xs
xsm
sm
md
lg

องค์การค้าฯ ลั่นหลัง 21 มี.ค.ร.ร.ใช้แบบเรียนเถื่อนมีความผิด เตรียมเชือดนายทุน-โรงพิมพ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


องค์การค้าโชว์ของกลางหนังสือแบบเรียนเถื่อนกว่า 5 หมื่นเล่ม เตรียมขยายผลสาวถึงนายทุนและโรงพิมพ์ สพฐ.เตรียมส่งหนังสือเวียนถึงโรงเรียนทั่วประเทศให้ตรวจสอบ และช่วยแจ้งเบาะแส ซึ่งหลังจากวันที่ 21 มี.ค.หากมีโรงเรียนใดสั่งซื้อหนังสือเถื่อนจะถือว่ากระทำผิดร่วมด้วย ส่วนโรงเรียนที่ซื้อไปก่อนหน้านี้อนุโลมให้ ระบุแบบเรียนของกลางจะคัดเอาเล่มที่เนื้อหาทันสมัย ประทับตราละเมิดลิขสิทธิ์แล้วนำไปบริจาคให้โรงเรียนเด็กยากจน เตือนผู้ปกครองช่วยตรวจสอบเพราะแบบเรียนเถื่อนใช้สีที่มีสารปนเปื้อนตีพิมพ์เด็กอาจได้รับอันตรายหากไปหยิบอาหารกิน

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว นายจิตรนรา นวรัตน์ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดียาเสพติด 5 สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แถลงข่าวการจับกุมหนังแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปลอม พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผู้บัญชาการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.) นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายบำเรอ ภานุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การคเของ สกสค. และ ดร.สุรินทร์ พงศ์ศุภสมิท ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)

โดยนายจิตรนรา กล่าวว่า คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการ กพฐ.ได้รับรายงานจากองค์การค้าว่า ยอดสั่งซื้อหนังสือแบบเรียนระดับประถมศึกษาในหลายวิชา สำหรับปีการศึกษา 2551 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดการสั่งซื้อลดลงไปกว่า 100 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของร้านค้าตัวแทนที่เคยสั่งซื้อหนังสือร้านค้าหลายแห่งไม่มียอดสั่งซื้อแบบเรียนดังกล่าวเลย แต่กลับมีหนังสือแบบเรียนจำหน่าย จึงได้เข้าไปล่อซื้อหนังสือแบบเรียนที่มีจำหน่ายอยู่ในร้านค้าต่างๆ เพื่อทำการตรวจสอบ

นายจิตรนรา กล่าวอีกว่า หลังเข้าไปตรวจสอบพบว่าหนังสือที่สั่งซื้อมา เป็นหนังสือแบบเรียนที่ไม่ได้จัดพิมพ์โดยองค์การค้าฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของ ปศท.ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ ได้นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ลงวันที่ 19 มีนาคม 2551 เข้าตรวจค้นจุดจำหน่ายในเขตจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด และหมายค้นของศาลจังหวัดมหาสารคาม และจับกุมผู้กระทำผิดในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของผู้อื่นเพื่อการค้า ซึ่งสามารถยึดของกลางเป็นแบบเรียนเถื่อน 43-50 รายการ กว่า 50,000 เล่ม มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดตามข้อหาดังกล่าว มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 8 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะนำตัวผู้ต้องกาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“การลักลอบจำหน่ายแบบเรียนเถื่อนครั้งนี้ สร้างมูลค่าความเสียหายให้กับองค์การค้า เฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงช่วงเวลาเปิดภาคเรียน องค์การค้าจะได้รับความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท โดยประมาณการว่ามีหนังสือแบบเรียนเถื่อนจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปกว่า 10 ล้านเล่ม ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เป็นการจับกุมได้ครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพราะการทำแบบเรียนเถื่อนมีมานาน แต่ไม่เคยจับกุมได้สักครั้งเดียว”นายจิตรนรากล่าว

นายจิตรนรา กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ปกครองที่ซื้อแบบเรียนเถื่อนไปแล้ว ขอให้ตรวจสอบแบบเรียนที่ซื้อไป หากเนื้อหาต่างๆ ยังทันสมัยก็อาจให้ใช้ต่อได้ แต่แบบเรียนปลอมเหล่านี้มักจัดพิมพ์ตามแบบเดิมโดยไม่มีการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยในแต่ปีการศึกษา จึงขอให้ระมัดระวังด้วย เพราะหากแบบเรียนล้าสมัยเด็กก็จะไม่ได้รับความรู้ที่ถูกต้อง ส่วนหนังสือแบบเรียนของกลางที่ยึดมาทั้งหมดนี้ คงจะต้องคัดแยกเอาเฉพาะหนังสือใหม่ที่เนื้อหาทันสมัย แล้วประทับตราว่าเป็นหนังสือแบบเรียนละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วนำไปบริจาคให้กับก้องสมุด เด็กด้อยโอกาส หรือนักเรียนที่ยากจนต่อไป คงไม่ทำลายทิ้งทั้งหมด ยกเว้นของกลางที่เนื้อหาเก่าไม่ควรนำมาใช้อีก

