xs
xsm
sm
md
lg

ปศท.จับตำราเด็กประถม-มัธยมปลอมกว่า 3 หมื่นเล่ม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจ ปศท.นำกำลังจับกุมแบบเรียนปลอมของนักเรียนชั้น ป.1-2 และ ม.3 รวมกว่า 3 หมื่นเล่ม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท ด้านองค์การค้าสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาเผย ใครแจ้งเบาะแสแหล่งผลิตมีเงินรางวัลให้ถึง 5 แสนบาท

วันนี้ (27 มี.ค) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ปศท. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปศท. พร้อมด้วย นายจิตรนรา นวรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิองค์การค้าสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมหนังสือแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการปลอม โดยจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 ราย คือ นายสวัสดิ์ สิงห์ธวัช และนางสมร สิงห์ธวัช พร้มของกลาง หนังสือแบบฝึกหัดสาระการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ชุดภาชีวิต ทักษะภาษาชั้น ป.2 จำนวน 25,110 เล่ม หนังสือสาระการเรียนพื้นฐาน คณิตศาสตร์ชั้น ป.1 จำนวน 760 เล่ม และหนังสือสาระการเรียนขั้นพื้นฐาน วิวิธภาษา ชั้น ม.3 จำนวน 5,200 รวมทั้งสิ้น 31,070 เล่ม มูลค่าความเสียหายกว่า 1,864,200 บาท

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าว่า หลังจากที่มีการจับกุมแบบเรียนละเมิดลิขสิทธิ์ขององค์การค้าคุรุสภา ซึ่งจับได้ทางภาคอีสานที่ผ่านมานั้น ได้มีการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมแหล่งซุกซ่อนแบบเรียนละเมิดลิขสิทธิ์ และจับกุมเครือข่ายขบวนการรวมถึงนายทุนและโรงพิมพ์ จากนั้นได้สั่งการให้ให้ชุดปฏิบัติการพิทักษ์เด็ก เยาวชน สตรี และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภ.จว.ร้อยเอ็ด นำโดย พ.ต.ท.วัชรินทร์ สัตยาคุณ รอง ผกก.(ปป.) สภ.ปทุมรัตน์ ปฏิบัติราชการ ภ.จว.ร้อยเอ็ด นำหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เลขที่ ค.110/2551 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2551 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 20 ม.7 ต.เชียงขวัญ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งจากการตรวจค้นพบหนังสือแบบเรียนละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนหลายหมื่นเล่ม ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่รัฐอย่างมาก

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า หนังสือแบบเรียนที่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นยังส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หนังสือด้วย เนื่องจากเป็นหนังสือที่ขาดคุณภาพความคมชัดของตัวหนังสือไม่ชัดเจน กระดาษที่ใช้ไม่ใช่กระดาษถนอมสายตา อีกทั้งสีที่ใช้ยังไม่ได้มาตรฐานมีสารตะกั่ว และสารปนเปื้อนเป็นอันตรายต่อร่างกาย สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าเป็นหนังสือแบบเรียนปลอมสามารถทำได้โดยการขอตรวจดูใบการซื้อขายจากองค์การค้าคุรุสภา หรือกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่มีก็แสดงว่าเป็นหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยขบวนการที่ทำมี 2 ขบวนการ คือ 1.ขบวนการในเรื่องจำหน่ายจ่ายแจก และ 2.กระบวนการผลิต ซึ่งผู้ที่กระทำจะต้องรู้เส้นทางที่มาและเส้นทางการจำหน่ายหนังสือเป็นอย่างดี ภายหลังจากที่มีการจับกุมก็มีการประชุมวางแนวทางในการสืบสวนขยายผลต่อ ขณะนี้พอจะทราบแล้วว่ามีใครอยู่เบื้องหลังบ้าง ซึ่งถ้ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย

ด้าน นายจิตรนรา กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่ากลุ่มผู้กระทำผิดเป็นกลุ่มนายทุน ผู้ค้า โดยจะนำหนังสือแบบเรียนจริงไปจ้างโรงพิมพ์ผลิตและนำออกมาขายก่อนหน้าองค์การค้าคุรุสภา และกระทรวงศึกษาธิการ โดยจะหาช่องทางการค้าเอาไว้จากนั้นจึงไปจ้างโรงพิมพ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน ถ้าหากเป็นหนังสือแบบเรียนปลอมขอบตัวหนังสือจะแตก ขาดความคมชัด ถ้าเป็นหนังสือแบบเรียนจริงขอบตัวหนังสือจะเรียบไม่แตก

“นอกจากนี้ ผู้ที่กระทำไม่ใช่บุคคลภายในคุรุสภาหรือกระทรวงศึกษาธิการอย่างแน่นอน เพราะถ้าหากเป็นคนในจะมีต้นฉบับ แบบพิมพ์ที่จะนำไปจ้างโรงพิมพ์ผลิตออกมาโดยที่ไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นแบบเรียนปลอมหรือไม่ สิ่งที่ผู้ปลอมหนังสือแบบเรียนต้องการก็คือ ส่วนของกำไรที่ได้จากการขายหนังสือเอง และการพิมพ์ตำราขององค์การค้าคุรุสภาออกได้ก่อนคนอื่น เพราะจะสามารถขายสินค้าอื่นเกี่ยวกับการเรียนพ่วงได้ด้วย เช่น อุปกรณ์การเรียน สำหรับวิธีการป้องกันในปีต่อไปทางองค์การค้าคุรุสภาจะป้องกันการผลิตหนังสือแบบเรียนปลอมโดยการเพิ่มบาร์โค้ดที่หนังสือ เปลี่ยนแปลงหน้าปกตำราเรียนบางเล่ม และสนับสนุนร้านค้าที่จำหน่ายตำราเรียนอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หลังจากจบคดีแล้วจะต้องแบ่งหนังสือแบบเรียนออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่สามารถใช้ได้ก็จะนำไปบริจาคให้กับห้องสมุดและโรงเรียนที่ขาดแคลน ส่วนหนังสือแบบเรียนที่ไม่ได้คุณภาพก็จะนำไปทำลาย และขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนด้วยว่า หากผู้ใดพบเห็นและช่วยแจ้งเบาะแสได้ ก็จะมีเงินรางวังมอบให้จำนวน 500,000 บาท” นายจิตรนรา กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ด้วยการขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขาย ซึ่งงานวรรณกรรม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปศท.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น