพันล้านบาท โดยพฤติกรรมแก๊งนี้จะซุ่มโทร.ประมาณ 100 สายต่อวัน ซึ่งจะหลอกเหยื่อได้สำเร็จ 3-10 ราย ได้เงินประมาณ 7-9 แสนบาท

"ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังเรื่องการทำบัญชีทางการเงินต่างๆ ให้ติดต่อธนาคารโดยตรง ไม่ต้องกลัวถ้า ธนาคารโทรมาบอกว่าเป็นหนี้ ให้ตัดสายทิ้งเลย ค่อยไปติดต่อทีหลัง"พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวฝากทิ้งท้าย

แก๊งมหาภัยแก๊งนี้ ทำงานกันเป็นทีม หลอกลวงเหยื่อให้ติดกับ ด้วยการสุ่มโทรศัพท์ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท อย่าได้ทำตามคำบอกเล่าของต้นสาย เที่ยวสงกรานต์ปีนี้ จะปลอดภัยจากบรรดาแก๊งต้มตุ๋น 18 มงกุฏทุกรูปแบบ หากเรา รู้เท่าทัน และทราบถึงกลวิธีหลอกลวงเหยื่อของพวกมัน!!
นายอาเช็ค ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าใหญ่
นายอาเช็ค ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าใหญ่
ห้องเช่าในอาคารที่ทำการในประเทศจีน
ภาพพล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ประสานตำรวจจีนบุกเข้าไปจับกุมแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้
อุปกรร์ที่แก๊งต้มตุ๋นใช้ในการโทรศัพท์ข้ามประเทศหลอกเหยื่อ
พล.ต.ต.ปัญญา ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา
กำลังโหลดความคิดเห็น