xs
xsm
sm
md
lg

สงครามจัดระเบียบสังคม สั่งปิดชีวิตคนเมืองเชียงใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตอนนี้เวลาจะ 5 ทุ่มแล้ว ที่ถนนนิมนานเหมินทร์รถยังแล่นผ่านไปมา เริ่มดึกก็เริ่มคึกคัก ถนนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่ง ชีวิตคนกลางคืนกำลังจะเริ่มขึ้น คำนวณจากปริมาณขนลุกคาดว่า อุณหภูมิเวลานี้ที่ตัวเมืองเชียงใหม่คงอยู่ที่ประมาณ 25 อาศงกำลังเหมาะ ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป

อากาศกำลังดี เวลายามราตรีอย่างนี้หนุ่มสาวที่สภาพหัวใจยังแข็งแรงดีย่อมรู้ว่า จำนวนแหล่งแฮงค์เอ้าท์ ในเมืองเชียงใหม่ มีมากมายหลากหลายแนวขนาด มีทั้งสายดริงค์ สายแดนซ์ ผับชิลล์ๆ ผับคูลล์ๆ ผับนั่ง ผับนอน?? ที่เปิดพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

แต่จากที่รัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบสังคมเมืองเชียงใหม่ และสั่งให้ปิดสถานบันเทิงไปกว่า 10 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านสายดริงค์หรือสายแดนซ์ ก็โดนสั่งปิดกันเป็นทิวแถว เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการสถานบริการรวมไปถึงพนักงานในหลายหน้าที่ ตลอดจนนักร้อง-นักดนตรี และนักแสดงโชว์ประเภทต่างๆ ได้รับความเดือดร้อนทั่วหน้า

นโยบายใหม่ที่ให้สถานบันเทิงส่วนมากในเชียงใหม่ปิดเวลาเที่ยงคืนเป็นของใคร ทำไมต้องมีนโยบายใหม่นี้ แล้วทำไมต้องเป็นสถานบันเทิงในเชียงใหม่ที่ถูกสั่งปิด ?

ในส่วนของนโยบายเป็นการดำเนินการตามภารกิจหลักของหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีการเน้นกำชับอย่างเข้มงวดหลังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมรับนโยบายและให้จังหวัดเชียงใหม่เร่งรัดการดำเนินการเพื่อความชัดเจนในระยะเร่งด่วน เช่น กรณีการจัดระเบียบสังคม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย .ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้มอบให้แต่ละจังหวัดจัดระเบียบสังคมอย่างเข้มงวด ไม่ให้เกิดปัญหาเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องและละเลยการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยต่อจากนี้ในระยะ 3 เดือนต้องเห็นผลคือ ฝ่ายปกครองต้องทำงานประสานร่วมกับตำรวจ โดยพื้นที่ใดเกิดปัญหาขึ้น 5 เสือของสถานีตำรวจตั้งแต่ผู้กำกับลงมา ต้องรับผิดชอบ พร้อมกันนี้ฝ่ายปกครอง 2 สิงห์ตั้งแต่นายอำเภอและปลัดอำเภออาวุโสต้องโดนด้วย

ปิดสถานบันเทิง เข้มงวด กวดขัน
ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการโดยมี วิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานนั้น ที่ประชุมได้รับข้อสั่งการและกำชับเพื่อการปฏิบัติในทิศทางเดียวกันคือ การรองรับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ได้ประกาศต่อรัฐสภาเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา โดยทางสำนักงานจังหวัดได้มีการจัดทำเอกสารนโยบายสำคัญที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อดำเนินการในระยะ 1 ปีแจกจ่ายแก่หัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมประชุม โดยมีเนื้อหาหลัก 19 ข้อเร่งด่วน

วิบูลย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ส่วนราชการได้พิจารณาแผนงานและโครงการที่รับผิดชอบในปีงบประมาณ 2551 ที่แม้ว่าจะต้องคงไว้ซึ่งแนวการปฏิบัติที่สอดรับยุทธศาสตร์จังหวัดทั้ง 4 ด้านหลักแล้ว ยังต้องดูแนวนโยบายรัฐบาลด้วย เพื่อให้สอดคล้องกัน ซึ่งทางสำนักงานจังหวัดได้ย้ำว่า ภายในกลางเดือนมีนาคมนี้จะมีการประชุมร่วมกับฝ่ายการเมืองเพื่อปรับแนวทางแผนงานต่างๆ ให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งบางโครงการและแผนงานก็ต้องปรับทบทวนใหม่ โดยขอให้ทุกส่วนงานได้พิจารณาเพื่อดำเนินการกำหนดแนวของบประมาณใหม่ตามนโยบายต่อไป

