ดีเอสไอบุก กกต.หารือสอบกรณีพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่โปร่งใส แต่พร้อมให้ตรวจสอบภายใต้กรอบอำนาจ ลั่น กกต.เป็นองค์กรอิสระ ดักคอดีเอสไอแค่มือไม้รัฐบาล
วันนี้ (31 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนนทน์ ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา และ พ.ต.ท.จักรกริช แดงสุริศร์ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ได้เข้าพบนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อหารือถึงการตรวจสอบกรณี พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ ร้องเรียนดีเอสไอให้ตรวจสอบกรณี กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้ง ไม่โปร่งใสและจัดพิมพ์เกินกว่าจำนวน
นายสุทธิพล เปิดเผยก่อนการประชุมว่า ยืนยันว่า กกต.ทำทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ แต่เพื่อความสบายใจ กกต.ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบ 1 ชุด โดยมีนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต.เป็นประธาน ซึ่งเราจะได้หารือกับดีเอสไอถึงอำนาจในการตรวจสอบว่า มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการหรือไม่ เพราะเราต้องแสดงจุดยืนถึงความเป็นอิสระของ กกต. เพราะต้องยอมรับว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระ แต่ดีเอสไอถือเป็นแขนขาของรัฐบาล หากการตรวจสอบครั้งเกิดขึ้นเพราะการเมืองแทรกแซง ก็คงไม่เหมาะสม โดยเฉพาะขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีต่างๆ ของรัฐบาล เช่น เรื่องนอมินี และคดีที่ กกต.ได้พิจารณาไปแล้ว
“หากการตรวจสอบครั้งนี้พบว่า มีเจ้าหน้าที่ กกต.คนใดเกี่ยวข้องก็พร้อมดำเนินการ ซึ่งเราเป็นห่วงกับการที่ดีเอสไอขอเข้ามาตรวจสอบครั้งนี้ เพราะกกต.เป็นองค์กรอิสระ แต่ดีเอสไอเป็นแขนขาของรัฐบาล ดังนั้น หากเข้ามาตรวจสอบโดยสุจริตโปร่งใส ก็ไม่มีปัญหา หากเข้ามาแทรกแซงก็ต้องเป็นเรื่องที่ระวัง และวันนี้จะต้องหารือกันรวมถึงกรอบอำนาจของดีเอสไอว่ามีอำนาจแค่ไหน หากหมิ่นเหม่ถึงความเป็นอิสระของ กกต. เราต้องคุยกัน เพราะตอนนี้ กกต.กำลังพิจารณาหลายเรื่อง ประกอบกับมีการร้องเรียนกล่าวหาทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต.ด้วย ซึ่ง กกต.ก็เป็นห่วง เพราะมันละเอียดอ่อน”
ภายหลังการประชุม พ.ต.อ.ทวีปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ โดยพยายามหลีกเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ดักรอหน้าห้อง ซึ่งพูดสั้นๆ ว่า “ขอให้เลขาฯ กกต.เป็นคนให้ข่าวแทน” ซึ่งนายสุทธิพล กล่าวว่า พ.ต.อ.ทวี ได้ยืนยันว่า ทางดีเอสไอจะสืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา โดยจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งกระบวนการในการหาข้อมูลนั้นจะประสานงานกับคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.ที่มีนายปกครองเป็นประธาน ที่จะถือเป็นการตรวจสอบแบบคู่ขนาน นอกจากนี้ ดีเอสไอก็ยืนยันว่าทางดีเอสไอมีอำนาจในการตรวจสอบ กกต.ได้ โดยอาศัยพรบ.การจัดตั้งดีเอสไอและบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.เดียวกัน รวมทั้งอาศัยอำนาจของประกาศและระเบียบของดีเอสไอที่สามารถตรวจสอบองค์กรอิสระได้
“เรื่องนี้ผมได้บอกกับทางดีเอสไอว่า เราเป็นห่วงว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระ ที่ทางดีเอสไอก็เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร ดังนั้นจึงจะเข้ามาแทรกแซงองค์กรอิสระไม่ได้ ซึ่งทางดีเอสไอได้แจ้งว่า การทำงานของดีเอสไอเป็นลักษณะบอร์ด ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอดีตประธานศาลฎีการ่วมเป็นกรรมการ ดังนั้น เมื่อทางดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จก็จะรายงานเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เป็นประธานทราบและใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย ดังนั้น การตรวจสอบจึงจะเป็นไปอย่างโปร่งใส เมื่อได้รับคำยืนยันเช่นนี้ทาง กกต.ก็รู้สึกสบายใจและไม่กังวล” เลขาธิการ กกต.กล่าว และว่าการตรวจสอบของดีเอสไอจะตรวจสอบใน 2 ประเด็น คือ การฮั้วการพิมพ์บัตรเลือกตั้งจริงหรือไม่ และมีการจัดพิมพ์บัตรเกินจริงหรือไม่ ซึ่งหากดีเอสไอต้องการให้ กกต.คนใดไปชี้แจงก็สามารถทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเข้ามาได้ แต่ทั้งนี้ดีเอสไอไม่ได้แจ้งว่ากระบวนการสืบสวนจะเริ่มขึ้นเมื่อใด เพียงแต่บอกว่า กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นจะไม่ได้ยุติที่ขั้นตอนของดีเอสไอเท่านั้น แต่กระบวนการจะสิ้นสุดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าหารือครั้งนี้ เลขาธิการ กกต.ค่อนข้างไม่ค่อยพอใจ เนื่องจากทางพ.ต.อ.ทวี ได้มีการประสานขอเข้าพบอย่างฉุกละหุก โดยประสานมาในเวลา 08.30 น.ว่าต้องการเข้ามาพบในเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน