รมว.ยุติธรรมเผยมีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดถึง 5.7 แสนคน เตรียมประกาศการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ 21 มี.ค.นี้ ชี้การปราบปรามยาเสพติดในสถานบันเทิงเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง พร้อมประกาศแม้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง แต่จะออกมาแฉเรื่อยๆ ถึงผับ-บาร์ที่เปิดกันยันตี 4 อันเป็นบ่อนมั่วสุมยาเสพติด เผยอาจไปพบ “พี่ลอ” ขอข้อมูลเรื่องเพชรซาอุฯ ด้วย
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ถนนวิภาวดีรังสิต นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสัมมนาแถลงผลประมาณการผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พ.ศ.2550 ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. และคณะกรรมการบริหารเครือข่ายองค์กรวิชาการสารเสพติดว่า ในวันนี้ได้รับฟังผลการวิจัยดังกล่าวซึ่งพบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในปี 2550 ประมาณ 575,000 คน โดยมียาเสพติดที่ใช้มากจำนวน 4 อันแรก ประกอบด้วย ใบกระท่อม ยาบ้า กัญชา และสารระเหย ทั้งนี้จะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และจัดทำนโยบายในการประกาศการปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติในวันที่ 21 มี.ค.นี้ต่อไป โดยจะมี ป.ป.ส.เป็นแม่ข่ายรับผิดชอบร่วมกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“เมื่อวานผมได้ไปมอบนโยบายเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติด ให้กับหน่วยงานราชทัณฑ์ที่เชียงใหม่ พบว่ามีผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ซึ่งจะต้องมีการปราบปรามที่จริงจังต่อไป ส่วนกรณีการปราบปรามยาอี ยาไอซ์ในสถานบันเทิงนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจที่รับผิดชอบดูแลสถานบันเทิงอยู่จะต้องไปดูแลให้เข้มงวด และเมื่อมีการประกาสการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องนำนโยบายดังกล่าวไปปฏิบัติ” นายสมพงษ์กล่าว
รมว.ยุติธรรมกล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาอาจจะมีการปล่อยปละละเลยไปบ้าง เช่น บางแห่ง เมื่อตนไปทำธุระที่ต่างจังหวัดมา เมื่อขับรถกลับมาบ้านตอนตี 4 ยังพบว่าสถานบันเทิงเพิ่งจะเลิก ซึ่งเป็นไปได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจโดยตรง แต่จะพยายามพูดเรื่องนี้เรื่อยๆ และการปราบปรามยาเสพติดจะต้องทำตลอดไป ไม่ใช่ทำเฉพาะช่วงนี้
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลผลการวิจัยพบว่าตัวเลขเกี่ยวกับผู้เสพยาเสพติดนั้นไม่ได้ลดลงเลย เมื่อรัฐบาลมีการปราบปรามยาบ้า ผู้เสพก็จะหันไปเสพยาเสพติดชนิดอื่นแทน เช่นใบกระท่อม หรือกัญชา เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนั้น นายสมพงษ์ กล่าว่า เรื่องดังกล่าว นายจรัญ คงจะไม่ได้พูดในฐานะปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่อาจจะพูดในฐานะอื่น ก็อาจพูดได้ เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่า กรณีดังกล่าวนายกรัฐมนตรีก็ออกมาพูดด้วยเช่นกัน นายสมพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดไปแล้วว่านายจรัญเตือนคนผิดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เรื่องนี้จะมีการเรียกนายจรัญมาพูดคุยด้วยหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะหาโอกาสพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการกินเกาเหลากันระหว่าง รมว.ยุติธรรมกับปลัดกระทรวงยุติธรรมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายสมพงษ์ยังได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.) จะมีการนำรายชื่อการโยกย้ายนายจรัญ เข้าในการประชุม ครม.ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย นายสมพงษ์ยังกล่าวถึงการรื้อฟื้นคดีเพชรซาอุ และการหายตัวไปของเจ้าหน้าที่ฑูตซาอุดิอารเบียด้วยว่า กรณีดังกล่าวอยู่ในความรับผิดของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งตนได้ให้ดีเอสไอ ไปตรวจสอบดูว่าจะสามารถรื้อฟื้นคดีกลับมาได้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยเป็นอดีตผู้แทนการค้าไทยมาก่อน ซึ่งรับผิดชอบดูแลการลงทุนในตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป ซึ่งทราบว่าประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในแถบตะวันออกกลาง เป็นประเทศที่ร่ำรวย มีการนำเงินเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก แต่เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นก็ทำให้การค้าการลงทุนชะงักไป รวมทั้งความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ชะงักไปด้วย จึงคิดว่าเมื่อตนมาเป็น รมว.ยุติธรรม มีแนวทางใดบ้างที่จะรื้อฟื้นคดีดังกล่าวขึ้นมาได้หรือไม่ โดยให้ทางดีเอสไอไปตรวจสอบคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้วว่าจะมีโอกาสรื้อฟื้นได้หรือไม่ ซึ่งคดีจะหมออายุความในปี 2553 นี้
“ผมมีแนวความคิดที่จะเชิญหลายๆ คนที่เคยเกี่ยวข้อง และมีข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ มาเป็นคณะทำงานเพื่อตรวจสอบคดีนี้ ส่วนข้อมูลเดิมนั้นก็มีอยู่บ้าง และจะตั้งเป็นคณะทำงาน ซึ่งหากรื้อฟื้นคดีนี้ได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศ จะทำให้การค้าการลงทุนกลับมาขยายตัวเหมือนเดิม” นายสมพงษ์ กล่าว และว่าในปัจจุบันประเทศไทยไม่มีเอกอัครราชทูตซาอุดิอารเบียประจำประเทศไทย มีเพียงระดับอุปทูตเท่านั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศดีขึ้น
“ถ้ามีโอกาสผมจะเข้าไปเยี่ยมพี่ลอ และถ้าไปก็ต้องมีข้อมูลก่อนว่าไปแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไร” นายสมพงษ์ กล่าวเมื่อถูกถามว่าจะเดินทางไปสอบถามข้อมูลกับ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ผู้ต้องหาในคดีเพชรซาอุฯ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำด้วยหรือไม่
วันเดียวกัน นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการพูดในการเสวนาของสถานีวิทยุ คลื่น อสมท.96.5 หัวข้อ คิดเพื่ออนาคต ถอดโจทย์ประเทศไทย จนถูกนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่า รัฐบาลไม่คิดจะแทรงแซงกระบวนการยุติธรรมผ่านรายการสนทนาประสาสมัคร เมื่อวานนี้ว่า ตนพูดเนื้อหาตามประเด็นการเสวนา อยากให้ทาง อสมท.คลื่น 96.5 นำเทปรายการเสวนาดังกล่าวมาออกอากาศเต็มเวลาอีกครั้งเพื่อความชัดเจน เพราะเนื้อหาที่ปรากฎในข่าวอาจไม่ครบถ้วน คงถูกตัดออกไปบางส่วน อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานที่กระทรวงยุติธรรมขณะนี้รู้สึกอึดอัดหรือไม่ นายจรัญ ตอบว่า ทำตามหน้าที่งานคืองาน ไม่ได้รู้สึกอะไร