อย่างไรก็ตามในเรื่องจัดระเบียบสังคมทางเชียงใหม่ในการดูแล โดยไพโรจน์ แสงภู่วงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะที่กำกับดูแลงานด้านนี้ บอกว่า ที่ผ่านมาได้มีการทำงานประสานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง มีการออกตรวจสุ่มดูเพื่อไม่ให้กระทำผิดกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนไม่เลือกปฏิบัติ พบว่ามีสถานบันเทิงจำนวนมากทำผิด ล่าสุดเดือนนี้ลงนามปิดแล้ว 5 แห่งและกำลังรอพิจารณาอีกหลายสิบแห่ง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไม่สนใจทำตามกฎหมายมีมาก

ชุมพร แสงมณี ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องนี้ว่า ทางนโยบายที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการล่าสุดก็ไม่ได้แตกต่างจากนโยบายเดิมที่จังหวัดได้สั่งการเข้มงวดอยู่แล้ว แต่ก็ได้ย้ำกับผู้เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติให้เกิดผลอย่างแท้จริง นอกจากสถานบริการแล้วก็จะมีเรื่องตู้เกมส์ ล็อตโต้ ตู้ม้า ก็ต้องจัดระเบียบ ซึ่งตอนนี้ก็ลงพื้นที่ตรวจสอบตลอดก็ยังพบผิดอยู่ ฉะนั้นเมื่อกระทรวงกำหนดระยะดำเนินการใน 3 เดือนนี้ให้ชัดเจนเป็นผลรูปธรรมก็ต้องเพิ่มความเข้มข้นของการใส่ใจอย่างเต็มที่ ส่วนอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่และผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติได้ดีอยู่แล้วก็ให้ทำให้ดีต่อไป

ในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดยังกำชับติดตลกด้วยว่า หัวหน้าส่วนราชการรายใดประกอบกิจการลักษณะดังกล่าวอยู่ก็ขอให้คำนึงความถูกต้องเพราะ มท.1 ย้ำว่างานนี้ห้ามมีอ้างว่า ผู้ใหญ่สั่งมา หากมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องลงโทษอย่างเท่าเทียมกันและอาจจะเจอหนักกว่าด้วย ส่วนคนที่ชอบเที่ยวเมื่อทราบว่า สถานบริการใดทำผิดกฎหมายก็ไม่ควรไปเที่ยวหรือสนับสนุน ขอให้ยึดกติกาทางกฎหมายร่วมกันที่สำคัญต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนอย่างสม่ำเสมอไม่โน้มเอียง

สำหรับสถานบันเทิงที่ปิดไปแล้วประกอบด้วยร้านตำนานโฟล์ค ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง เป็นเวลา 60 วัน ร้านบอสซี่ ในหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จำนวน 60 วัน ร้านบางแสน ติดริมน้ำปิง ถนนเจริญราษฏร์ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง ปิดจำนวน 30 วัน ร้านเรา ในหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง ปิดจำนวน 30 วัน ร้านปลิ้น ด้านล่างอาคารไอคอน ปิดจำนวน 30 วัน ร้าน WIT CLUB ในหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง ปิดจำนวน 30 วัน

และนอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิงอีก 10 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ร้านธาราบาร์ ร้านซานต้า ร้านแมนดาเลย์ เดอะด๊าค เออเบิล เพลย์กราว กินรีคาราโอเกะ มอนโรคาราโอเกะ สวัสดีคาราโอเกะ ซากุระคาราโอเกะ และวีนัสคาราโอเกะ

เมื่อราตรีนี้อีกยาวไกล...
จะว่าไปแล้วทุกยุคทุกสมัยล้วนมีการเปลี่ยนแปลง เชียงใหม่สมัยก่อนก็ไม่พลุกพล่านแบบนี้ มันเงียบ มันน่ารัก ไม่ว่าแต่ละคนจะมีแนวทางการดำเนินชีวิตยามราตรีในลักษณะใด แต่สำหรับภาพรวมสำหรับถนนคนกลางคืนในเชียงใหม่นั้น หลายคนต่างยอมรับว่า ความเดือดร้อนของพวกเขานอกจากจะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่แต่อย่างใด แล้วยังกลับถูกมองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สังคมขาดระเบียบอีกด้วย

