“จรัญ” ไม่ห่วงข่าวถูกย้าย! ยันพร้อมทำงานในทุกหน้าที่

“ปลัดยุติธรรม” มั่นใจการโยกย้ายเป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจ เชื่อทุกอย่างอยู่ในขอบเขตเพื่อให้การบริหารบ้านเมืองราบรื่น ย้ำแม้เจอข่าวจะถูกเด้งก็ไม่รู้สึกอึดอัดใจ ไม่หวั่นยังเดินหน้าทำงานเต็มที่ ขณะที่กรมราชทัณฑ์ยังคงเร่งสางปัญหาค้ายานรกเพื่อควานหาผู้บงการขาใหญ่มาลงโทษ

วันนี้ (3 มี.ค.) ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวโยกย้ายออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมว่า เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายขอให้เป็นความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจ เราไม่ได้เป็นตัวกระทำการ อย่าไปพูดอะไรมาก ขณะเดียวกันไ ด้แสดงความเห็นถึงกรณีที่ข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกโยกย้ายอย่างต่อเนื่องว่า โดยส่วนตัวคิดว่าผู้ที่รับผิดชอบในการปกครองบ้านเมืองต้องดูแลให้ความเป็นธรรมต่อข้าราชการที่ปฏิบัติงาน ส่วนท่านจะใช้ดุลพินิจอย่างไร ท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบจากการกระทำและการตัดสินใจ ส่วนข้าราชการประจำนั้น เมื่อถึงวาระต้องโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ไม่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะการสับเปลี่ยนตำแหน่งสามารถทำได้ ซึ่งเราก็พร้อมจะปฏิบัติงานในทุกหน้าที่

ส่วนในช่วงที่ผ่านมามีการโยกย้ายโดยไม่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แต่จะใช้วิธีย้ายไปช่วยราชการนั้น นายจรัญ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามผู้ใช้อำนาจ ตนคงตอบไม่ได้ เพราะตนอยู่ในข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง คนที่ในอยู่พื้นที่ตรงนี้จะไปอวดอ้างว่าตัวเองดีเด่น ไม่ได้ ต้องให้สังคมพิจารณา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่รู้สึกอึดอัดใจในการทำงาน

ส่วนสังคมจะจับตาทุกสัปดาห์ว่ารัฐบาลจะย้ายปลัดกระทรวงยุติธรรมเมื่อใดนั้น เข้าใจว่าการดำเนินการในเรื่องนี้จะอยู่ในขอบเขตและจะไม่ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ การบริหารกิจการบ้านเมืองให้ราบรื่นต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ สำหรับตนไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไร แต่หากการโยกย้ายเพราะมีปัญหาทุจริต เห็นว่าถ้าข้าราชการทุจริตไม่สมควรโยกย้าย ไม่ว่าจะเป็นระดับใดก็ต้องไล่ออกและดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุด

นอกจากนี้ นายจรัญยังกล่าวถึงกรณีผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดซัดทอดว่านักโทษในเรือนจำกลางบางขวางเป็นผู้บงการซื้อขายยาเสพติดว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าเรือนจำไม่ได้ปล่อยปละละเลย และกำลังเตรียมการทำทุกอย่างที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ แต่ต้องยอมรับว่าเรามีผู้ต้องขังคดียาเสพติด 4,000-5,000 คน อยู่ในสถานที่จำกัด หลายกลุ่มที่เป็นเป้าหมายถูกย้ายกระจายไปคุมขังในเรือนจำต่างๆ

ด้านนายวันชัย กล่าวว่า การจับกุมนักค้ายาเสพติดในระยะหลังมักมีการซัดทอดว่าผู้บงการซื้อขายยาเสพติดเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ แต่เมื่อกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบรายชื่อที่ถูกอ้างถึงก็พบว่าไม่มีตัวตน ล่าสุดทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีการซักซ้อมในระดับเครือข่ายนักค้ายาระดับผู้รับจ้างขนยาเสพติดว่า หากถูกจับกุมได้ให้ซัดทอดชื่อบุคคล พร้อมระบุว่าบุคคลดังกล่าวเป็นนักโทษในเรือนจำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดขยายผลสอบสวน ถือเป็นการตัดตอนไม่ให้คดีบานปลายไปถึงเครือข่ายยาเสพติดตัวจริง ดังนั้น ในเร็วๆนี้ ตนจะหารือกับ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถึงข้อมูลดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนได้พยายามแก้ปัญหาในเรือนจำโดยการติดตั้งเครื่องดักสัญญาณโทรศัพท์มือถือภายในบริเวณเรือนจำ เนื่องจากบริเวณเรือนจำเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