“เสรีพิศุทธ์” เก็บตัวเงียบหลัง “หมัก” ปลดออก!!

"เสรีพิศุทธ์” เก็บตัวเงียบไม่มาทำงานตามปกติ ยกเลิกงานกะทันหัน อ้างติดภารกิจ หลังถูกปลดออกจากตำแหน่ง ขณะที่บรรยากาศหน้าห้องยังคงวังเวง ด้าน “พัชรวาท” ยังเดินหน้าทำงานเตรียมของบสร้าง และปรับปรุงสถานีตำรวจอายุกว่า 30-40 ปี ใหม่ ปฏิเสธตอบเป็นตัวเก็งนั่ง ผบ.ตร.โบ้ยให้สื่อตอบแทน ส่วน “วัชรพล” ระบุ ประชุม ก.ต.ช.11 เม.ย.บ่ายสามโมงครึ่ง ย้ำ เป็นอำนาจนายกฯผู้เดียวเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ได้ ที่ประชุม ก.ต.ช.มีหน้าที่อนุมัติเท่านั้น

วันนี้ (9 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหลัง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 71/2551 ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงข้อกล่าวหาวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติมอีก 4 ประเด็น และมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 73/2551 ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากราชการไว้ก่อน นั้น เรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าข้าราชการตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ยังคงมานั่งที่ห้องสำนักงานชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกวันแต่ในวันนี้ (9 เม.ย.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้เดินทางมาเหมือนปกติ ขณะที่บรรยากาศในสำนักงานยังเงียบเหงา มีเจ้าหน้าที่มาทำงานไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ยกเลิกภารกิจ เป็นประธานการประชุมศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรมที่มีกำหนดเวลา 08.30-12.00 น.วันนี้ (9 เม.ย.) ที่ห้องอยุธยา โรงแรมเซนจูรี่พาร์ค อย่างกะทันหันด้วย โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจ

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณว่า งบประมาณในปี 2552 เน้นงบประมาณลงไปที่สถานีตำรวจ โดยกำหนดว่าที่ตั้งสถานีตำรวจที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ซึ่งมี 122 แห่ง จะของบให้สร้างใหม่ทั้งหมด ขณะที่กลุ่มสถานีตำรวจที่มีอายุ 30-40 ปี สำรวจพบว่ามี 437 แห่ง ก็กำหนดว่าจะของบมาปรับปรุงสร้างใหม่ในปีถัดไป อย่างไรก็ตาม งบประมาณที่เน้นลงไปในสถานีตำรวจเชื่อว่าจะทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติ ตร.มีแผนจะกำหนดให้สถานีตำรวจบริหารงบเอง

เมื่อถามถึงการมอบหมายลักษณะงานหน้าที่รับผิดชอบของรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) มีมติให้แบ่งลักษณะงานใหม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า รอให้มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย นายพลตำรวจเสียก่อน แล้วค่อยแบ่งงานใหม่ในคราวเดียว ซึ่งการประชุม ก.ตร.ในวาระเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจจะมีขึ้นในวันที่ 17 เมษายนนี้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติก็น่าจะมีขึ้นในวันที่ 11 เมษายนนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีถูกคาดการณ์ว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ตอบคำถาม ส่วนคำถามที่ว่านายกรัฐมนตรีได้ทาบทามไว้แล้วหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า คงตอบไม่ได้เหมือนกัน เมื่อถามว่าเกรงว่าจะมีปัญหาในการทำงานหรือไม่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นตำรวจขึ้นมาถึงระดับนี้ต้องพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันเมื่อถามว่าส่วนตัวพร้อมที่จะรับตำแหน่ง ผบ.ตร.เต็มตัวหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ต้องถามผู้สื่อข่าวว่าตนจะพร้อมหรือไม่

ด้าน พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะเลขานุการ ก.ต.ช.กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือเชิญประชุม ก.ต.ช.ไปแล้ว กำหนดวันที่ 11 เมษายน เวลา 15.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นวาระทั่วไปส่วนจะมีวาระเสนอตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า นายกรัฐมนตรี จะเสนอต่อ ก.ต.ช.หรือไม่ เพราะเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะเสนอชื่อ ผู้มารับตำแหน่ง ผบ.ตร.และให้ ก.ต.ช.มีมติอนุมัติ

พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวด้วยว่า ตามขั้นตอนกฎหมายหากมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อน ก.ต.ช.ก็สามารถดำเนินการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ได้เลย ถือว่าคำสั่งให้ออกจากราชการมีผลแล้ว ซึ่งตามกฎหมายก็ต้องเสนอโปรดเกล้าฯ โดยหลังจากนี้ ก็ต้องเสนอโปรดเกล้าฯให้ ผบ.ตร.คนก่อนออกจากตำแหน่ง และเสนอโปรดเกล้าฯตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ เพื่อให้สมบูรณ์ครบถ้วนตามกฎหมาย โดยสามารถเสนอโปรดเกล้าฯไปพร้อมๆ กันก็ได้ หรือไม่พร้อมกันก็ได้