ไอเอ็นเอ็น 16.45 น.
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย 26 คำสั่งที่มีปัญหา โดยมี พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกำลังพล พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ ผู้บังคับการกองกำลังพล ฯลฯ ร่วมประชุมโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์แล้วว่าคำสั่งแต่งตั้งทั้ง 26 คำสั่งนั้น ดำเนินการลัดขั้นตอนกฎหมาย ทำให้คำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องให้ทุกอย่างกลับไปที่เดิม โดยที่ประชุมได้เสนอแนวทางแก้ไข ออกมาเป็นแนวทางเดียวเท่านั้นคือ ให้ยกเลิกคำสั่งและให้ที่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งตาม 26 คำสั่งนี้ กลับไปตำแหน่งเดิมก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งเดิมเป็น ผกก.1.ป.ย้ายเป็น ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการ 10 ก็ให้กลับเป็น ผกก. 1.ป. เหมือนเดิม
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า จากคำสั่งทั้งหมด คัดออกมาพบว่ามีข้าราชการตำรวจที่ได้ตำแหน่งเลื่อนขึ้น 364 คน โดยแบ่งเป็นตำแหน่งผู้กำกับการ 30 นาย รองผกก. 90 นาย และสารวัตร 244 นาย ส่วนใหญ่ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าได้รับสิทธิ์ให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะรักษาสิทธิ์ให้ เป็นผกก.แล้วก็ถือว่าเป็นไปเลย แต่จะต้องปรับเปลี่ยนไปตำแหน่งอื่นๆ แทน
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า คณะทำงานได้เสนอให้กำหนดเป็นตำแหน่งประจำกองบังคับการ โดยต้องขออนุมัติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนดตำแหน่งประจำขึ้นใหม่ทั้ง 364 ตำแหน่ง ยกตัวอย่างกองบังคับการปราบปรามที่ถูกแบ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการ1-10 มี ผกก.10 ตำแหน่ง เมื่อแก้ไขและกำหนดตำแหน่งใหม่จะเป็นมี ผกก.เดิมที่มีอยู่แล้ว 6 ตำแหน่ง และเพิ่มตำแหน่งผกก.ประจำอีก 4 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามการกำหนดตำแหน่งประจำและพิจารณาแต่งตั้งลงในส่วนนี้ ได้เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยรักษาราชการแทน ผบ.ตร.และผู้บัญชาการหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยมาพิจารณาแต่งตั้งบรรเทาความเสียหายให้ ขณะเดียวกันตนจะเป็นประธานคณะกรรมการอีกชุดพิจารณาผลกระทบด้านบุคลากร
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า แนวทางข้อเสนอแนะจากที่ประชุมวันนี้ทั้งหมด จะเสนอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร.พิจารณา และนำเข้าก.ตร.เพื่อพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง หาก ก.ตร.เห็นชอบตามนี้จึงจะดำเนินการต่อไปได้ โดยจะทำโดยเร็วที่สุดนำเข้าก.ตร.ครั้งต่อไปซึ่งคงภายใน1-2 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งตาม 26 คำสั่ง ขณะนี้ถือว่ายังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไปก่อน จนกว่าจะมีการดำเนินการแก้ไขจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นรูปธรรม
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า ขั้นต่อไปเมื่อแก้ปัญหาคำสั่งเหล่านี้ แต่งตั้งให้ตำรวจทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะพิจารณาปรับแก้กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ให้สอดคล้อง ซึ่งจะทำไปพร้อมๆ กับการปรับแก้ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการฯ (โครงสร้าง ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยเสนอแก้ไขไปก่อนหน้านี้ แล้วเรื่องไปอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่าจะมีการส่งเรื่องกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาในเร็วๆ นี้ และหากเป็นเช่นนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องนำกลับมาทบทวนและเสนอแก้ไขโครงสร้างกันอีกครั้งให้เหมาะสม โดยจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎกระทรวงฯที่ต้องเพิ่มฝ่ายปฏิบัติการ ต่างๆ ลงไปในโครงสร้าง บช.ก.ด้วย เพื่อจะได้แต่งตั้งคนลงไปทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของ ก.ตร.ว่าจะเห็นด้วยตามที่เสนอหรือไม่
นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) แต่เดิมที่ได้เลื่อนมาในวันที่ 11 เมษายน 2551 จะเลื่อนออกไปก่อน โดยยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย 26 คำสั่งที่มีปัญหา โดยมี พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกำลังพล พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ ผู้บังคับการกองกำลังพล ฯลฯ ร่วมประชุมโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์แล้วว่าคำสั่งแต่งตั้งทั้ง 26 คำสั่งนั้น ดำเนินการลัดขั้นตอนกฎหมาย ทำให้คำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องให้ทุกอย่างกลับไปที่เดิม โดยที่ประชุมได้เสนอแนวทางแก้ไข ออกมาเป็นแนวทางเดียวเท่านั้นคือ ให้ยกเลิกคำสั่งและให้ที่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งตาม 26 คำสั่งนี้ กลับไปตำแหน่งเดิมก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งเดิมเป็น ผกก.1.ป.ย้ายเป็น ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการ 10 ก็ให้กลับเป็น ผกก. 1.ป. เหมือนเดิม
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า จากคำสั่งทั้งหมด คัดออกมาพบว่ามีข้าราชการตำรวจที่ได้ตำแหน่งเลื่อนขึ้น 364 คน โดยแบ่งเป็นตำแหน่งผู้กำกับการ 30 นาย รองผกก. 90 นาย และสารวัตร 244 นาย ส่วนใหญ่ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าได้รับสิทธิ์ให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะรักษาสิทธิ์ให้ เป็นผกก.แล้วก็ถือว่าเป็นไปเลย แต่จะต้องปรับเปลี่ยนไปตำแหน่งอื่นๆ แทน
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า คณะทำงานได้เสนอให้กำหนดเป็นตำแหน่งประจำกองบังคับการ โดยต้องขออนุมัติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนดตำแหน่งประจำขึ้นใหม่ทั้ง 364 ตำแหน่ง ยกตัวอย่างกองบังคับการปราบปรามที่ถูกแบ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการ1-10 มี ผกก.10 ตำแหน่ง เมื่อแก้ไขและกำหนดตำแหน่งใหม่จะเป็นมี ผกก.เดิมที่มีอยู่แล้ว 6 ตำแหน่ง และเพิ่มตำแหน่งผกก.ประจำอีก 4 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามการกำหนดตำแหน่งประจำและพิจารณาแต่งตั้งลงในส่วนนี้ ได้เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยรักษาราชการแทน ผบ.ตร.และผู้บัญชาการหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยมาพิจารณาแต่งตั้งบรรเทาความเสียหายให้ ขณะเดียวกันตนจะเป็นประธานคณะกรรมการอีกชุดพิจารณาผลกระทบด้านบุคลากร
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า แนวทางข้อเสนอแนะจากที่ประชุมวันนี้ทั้งหมด จะเสนอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร.พิจารณา และนำเข้าก.ตร.เพื่อพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง หาก ก.ตร.เห็นชอบตามนี้จึงจะดำเนินการต่อไปได้ โดยจะทำโดยเร็วที่สุดนำเข้าก.ตร.ครั้งต่อไปซึ่งคงภายใน1-2 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งตาม 26 คำสั่ง ขณะนี้ถือว่ายังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไปก่อน จนกว่าจะมีการดำเนินการแก้ไขจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นรูปธรรม
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า ขั้นต่อไปเมื่อแก้ปัญหาคำสั่งเหล่านี้ แต่งตั้งให้ตำรวจทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะพิจารณาปรับแก้กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ให้สอดคล้อง ซึ่งจะทำไปพร้อมๆ กับการปรับแก้ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการฯ (โครงสร้าง ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยเสนอแก้ไขไปก่อนหน้านี้ แล้วเรื่องไปอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่าจะมีการส่งเรื่องกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาในเร็วๆ นี้ และหากเป็นเช่นนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องนำกลับมาทบทวนและเสนอแก้ไขโครงสร้างกันอีกครั้งให้เหมาะสม โดยจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎกระทรวงฯที่ต้องเพิ่มฝ่ายปฏิบัติการ ต่างๆ ลงไปในโครงสร้าง บช.ก.ด้วย เพื่อจะได้แต่งตั้งคนลงไปทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของ ก.ตร.ว่าจะเห็นด้วยตามที่เสนอหรือไม่
นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) แต่เดิมที่ได้เลื่อนมาในวันที่ 11 เมษายน 2551 จะเลื่อนออกไปก่อน โดยยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน
