สตช.ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบพร้อมอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กำหนด 2 มาตรการหลัก “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” คาดหวังยอดผู้เสียชีวิตไม่เกิน 330 คน
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองโฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. พล.ต.ต.พศิน นกสกุล ผบก.ทล. พล.ต.ต.วิษณุ ม่วงแพรสี ผบก.จร. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง ผบช.สต.ม. พล.ต.ต.เจษฎา อำนาจสถิตย์ ผบก.กองบินตำรวจ ร่วมแถลงมาตรการดูความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกและการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์
พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ กล่าวถึงเรื่อง ว่าเทศกาลสงกรานต์เป็นเทศกาลที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวต่างจังหวัดกันจำนวนมาก จึงได้ร่วมกันกำหนด 2 มาตรการหลัก “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” คือ มาตรการป้องกันปราบปรามกวาดล้างอาชญากรรม และมาตรการอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์
พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ กล่าวถึงมาตรการป้องกันปราบปรามกวาดล้างอาชญากรรมว่า ได้ให้ บช.น.ภ.1-9 และบช.ก. เป็นหน่วยงานหลักในการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมในระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. มีหน่วยบช.ปส. บช.ส. สตม. บช.ตชด. สนว.ตร.และ พธ. เป็นหน่วยร่วมสนับสนุน ในการระดมข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ให้มากที่สุด อีกทั้งระดมการตั้งจุดตรวจค้นทั้งกลางวันและกลางคืน เน้นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ โดยเฉพาะการปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ตลอดจนกวดขันสถานบริการตามมาตรการจัดระเบียบสังคมโดยเน้นให้หัวหน้าสถานีพร้อมทั้งผู้บังคับบัญชา เข้าไปกวดขันอำนวยการปฏิบัติด้วยตนเอง
สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า ทาง ตร.ได้จัดให้มีการป้องกัน โดยเน้นจุดหลัก 6 ประการ คือ 1.การรณรงค์ให้บังเกิดผลในการลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางถนนของแต่ละจังหวัด ให้น้อยลงกว่าปีที่แล้ว 2.กำหนดห้วงเวลาปฏิบัติการตามมาตรการระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. รวม 7 วันว่า “7 วันอันตราย” 3.เข้มงวดกวดขันด้านการบังคับใช้กฎหมายเป็นสำคัญ โดยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันจับกุมผู้กระทำผิดตามมาตรการ “9 ข้อหาหลัก” คือ ขับรถจักรยานโดยไม่สวมหมวกกันนิรภัย ขับรถจักรยานยนต์ที่มีอุปกรณ์ไม่ครบถ้วน ขับรถขณะเมาสุรา ขับรถยนต์โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ขับรถแซงในที่คับขันหรือเขตปลอดภัย และขับรถย้อนศร
4.เน้นตั้งจุดตรวจในพื้นที่และช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะบริเวณแยกสำคัญ และจุดอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย 5.กวดขัน สอดส่อง การขายสุรา พฤตกรรมการเล่นสาดน้ำเกินขอบเขต ตลอดจกวดขันรถบรรทุกที่บรรทุกผู้โดยสารในกระบะท้ายรถจำนวนมากที่อาจเกิดอันตรายได้ง่าย 6.จัดตั้งและเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ทั้งในระดับ ตร. บช.น. บช.ก. ภ1-9 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้าน พล.ต.ต.พศิน นกสกุล ผบก.ทล. กล่าวถึงเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงสงกรานต์ว่า สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงรับผิดชอบในการอำนวยความสะดวกในด้านการจราจร และก็ป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนทางหลวงทั้งหมด ซึ่งปีนี้ทางรัฐบาลไม่ได้กำหนดเป้าหมายว่าจะให้ลดลงเท่าใด แต่ว่าโดยหลักการก็คือต้องไม่ให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นเลย หรือหากจะเกิดขึ้นก็ต้องให้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา คือให้ลดลงไป 10 เปอร์เซ็นต์ ให้มียอดผู้เสียชีวิตไม่เกิน 330 คน ส่วนมาตรการในการดำเนินการ ก็ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องบุคลากร ตำรวจทางหลวงในช่วงเทศกาลห้ามมีการลา ห้ามหยุด ยกเว้นแต่กรณีที่ป่วยจริง เพราะต้องระดมกำลังทั้งกำลังพล รถยนต์ รถกู้ภัย รถยกต่างๆ ซึ่งในช่วงเทศกาลจะมีปัญหาเรื่องการเดินทาง 8-10 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือการจราจรจะหนาแน่นมาก และเคลื่อนตัวเป็นช่วงๆ
พล.ต.ต.พศิน กล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็เลยวางแผนให้มีการเปิดช่องทางพิเศษ 4 จุดใหญ่ๆเพื่อไม่ให้เกิดการติดขัดขึ้น คือ ช่องทางต่างระดับสระบุรี กม.106-107 จุดแก่งคอย กม.125-153 สายเอเชียช่วงสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และทานส้เน 304 กบินค์บุรีจะขึ้นวังน้ำเขียวจะไปปักธงชัย ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะเลี่ยงเข้าอีสานใต้.
พล.ต.ต.เจษฎา กล่าวว่า ในส่วนของกองบินตำรวจได้จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์ เพื่อใช้สนับสนุนภารกิจในการดูแลปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และเส้นทางหลวง โดยสั่งการไปยัง 21 หน่วยกองบินตำรวจทั่วประเทศให้เตรียมความพร้อมที่ตั้ง โดยเฉพาะในกรุงเทพได้จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กสำหรับสนับสนุนตำรวจทางหลวงดูแลจราจร โดยในปีนี้ได้มีการจัดเฮลิคอปเตอร์ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างครบถ้วนร่วมศูนย์ส่งกลับ ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติร้ายแรงเนื่องจากบางจุดการจราจรติดขัด การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บอาจไม่ทันการ โดยมีเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ ประจำที่ด่านทับขวาง จ.สระบุรี และอีกลำดูแลเส้นทาง กทม.-นครสวรรค์ ส่วนเส้นทางตะวันตกและสายใต้จะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาลกรุงเทพที่จะช่วยสนับสนุน