สันติ ปิติคาม อดีตประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ และกรรมการบริหาร BOSSY ENTERTAINMENT กล่าวถึงความเดือดร้อนตั้งแต่มีนโยบายจัดระเบียบสังคมเมืองเชียงใหม่ให้ฟังว่า ทุกวันนี้รัฐบาลปล่อยให้มีผู้ประกอบการมากจนเกินไปไม่มีการคุมกำเนิด ร้านที่เปิดกันโดยไม่มีใบอนุญาตเกิดขึ้นมากจนสังคมเดือดร้อน แล้วรัฐฯก็แก้ไขโดยการออกนโยบายจัดระเบียบสังคมออกมา

สันติมองว่า นโยบายการจัดระเบียบสังคมถือว่าดี แต่ว่ามันต้องมีความเสมอภาคกัน เพราะไม่เช่นนั้นสังคมก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วปัญหาจะเกิด และต้องยอมรับว่าเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว ดังนั้นจะต้องมีศักยภาพอะไรที่เหนือกว่าจังหวัดอื่นๆ ต้องมีความพิเศษอยู่ในตัวของมันเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องมาคิดด้วยว่า ความพิเศษของจังหวัดเรานั้นอยู่ตรงไหน

"บางคนมาเชียงใหม่เพราะชอบธรรมชาติ ชอบศิลปวัฒนธรรม แต่พอกลับเข้ามาที่ตัวเมืองก็มีแสงสีให้ท่องเที่ยว แต่กว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาจากชื่นชมธรรมชาติก็ 4-5 ทุ่ม แล้วสถานบันเทิงต้องปิดตี 1 พวกเขาก็รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป ฉะนั้นต้องทำให้ความพอดีเกิดขึ้นว่าแท้จริงแล้วทางอำเภอต้องการให้ทุกสถานบันเทิงปิดตี 1 หรือตี 2 และควรจะเทียบเท่ากันทั้งเมือง

"นโยบายของรัฐฯ และนโยบายของผู้ใหญ่แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางทีคำสั่งการจัดระเบียบสังคมมันก็เหมือนไฟไหม้ฟาง ผักชีโรยหน้า เอาใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พวกผู้ว่าฯ เขาก็ต้องทำผลงานให้เข้าตากรรมการเพื่อจะได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ต่อไปได้ อย่างสถานบันเทิงในภูเก็ต พัทยา สมุย เขาก็เปิดยันสว่าง มีแต่ที่นี่นั่นแหละที่แสดงถึงอำนาจว่าสามารถสั่งปิดสถานบันเทิงได้ 10 - 20 ที่" อดีตประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ เล่าให้ฟัง

ต้องยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า การเข้ามาของนักท่องเที่ยว ย่อมส่งผลดีต่อผู้ประกอบการสถานบันเทิงทั้งบาร์เบียร์ ผับ ร้านอาหาร โดยแต่ละคืนมีนักท่องเที่ยวเข้าไปดื่ม รับประทานอาหาร ตลอดจนดูโชว์ในเมืองเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ธุรกิจภาคกลางคืนในเชียงใหม่ ถือว่าสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากมายมหาศาล และนอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่คึกคักยังส่งผลดีต่อกลุ่มรถตุ๊กตุ๊กรับจ้าง รถมอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่กลุ่มแท็กซี่ต่างได้รับประโยชน์เช่นกัน

"พวกเราในนามชมรมผู้ประกอบการสถานบริการจังหวัดเชียงใหม่ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของภาครัฐฯ รวมไปถึงพนักงาน-นักดนตรี-นักแสดงตลกฯลฯ ล้วนต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันโดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่เข้ามาศึกษาในตัวจังหวัด และทำงานในสถานบันเทิงเพื่อเลี้ยงชีพดังนั้นการสั่งปิดร้านจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดแน่นอน

"ทุกครั้งที่รัฐฯมีนโยบายจัดระเบียบเกี่ยวกับเด็กและยาเสพติด สถานบริการส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือด้วยดี จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ลักลอบกระทำความผิด และสถานบริการเหล่านั้นมักแอบอ้างชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและนักการเมืองท้องถิ่นเพื่อกระทำผิด และความผิดส่วนใหญ่ล้วนเป็นความผิดในข้อหาเปิดเกินเวลา และจำหน่ายสุรา ทั้งที่บทลงโทษรุนแรง แต่ก็ยอมรับว่ามีสถานบริการบางแห่งยังฝ่าฝืน ทั้งนี้เนื่องมาจากกระทำเพื่อความอยู่รอดของกิจการและพนักงาน" สันติกล่าว