ด้าน นายสุชาติ กล่าวว่า สำหรับรายชื่อแบบเรียนของ สพฐ.ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ทั้งที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดพิมพ์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือต้นฉบับพิมพ์ออกมา เนื่องจากกระบวนการอนุมัติยังไม่เสร็จสิ้น แต่ผู้ค้าได้ทำรายการหนังสือเสนอขายให้กับโรงเรียนและผู้ปกครองไปแล้ว ซึ่งเป็นการทำการตลาดและเสนอขายสินค้าก่อนที่หนังสือจะพิมพ์ออกมา จึงยังไม่มีการปลอมแปลงหนังสือของ สพฐ.เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามรายการปรับปรุงหรือจัดพิมพ์แบบเรียนใหม่ของ สพฐ.ในแต่ละภาคเรียน ไม่ถือเป็นความลับ แต่อาจจะมีบุคคลอื่นที่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดพิมพ์หนังสือของ สพฐ.ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยการแจ้งให้โรงพิมพ์ทราบว่า ขณะนี้ สพฐ.กำลังจัดพิมพ์เล่มใดบ้าง

“ขณะนี้มีกลุ่มโรงเรียน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่สั่งซื้อแบบเรียนเรียบร้อยแล้ว กลุ่มที่สั่งซื้อแต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน และกลุ่มที่ยังไม่ได้สั่งซื้อเลย ดังนั้น สพฐ.จะทำหนังสือเวียนถึงโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ หากสั่งหนังสือแบบเรียนและได้รับของมาแล้วพบว่าเป็นแบบเรียนเถื่อน ให้ทางโรงเรียนแจ้งข้อมูลมายัง สพฐ.ว่าสั่งซื้อจากที่ใด จำนวนเท่าไหร่ เพื่อขยายผลในการจับกุมต่อไป ส่วนกลุ่มที่สั่งซื้อแล้วแต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน และกลุ่มที่ยังไม่ได้สั่งซื้อ ให้ตรวจสอบหนังสือแบบเรียนโดยละเอียด ซึ่ง สพฐ.จะแนบวิธีการสังเกตจากองค์การค้าฯ ไปให้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับตรวจสอบแบบเรียน ทั้งนี้ การสั่งซื้อแบบเรียนของทางโรงเรียนก่อนวันที่ 21 มีนาคม 2551 หากพบว่าเป็นแบบเรียนเถื่อน จะไม่ถือว่ากระทำผิด แต่หากเกิดขึ้นหลังวันที่ 21 มีนาคม 2551 จะถือว่าทางโรงเรียนเป็นผู้ร่วมกระทำผิดในฐานะผู้ซื้อด้วย จึงขอให้โรงเรียนทุกแห่งตรวจสอบหนังสือแบบเรียนที่สั่งซื้ออย่างละเอียด”

ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า หนังสือแบบเรียนเถื่อนจะมีการจัดพิมพ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ใช้กระดาษถนอมสายตา นอกจากนี้สีที่ใช้ในการพิมพ์หนังสือยังเป็นสีที่ปนเปื้อนด้วยสารพิษ ดังนั้น เมื่อเด็กจับหนังสือแล้วไปจับอาหารรับประทานก็จะส่งผลให้เด็กได้รับอันตรายจากสารปนเปื้อนนั้นด้วย

ด้าน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่าตนจะขยายผลการจับกุมให้ถึงตัวการใหญ่ทั้งนายทุน และโรงพิมพ์ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ โดยเร็วที่สุด ซึ่งโทษสำหรับผู้ผลิตต้องหนักกว่าร้านค้าที่จำหน่ายอย่างแน่นอน

ขณะที่คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า หลังจากที่ทราบเบาะแสว่ามีการจำหน่ายหนังสือแบบเรียนเถื่อน ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้เวลาประมาณ 10 วัน ก็สามารถจับกุมผู้จำหน่ายหนังสือเถื่อนได้ ส่วนหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ที่อยู่ระหว่างขออนุมัติจัดพิมพ์นั้น ยังไม่มีตัวหนังสือออกวางจำหน่าย มีแต่เพียงในบัญชีรายชื่อเสนอขายเท่านั้น จึงเชื่อมั่นว่ากระบวนการจัดพิมพ์หนังสือเรียนของ สพฐ.ไม่รั่วไหลอย่างแน่นอน ส่วนที่ระบุว่าอาจมีกระบวนการของคนในกระทรวงศึกษาร่วมด้วยนั้น เป็นเพราะเข้าใจว่าหนังสือแบบเรียนที่ยึดมาได้มีหนังสือของ สพฐ. รวมอยู่ด้วย แต่เมื่อไม่มีตัวหนังสือ ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องเข้าใจว่ามีการรั่วไหล

อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะทำหนังสือถึงโรงเรียนต่างๆ ให้ตรวจสอบหนังสือแบบเรียนที่โรงเรียนสั่งซื้อ โดยสถานศึกษาแห่งใดสั่งแบบเรียนมาก่อนวันที่ 20 มี.ค.แล้วพบว่าเป็นแบบเรียนเถื่อนจะอนุโลมให้ แต่หากหลังจากนี้มีการสั่งซื้อแบบเรียนเถื่อนเข้ามาอีก จะถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย ซึ่งหากโรงเรียนจะสั่งซื้อหนังสือของ ศธ.จากสำนักพิมพ์อื่น โดยผู้จำหน่ายมีข้อเสนอลดเปอร์เซ็นต์หนังสือให้กับทางโรงเรียนในอัตราสูง ก็ขอให้ตั้งข้อสังเกตว่าผิดปกติไว้ก่อน และควรสั่งซื้อแบบเรียนจากองค์การค้าฯ และตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ โดยตนได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาติดตามการซื้อหนังสือแบบเรียนของแต่ละโรงเรียนด้วย

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบหาต้นตออยู่ว่าใครเป็นผู้นำต้นฉบับออกไปเผยแพร่ โดยจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับผู้ที่กระทำความผิด เพราะทำให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากในขั้นตอนการพิมพ์จะต้องมีการตรวจสอบคำผิดคำถูก หากปล่อยออกไปโดยไม่มีการตรวจสอบ จะทำให้เด็กเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้





กำลังโหลดความคิดเห็น