โฆษก ตร.เผย ผลสอบคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย 26 คำสั่ง เป็นการกระทำที่ข้ามขั้นตอน และอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชี้ อาจต้องยกกลับไปอยู่ที่เดิมเพื่อแก้ปัญหาให้รวดเร็วขึ้น
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) และหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้อง 26 คำสั่ง ซึ่งมีข้าราชการตำรวจเกี่ยวพันถึงกว่า 7,000 นาย ว่า คณะทำงานของ ตร.ได้มีข้อสรุปไปแล้ว มีความเห็นว่าเป็นการดำเนินการของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีการพิจารณาเพิ่มตำแหน่งใน กองบังคับการในสังกัด บช.ก.และ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ที่ไม่ใช่การกำหนดตำแหน่งประจำในกองบังคับการในลักษณะหน่วยงานภายใน แต่เป็นมติก.ตร.ที่ตั้งส่วนราชการขึ้นมาใหม่เลย ซึ่งตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ระดับที่ต่ำกว่ากองบัญชาการ ต้องทำเป็นกฎกระทรวง เสียก่อน
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า การออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายทั้ง 26 คำสั่งนี้ จึงต้องแก้กฎหมาย กำหนดหน่วยงานในกฎกระทรวงให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนจึงจะดำเนินการแต่งตั้งได้ แต่การแต่งตั้งทั้ง 26 คำสั่งนี้ยังไม่มีการแก้กฎหมายเพิ่มหน่วยงานในกฎกระทรวงให้ครบถ้วน ถือว่าเป็นการกระทำที่ก้าวข้ามขั้นตอน ซึ่งอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยในกรณีนี้กระบวนการของก.ตร.ที่กำหนดหน่วยงานนั้นถูกต้องแล้ว แต่เกิดปัญหาหลังจากออกจาก ก.ตร.แล้วมาแต่งตั้ง
“ผลจากการแต่งตั้งนี้มีตำรวจหลายพันนายเข้าไปเกี่ยวข้องจนเกิดปัญหา ทั้งแง่การปฏิบัติหน้าที่ ที่บางตำแหน่งไม่มีกฎหมายรองรับ เรื่องสิทธิประโยชน์ผู้ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งคณะทำงานได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาคำสั่งเหล่านี้ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และให้ตำรวจสามารถอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนได้ดีที่สุด อาจต้องยกกลับไปอยู่บ้านเดิมที่มีอยู่แล้ว บ้านเดิมที่กฎหมายให้ไว้ เพราะมีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้วเพื่อให้แก้ปัญหารวดเร็ว” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ทั้งนี้ ต้องรอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนผบ.ตร.ตัดสินใจเสียก่อน และจากนั้นต้องให้ ก.ตร.พิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่หรือควรแก้ไขอย่างไร รวมทั้งต้องให้ก.ตร.ใช้อำนาจที่เหนือกว่า ตร.ในการแก้ปัญหา เพราะการแต่งตั้งทั้ง26คำสั่งผ่านไปแล้วเกี่ยวพันเรื่องเลขตำแหน่ง เลื่อนตำแหน่งขยัยย้ายจำนวนมาก ซึ่งเกินอำนาจของ ตร.จะแก้ไขเองได้
โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ผลสรุปข้อเสนอแนะของคณะทำงานของตร.นั้น หากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องการข้อมูลไปก็มีอำนาจร้องขอได้
พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ได้แบ่งหน้างานรับผิดชอบของรองผบ.ตร.และผู้ช่วยผบ.ตร.จาก 6 ด้านเหลือ 4 ด้านคือ บริการ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ความมั่นคงและกิจการพิเศษ และสืบสวนสอบสวนและกฎหมาย ก.ต.ช.ได้ให้อำนาจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนผบ.ตร.ในการจัดแบ่งสัดส่วนรองผบ.ตร.ที่ดำรงตำหน่งฝ่ายต่างๆตามความเหมาะสม รวมทั้งการกำหนดหน้าที่การงานให้รองผบ.ตร.และผู้ช่วยแต่ละท่านใหม่ด้วย ซึ่งจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้
ส่วนการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสารวัตรสืบสวนปราบปรามในสถานีตำรวจนั้น โฆษกตร. กล่าวว่า ที่ประชมก.ต.ช.ไม่มีการพูดถึง ซึ่งผ่านมางานสารวัตรสืบสวนปราบปรามก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหามากแต่เรื่องนี้ตร.ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมให้สอดคล้อง ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าจะเปลี่ยนเป็นตำแหน่งสารวัตรด้านชุมชนสัมพันธ์ ซึ่งยังไม่ชัดเจนยังเป็นแค่ข่าว แต่ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ เพราะตร.มีนโยบายให้ตำรวจเข้าหาชุมชนมากขึ้น มีหลายโครงการรองรับแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตามขณะที่ตร.มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโรงพัก ซึ่งงานมวลชนสัมพันธ์นั้น ตร.ก็อยากจะเน้น ขึ้นมา แต่ยังไม่มีคนรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งหากตร.ตัดสินใจเน้นงานชุมชนสัมพันธ์จริงก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตั้งงบฯขึ้นมารองรับด้วย การตั้งงบประมาณปี 2552 ก็ไม่มีโครงการจะสร้างอะไรใหญ่โต แต่ให้งบฯลงไปที่โรงพัก ขณะที่งบฯที่ตร.เคยดึงจากหลายกองบัญชาการมาสร้างกองบัญชาการแห่งใหม่ แต่หลังจากชะลอโครงการก็คืนหน่วยหมดแล้ว