ทางด้าน หนุ่ม (นามสมมติ) ผู้ประกอบการร้านอาหารและสถานบันเทิง ที่ถูกสั่งปิดจำนวน 30 วัน เปิดเผยให้ฟังว่า เมื่อก่อนทางร้านส่งเงินให้หน่วยงานของรัฐเป็นจำนวนมาก โดยเสียเป็นรายเดือนรวมๆ แล้วก็หลายหมื่นบาท เวลาเทศบาลมีงานอะไรร้านก็เข้าไปช่วยเหลือหลายต่อหลายครั้ง

"ผมก็เข้าใจจุดที่เขายืนนะว่า ถ้าสถานบริการใดปิดเกินตี 2 ถ้าโดนจับผมมองว่ามันก็น่าจะถูกต้อง โอเคเลยแต่ต้องทำให้เท่าเทียมกันทุกร้าน ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดี แต่ในกรณีนี้มันเกิดการเหลื่อมล้ำ ลำเอียง กรณีที่ทางภาครัฐฯจะเล่นงานสถานบันเทิงได้คือ ปิดเกินเวลา เปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต และกรณีมีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการ ซึ่งผมโดนจับใน 2 กรณีแรก แต่ตอนนั้นยังไม่มีนโยบายที่แน่นอน แต่ปกติจะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าประมาณตี 2

"วันที่มีการเข้ามาจับนั้นเวลาเพียงเที่ยงคืนครึ่งคนยังนั่งอยู่เต็มร้านเลย ถือว่าร้านผมซวย เพราะตั้งแต่เปิดมาผมไม่เคยปิดเกินตี 2 อยู่แล้ว ถ้าจะพูดกันจริงๆ หากจะไล่จับในกรณีแบบผมนั้นมันเยอะมาก แต่ผมว่าผับใหญ่ๆ อย่างนี้มีไม่ถึง 10 แห่งในเชียงใหม่จึงเป็นที่จับตามองก่อน ถ้าจะไปสั่งปิดร้านเล็กๆในเชียงใหม่ทั้งหมดเขาก็คงทำไม่ไหวหรอกพวกบาร์เบียร์ ยาดอง เหล้าตองเหล่านี้ นับกันจริงๆ น่าจะเป็นพันแห่งทั่วเมืองเชียงใหม่ และเป็นไปไม่ได้เลยที่ร้านพวกนั้นจะปิดตรงเวลาและมีใบอนุญาต"

"หลังจากนั้นทางร้านที่ถูกสั่งปิดจึงรวมตัวกันใส่ซองสนับสนุนขบวนรถบุปผชาติในงานไม้ดอกไม้ประดับไปเป็นจำนวนเงิน 120,000 บาท โดยมีร้านที่ไม่โดนสั่งปิดก็มาร่วมด้วยเพราะพวกเขาก็อยากให้ทางรัฐฯเพลาๆ มือลง แต่จะให้พวกเราทำยังไงได้คนไทยนิสัยชอบออกมาเที่ยวดึกๆ เพื่อหลีกเลี่ยงกลางวันที่แสนจะร้อนมันก็เลยต้องเปิดดึก

"วันที่โดนจับตำรวจสั่งปรับไป 12,000 เพราะผมยอมรับสารภาพ แต่อยู่ๆ ทางอำเภอสั่งปิดร้านผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ความจริงแล้วสถานบริการควรอยู่ในการควบคุมดูแลของใคร ผมจะได้ชัดเจนว่าควรจะจ่ายให้ทางไหน มีบางครั้งที่ผมจ่ายให้ตำรวจแต่ทางอำเภอไม่ยอม ทุกวันนี้เฉพาะเงินก็ต้องยัดไปให้มีถึง 7-8 หน่วยงานที่รับๆ กันอยู่

