“เสรีพิศุทธ์” ฟ้อง “พัชรวาท” ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีสั่งเก็บเอกสารที่นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการสอบ โครงการเช่ารถตู้ และแต่งตั้งตำรวจสังกัด บช.ก.โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เกรงอาจทำให้เอกสารเสียหาย ศาลนัดไต่สวน 2 มิ.ย.นี้
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่ศาลอาญา กรุงเทพใต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตามคำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่าเมื่อวันที่ 29 ก.พ.51 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 34/2551 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อโจทก์รวม 3 เรื่องคือ 1.เรื่องดำเนินโครงการเช่ารถยนต์และรถตู้ เพื่อใช้ในราชการ 2 เรื่องการบริหารงานบุคคลในการจัดการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สง.ตร.) และ 3.เรื่องออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการที่ 1-10 ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในกองบังคับการต่างๆ
โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ, นายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ, พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผช.ผบ.ตร.เป็นกรรมการ และ พล.ต.ท.ธีรเดช รอดโพธิ์ทอง จเรตำรวจเขตตรวจราชการที่ 8 เป็นกรรมการ
ต่อมาหลังจากที่โจทก์ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โจทก์มีความประสงค์จะตรวจสอบเอกสารเพื่อเป็นข้อมูลในการชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวน จึงทำหนังสือไปยังกองพลาธิการในวันที่ 4 และ 6 มี.ค.51 แต่กลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เก็บรักษาเอกสารว่าไม่สามารถชี้แจงได้เนื่องจากจำเลยในฐานะผู้รักษาการแทน ผบ.ตร.มีคำสั่งจัดตั้งคณะทำงานจัดเก็บเอกสาร โดยมี พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ จตร. (สบ.8), พล.ต.ต.วัฒนะ มโนยศ รอง จรต.(สบ.7) และ พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.ประจำ สง.ตร.ซึ่งเป็นเพื่อนนายตำรวจรุ่นเดียวกันเป็นหัวหน้าคณะทำงานเก็บรักษาเอกสาร
การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แสวงหาผลประโยชน์อันมิควรโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยอาจทำให้ความมีอยู่หรือความสมบูรณ์ของเอกสารอาจขาดตกบกพร่อง หรือมีการแทรกเอกสารใหม่เข้ามาอันเป็นความเสียหายทางราชการ ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยต้องส่งมอบเอกสารดังกล่าวให้แก่กองพลาธิการ กองสวัสดิการ และกองกำลังพล เป็นผู้เก็บรักษา โจทก์ในฐานะผู้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ไม่มีความมั่นใจในการจัดเก็บเอกสารของจำเลย เพราะจำเลยและโจทก์มีสาเหตุโกรธเคืองกันหลายเรื่องการสั่งการของจำเลยเป็นการแทรกแซงก้าวล่วงโดยไม่ชอบซึ่งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนโจทก์ตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น และการเก็บเอกสารต่างๆ ตามคำสั่งของจำเลยก่อนหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนโจทก์จะได้เข้ามาตรวจสอบ จึงเป็นการยักย้ายหรือเอาไปซึ่งเอกสารสำคัญ เพื่อชะลอการตรวจสอบของคณะกรรมการให้ช้าลง ส่งผลให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนโจทก์นานขึ้น จนกระทั่งโจทก์เกษียณอายุราชการในปลายเดือน ก.ย.51 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษเอาผิดทางอาญาแก่จำเลยตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย
ศาลรับประทับคำฟ้องเป็นคดีดำที่ 786/2551 แล้วนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 2 มิ.ย.51 เวลา 13.30 น.
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่ศาลอาญา กรุงเทพใต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตามคำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่าเมื่อวันที่ 29 ก.พ.51 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 34/2551 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อโจทก์รวม 3 เรื่องคือ 1.เรื่องดำเนินโครงการเช่ารถยนต์และรถตู้ เพื่อใช้ในราชการ 2 เรื่องการบริหารงานบุคคลในการจัดการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สง.ตร.) และ 3.เรื่องออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการที่ 1-10 ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในกองบังคับการต่างๆ
โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ, นายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ, พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผช.ผบ.ตร.เป็นกรรมการ และ พล.ต.ท.ธีรเดช รอดโพธิ์ทอง จเรตำรวจเขตตรวจราชการที่ 8 เป็นกรรมการ
ต่อมาหลังจากที่โจทก์ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โจทก์มีความประสงค์จะตรวจสอบเอกสารเพื่อเป็นข้อมูลในการชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวน จึงทำหนังสือไปยังกองพลาธิการในวันที่ 4 และ 6 มี.ค.51 แต่กลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เก็บรักษาเอกสารว่าไม่สามารถชี้แจงได้เนื่องจากจำเลยในฐานะผู้รักษาการแทน ผบ.ตร.มีคำสั่งจัดตั้งคณะทำงานจัดเก็บเอกสาร โดยมี พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ จตร. (สบ.8), พล.ต.ต.วัฒนะ มโนยศ รอง จรต.(สบ.7) และ พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.ประจำ สง.ตร.ซึ่งเป็นเพื่อนนายตำรวจรุ่นเดียวกันเป็นหัวหน้าคณะทำงานเก็บรักษาเอกสาร
การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แสวงหาผลประโยชน์อันมิควรโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยอาจทำให้ความมีอยู่หรือความสมบูรณ์ของเอกสารอาจขาดตกบกพร่อง หรือมีการแทรกเอกสารใหม่เข้ามาอันเป็นความเสียหายทางราชการ ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยต้องส่งมอบเอกสารดังกล่าวให้แก่กองพลาธิการ กองสวัสดิการ และกองกำลังพล เป็นผู้เก็บรักษา โจทก์ในฐานะผู้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ไม่มีความมั่นใจในการจัดเก็บเอกสารของจำเลย เพราะจำเลยและโจทก์มีสาเหตุโกรธเคืองกันหลายเรื่องการสั่งการของจำเลยเป็นการแทรกแซงก้าวล่วงโดยไม่ชอบซึ่งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนโจทก์ตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น และการเก็บเอกสารต่างๆ ตามคำสั่งของจำเลยก่อนหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนโจทก์จะได้เข้ามาตรวจสอบ จึงเป็นการยักย้ายหรือเอาไปซึ่งเอกสารสำคัญ เพื่อชะลอการตรวจสอบของคณะกรรมการให้ช้าลง ส่งผลให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนโจทก์นานขึ้น จนกระทั่งโจทก์เกษียณอายุราชการในปลายเดือน ก.ย.51 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษเอาผิดทางอาญาแก่จำเลยตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย
ศาลรับประทับคำฟ้องเป็นคดีดำที่ 786/2551 แล้วนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 2 มิ.ย.51 เวลา 13.30 น.