“พงศกร” ประกาศ ไม่ว่าจะเป็นคนในรัฐบาล น้องรัฐมนตรี ถ้าพิมพ์ตำราเถื่อน ให้ดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นข้าราชการโดน 2 เด้ง ไล่ออก ปลดออก ส่วนเอกชนดำเนินคดีอาญา ด้านปลัด ศธ.แย้มเครื่องจักรเก่า เดินเครื่องได้แค่ 4 จาก 10 เครื่อง
นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีจับกุมร้านค้าจำหน่ายตำราเรียนเถื่อน 4 รายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ขอยืนยันว่า ไม่ว่าตัวการที่ทำผิดจะเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน จะอยู่ในรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหน จะรู้จักรัฐมนตรีหรือแม้จะเป็นน้องของรัฐมนตรีก็ตาม ถ้าทำผิดให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอภิสิทธิ์ชนใดๆ ทั้งสิ้น หากพบผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการจะมีความผิด 2 เด้ง คือ ความผิดทางอาญา และความผิดทางวินัย ซึ่งผู้ที่ทุจริตในทางวินัยพบว่า มีบทลงโทษถึงไล่ออกและปลดออก ส่วนเอกชนเป็นคดีทางอาญา
ทั้งนี้ ทราบว่า โรงเรียนบางแห่งได้รับหนังสือเรียนเถื่อนแล้ว แต่ยังไม่ได้กระจายให้นักเรียน เพราะอยู่ระหว่างปิดเทอม อย่างไรก็ดี เราคงไม่ได้เอาผิดผู้บริหารโรงเรียน เพราะไม่รู้ว่าเป็นตำราเถื่อน สำหรับโรงเรียนแห่งไหนยังไม่ได้รับตำราเรียน เมื่อตำราเรียนมาส่งให้เช็คอย่างถี่ถ้วนก่อนว่าเป็นตำราเถื่อนหรือไม่
ขณะที่ นายบำเรอ ภาณุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การค้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา กล่าวว่า ระหว่างนี้ตำรวจกำลังขยายผลการสอบสวนไปทั่วประเทศ และทราบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการ ผบ.ตร. ผบ.ตร.สั่งการให้ตรวจสอบหาแหล่งผลิตหนังสือเรียนปลอม
“เป้าหมายแรก ทำอย่างไรให้รู้แหล่งผลิต ซึ่งทางตำรวจยืนยันมาว่า ไม่รู้สึกหนักใจ แม้ร้านค้าที่ถูกจับกุมได้ไม่ยอมซัดทอดแหล่งซื้อตำราเถื่อน ที่ขณะนี้กระจายไปหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานเป็นส่วนมาก จึงคิดว่าแหล่งผลิตน่าจะอยู่ในภาคอีสาน”
นายบำเรอ กล่าวต่อว่า ตำราเถื่อนน่าจะเกิดจากการนำหนังสือไปก็อบปี้แล้วนำมาพิมพ์ สังเกตได้จากตัวหนังสือบวม ไม่คมชัด ซึ่งที่ผ่านมาองค์การค้าจะจัดพิมพ์ตำราเรียน ร้อยละ 90 ส่วนที่เหลือ จะส่งให้เอกชนพิมพ์ เพราะเกรงว่าจะพิมพ์ส่งให้เด็กไม่ทันเปิดเทอม และเชื่อว่าเอกชนที่รับพิมพ์ไม่ได้พิมพ์ตำราเถื่อน เนื่องจากมีต้นฉบับหากพิมพ์ตัวหนังสือคงไม่บวม
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้องค์การค้ามีปัญหาเรื่องการพิมพ์ เครื่องจักรมีอยู่ 10 เครื่องแต่ใช้งานได้เพียง 4 เครื่อง เพราะเครื่องจักรเก่า เคยให้ช่างมาดูเพื่อจะปรับปรุงให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ปรากฏว่า ค่าซ่อมสูงมาก คิดแล้วว่าไม่คุ้ม
นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีจับกุมร้านค้าจำหน่ายตำราเรียนเถื่อน 4 รายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ขอยืนยันว่า ไม่ว่าตัวการที่ทำผิดจะเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน จะอยู่ในรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหน จะรู้จักรัฐมนตรีหรือแม้จะเป็นน้องของรัฐมนตรีก็ตาม ถ้าทำผิดให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอภิสิทธิ์ชนใดๆ ทั้งสิ้น หากพบผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการจะมีความผิด 2 เด้ง คือ ความผิดทางอาญา และความผิดทางวินัย ซึ่งผู้ที่ทุจริตในทางวินัยพบว่า มีบทลงโทษถึงไล่ออกและปลดออก ส่วนเอกชนเป็นคดีทางอาญา
ทั้งนี้ ทราบว่า โรงเรียนบางแห่งได้รับหนังสือเรียนเถื่อนแล้ว แต่ยังไม่ได้กระจายให้นักเรียน เพราะอยู่ระหว่างปิดเทอม อย่างไรก็ดี เราคงไม่ได้เอาผิดผู้บริหารโรงเรียน เพราะไม่รู้ว่าเป็นตำราเถื่อน สำหรับโรงเรียนแห่งไหนยังไม่ได้รับตำราเรียน เมื่อตำราเรียนมาส่งให้เช็คอย่างถี่ถ้วนก่อนว่าเป็นตำราเถื่อนหรือไม่
ขณะที่ นายบำเรอ ภาณุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การค้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา กล่าวว่า ระหว่างนี้ตำรวจกำลังขยายผลการสอบสวนไปทั่วประเทศ และทราบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการ ผบ.ตร. ผบ.ตร.สั่งการให้ตรวจสอบหาแหล่งผลิตหนังสือเรียนปลอม
“เป้าหมายแรก ทำอย่างไรให้รู้แหล่งผลิต ซึ่งทางตำรวจยืนยันมาว่า ไม่รู้สึกหนักใจ แม้ร้านค้าที่ถูกจับกุมได้ไม่ยอมซัดทอดแหล่งซื้อตำราเถื่อน ที่ขณะนี้กระจายไปหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานเป็นส่วนมาก จึงคิดว่าแหล่งผลิตน่าจะอยู่ในภาคอีสาน”
นายบำเรอ กล่าวต่อว่า ตำราเถื่อนน่าจะเกิดจากการนำหนังสือไปก็อบปี้แล้วนำมาพิมพ์ สังเกตได้จากตัวหนังสือบวม ไม่คมชัด ซึ่งที่ผ่านมาองค์การค้าจะจัดพิมพ์ตำราเรียน ร้อยละ 90 ส่วนที่เหลือ จะส่งให้เอกชนพิมพ์ เพราะเกรงว่าจะพิมพ์ส่งให้เด็กไม่ทันเปิดเทอม และเชื่อว่าเอกชนที่รับพิมพ์ไม่ได้พิมพ์ตำราเถื่อน เนื่องจากมีต้นฉบับหากพิมพ์ตัวหนังสือคงไม่บวม
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้องค์การค้ามีปัญหาเรื่องการพิมพ์ เครื่องจักรมีอยู่ 10 เครื่องแต่ใช้งานได้เพียง 4 เครื่อง เพราะเครื่องจักรเก่า เคยให้ช่างมาดูเพื่อจะปรับปรุงให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ปรากฏว่า ค่าซ่อมสูงมาก คิดแล้วว่าไม่คุ้ม