"ความเดือดร้อนสำหรับร้านผมมันก็ระดับหนึ่ง แต่เวลานี้เด็กในร้านก็ต้องตกงาน เราจำเป็นต้องให้คนงานออก แต่พวกเขาน่ารักตรงที่ว่าใครที่พอมีเงินเก็บมากหน่อยก็จะอาสาเป็นคนออกไปก่อน บางคนที่เดือดร้อนผมก็ให้เวียนวนกันมาทำงานเช็ดโต๊ะ ขัดพื้นไปก่อน เป็นการพยุงเด็กๆ ในร้านไปด้วย แต่ถ้าใครไม่เดือดร้อนจริงๆ ก็ให้เขาหยุดอยู่บ้าน หรือเรียนหนังสือไปก่อน นี่แค่ร้านผมนะยังเยอะเลย แล้วถ้ารวมกันทุกร้านที่ถูกสั่งปิด ก็ไม่รู้มากมายเท่าไหร่ "หนุ่ม เล่าให้ฟัง

ย่ำราตรีกับคำให้การของเด็กแนวตกงาน
นักศึกษาผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งกับนโยบายของภาครัฐระบุว่าการจัดระเบียบสังคมถือเป็นการแก้ปัญหาผิดจุด เมื่อภาครัฐฯ มองว่าการสั่งปิดสถานบันเทิงจะสามารถแก้ปัญหาสังคมได้ เวลานี้กลุ่มนักศึกษาที่เคยทำงานกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "อดตาย"

เพื่อควบคุมสถานบันเทิง และจัดระเบียบสังคมตามนโยบายของรัฐบาล ส้ม นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มีความเห็นว่า รัฐบาลต้องไม่ลืมหารายได้เสริมให้แก่นักศึกษาที่จะต้องตกงาน การทำงานในสถานบันเทิงเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาจำนวนมากแสวงหารายได้

"อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็คิดขึ้นมาแป๊บเดียวก็ตัดสินปัญหาแล้วว่าต้องปิดเพราะมันมีผลกระทบถึงคนที่ต้องทำงานในสถานบันเทิงเหล่านี้ อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ได้ไปปล้นใคร
พวกเราทำงานเพื่อแลกกับค่าจ้าง เพื่อเอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็น ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าเทอม ค่าหอพัก และมีบางคนที่มาจากต่างจังหวัดยังต้องส่งเสียรายได้ให้แก่ครอบครัวด้วย"

"ผู้ที่จะได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ ส่วนตัวคิดว่ามีเยอะมากนะ เพราะโดยเฉพาะนักศึกษาที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เขาต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เขาเรียนกลางวันก็ต้องทำงานเฉพาะตอนกลางคืน ลักษณะอย่างนี้ที่พวกเขาจะเดือดร้อนได้

ทางด้าน เอก นักศึกษาที่หารายได้โดยการรับจ้างเล่นดนตรีตามสถานบันเทิง แสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าวว่า

"ผมคิดว่าถ้าเราจะจัดการกับปัญหาเด็กที่ชอบเที่ยวจริง ๆ หรืออยากแก้ปัญหาสังคม ผมว่าเราก็ควรที่จะต้องช่วยกัน คนบางกลุ่มอาจจะต้องเสียสละมากขึ้น จริงๆ ก็น่าเห็นใจคนที่มีอาชีพกลางคืนนะครับ รัฐบาลคงต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้พวกเราด้วย ผมอยากให้รัฐบาลสนับสนุนคนที่จะได้รับผลกระทบให้เขามีรายได้ทางอื่นด้วย"

"ผมทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ตอนกลางคืนจะได้ค่าแรงคืนละ 200 บาท สำหรับทิปที่ได้จากนักท่องเที่ยว ไม่ต้องพูดถึง นับตั้งแต่มีการจัดระเบียบสังคมของรัฐ รายได้จากส่วนนี้ หดหายไปเป็นจำนวนครึ่งต่อครึ่ง จากเดิมที่เฉลี่ยต่อคืนจะได้ประมาณ 500-800 บาท แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" เอก กล่าว


แล้วจากนี้ไปใครจะเป็นผู้ให้งานใหม่และให้สวัสดิการทางสังคมแก่พนักงาน และนักศึกษาที่กำลังจะตกงานต่อจากนี้ ใครจะเป็นผู้ทดแทนค่าสวัสดิการทางสังคมแก่พนักงาน และนายจ้าง จะทำอย่างไรกับความเสียหายอันใหญ่หลวงนี้ ทางรอดและจุดร่วมของธุรกิจสถานบันเทิงในเชียงใหม่อยู่ตรงไหนกัน ?

**************

เรื่อง - นาตยา บุบผามาศ




กำลังโหลดความคิดเห็น