ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ประกอบการสถานบันเทิงเมืองพัทยานับ 1,000 รายลุกฮือร้องเมืองพัทยา-อดีต ส.ส.ชลบุรี หลังมหาดไทยเข้มสั่งปิดสถานบริการตามเวลา ชี้ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวรุนแรง พร้อมร่อนหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้องขอผ่อนผัน
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเขตเมืองพัทยาจำนวนกว่า 1,000 คน นำโดย นายบัณฑิต ศิริตันหยง ประธานชมรมสถานบันเทิงเมืองพัทยา ยกขบวนเดินทางเข้าพบ นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร นายกเมืองพัทยา นายอิทธิพล คุณปลื้ม ประธานที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา และนายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีต ส.ส.ชลบุรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังจากที่กระทรวงมหาดไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่ ซึ่งนำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ คุมเข้มเกี่ยวกับนโยบายการจัดระเบียบสังคมในสถานบันเทิงอย่างเข้มงวด ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวอย่างรุนแรง
นายบัณฑิต ศิริตันหยง ประธานชมรมสถานบันเทิงเมืองพัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาจากการที่ภาครัฐมีนโยบายการจัดระเบียบสังคม ซึ่งประกอบไปด้วย การป้องกันปัญหาเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี การป้องกันปัญหายาเสพติด การป้องกันปัญหาเกี่ยวกับอาวุธ และการโชว์ลามกอนาจารนั้น ผู้ประกอบการในพื้นที่เมืองพัทยาส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติและป้องกันมาเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสับเปลี่ยนรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ก็มักมีความเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง โดยเฉพาะความเข้มงวดเกี่ยวกับปัญหาของสถานบันเทิง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อเข้าพบหน่วยงานภาคท้องถิ่นในการเป็นตัวแทนเข้าร่วมเจรจากับภาครัฐ เพื่ออธิบายสภาพปัญหาและหาแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ทางด้านนายอิทธิพล คุณปลื้ม ประธานที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา กล่าวว่าสำหรับเมืองพัทยาแล้ว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละมหาศาล ซึ่งรายได้ดังกล่าวส่วนหนึ่งก็มาจากสถานบันเทิงที่เปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก และถือเป็นส่วนสำคัญในด้านการท่องเที่ยว
ดังนั้น นโยบายดังกล่าวจึงถือว่าส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้น เมื่อมีการรวมตัวเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากเมืองพัทยาในฐานะเป็นตัวแทนของท้องถิ่น ก็จำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่ในการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน โดยจะมีการทำหนังสือชี้แจงถึงสภาพการท่องเที่ยว ความเดือดร้อน และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในอนาคตจากแนวนโยบายที่เข้มงวด
นอกจากนี้ ในส่วนของเมืองพัทยาเองก็จะทำการจัดประชุมสภาเมืองพัทยา เพื่อขอมติจากที่ประชุมเพื่อสนับสนุนการขอผ่อนผันระยะเวลาการเปิดปิดให้เหมาะสมกับหัวเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา จากนั้นจึงจะเดินทางเข้าพบนายอำเภอบางละมุง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อทำการชี้แจงต่อไป
ขณะที่ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีต ส.ส.ชลบุรี กล่าวว่า นโยบายเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติเมื่อมีการปรับเปลี่ยนคณะผู้บริหารในรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ทั้งนี้ เพราะผู้บริหารส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพการท่องเที่ยวอย่างเข้าถึง โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ
อย่างเมืองพัทยา เชียงใหม่ หรือภูเก็ต เป็นต้น จนทำให้เกิดปัญหาเดือดร้อนแบบซ้ำซ้อนเป็นประจำ ซึ่งกรณีดังกล่าวในครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยทำหน้าที่ให้การผลักดันเพื่อให้แก้ไขกฎหมายให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายที่นำมาปฏิบัติใช้นั้นล่าสมัย เพราะเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 2497 และมาปรับปรุงอีกหลายครั้งในปี 2509,2521 และปี 2547 โดยได้เข้าชี้แจงตรงต่อนายกรัฐมนตรีจนมีคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องมาสำรวจสภาพปัญหาและเตรียมแก้ไขกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม แต่ก็มาประสบกับภาวการณ์รัฐประหารเสียก่อนเรื่องดังกล่าวจึงชะลอไป
นายชาญยุทธ กล่าวต่อไปว่า เมื่อผู้ประกอบการเดือดร้อนในฐานะตัวแทนท้องถิ่น ก็ต้องทำหน้าที่ในการประสานงานเพื่อการแก้ไข เนื่องจากเห็นว่าปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติ และหากปล่อยไว้ก็จะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่รุนแรง ไม่ใช่แต่เพียงผู้ประกอบการสถานบันเทิงเท่านั้น แต่ยังจะเกี่ยวพันไปถึงอาชีพอื่นๆ อีกด้วย นี่ยังไม่รวมปัญหาในอนาคตซึ่งหากภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ย่อมมีปัญหาสังคมตามมาอย่างปัญหาอาชญากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในบ้าน ในเมืองยังมองไม่เห็นและเราก็คงต้องเข้าไปชี้แจงให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะเมืองพัทยาที่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่สร้างรายได้กว่าปีละ 60,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการส่งมอบหนังสือจากผู้ประกอบการ และเมื่อนำไปรวมกับหนังสือจากนายกเมืองพัทยา และสภาเมืองพัทยา ก็จะนำเรื่องไปประสานเพื่อหาแนวทางยุติ โดยจะมีข้อเสนอ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยการผ่อนผันเวลาปิดทำการในพื้นที่ท่องเที่ยว และ 2.การแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยขอทำการแก้ไขกฎหมายเพื่อความชัดเจนต่อไป
ขณะที่ นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องเรียนก็จะมีการเรียกประชุมสภาเมืองพัทยาเป็นวาระเร่งด่วน เพี่อขอมติเห็นชอบในการขอผ่อนผันเวลาปิดทำการสถานบันเทิง จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยังผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าคงจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถานบันเทิงเองคงต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตัวที่ดีและอยู่ในกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย โดยเฉพาะนโยบายการจัดระเบียบสังคม ทั้งเรื่องของ เยาวชน ยาเสพติด อาวุธ และการห้ามโชว์ลามกอนาจาร